ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 587 สามขั้นตอนและหนึ่งหลัก
บทที่ 587 สามขั้นตอนและหนึ่งหลักสูตรการรักษา (3)
ในขณะนั้น มีข้อความเสียงหนึ่งได้ดังแทรกเข้ามาในทะเลแห่งใจของนาง
“จำไว้ว่าปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเป็นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักตู้เซียน”
โหย่วฉินเสวียนหย่าสูดลมหายใจเข้าลึก และพยักหน้าในขณะที่ผมหางม้าของนางแกว่งไกวไปมาเบาๆ
นางยืนขึ้นและโค้งคำนับไปทางพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
เมื่อนางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ใบหน้างดงามของนางก็ดูไม่หลงทางสับสนเฉกเช่นก่อนอีกต่อไปแล้ว บัดนี้นางมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม และดวงตาของนางก็ดูฉายแววแห่งความคิดมากขึ้นในขณะที่นางยืนอยู่เงียบๆ บนริมหน้าผา และมุมมองด้านหลังของนางก็ดูบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกใดๆ ในโลกนี้แปดเปื้อนราวกับอยู่เหนือโลกนี้เช่นนั้น
ในยามนี้ ข่ายอาคมล้อมรอบได้กระจายสลายไป เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายก้าวเดินออกไปข้างหน้าและได้ยินเสียงของโหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะเจ้าค่ะ”
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสแห่งสำนักตู้เซียนก็คลี่ยิ้มอย่างรู้ดี
โหย่วฉินเสวียนหย่ามองไปที่ตะกร้าไข่ แล้วหยิบมันขึ้นมาก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเหล่าผู้อาวุโส
“เสวียนหย่า เราไปพบกับอาจารย์ของเจ้ากันเถิด”
“ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเสวียนหย่าประมาทจนเกือบทำให้ผู้อาวุโสทุกท่านต้องตกอยู่ในอันตราย ขอท่านผู้อาวุโสโปรดลงโทษข้าด้วย!”
“เอ่อ…”
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสต่างมองหน้าและสบตากันและกัน
“มีอันใดผิดปกติเกิดขึ้นกับเด็กคนนี้หรือไม่?”
“นางถูกยึดครองร่าง[1]หรือ? ฟังๆดูแล้ว มันฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่เสวียนหย่าจะพูดหรือไม่?”
“ข้าควรทำอย่างไรดี? ข้าควรจะควบคุมตัวและส่งกลับไปที่สำนักเพื่อให้ท่านเจ้าสำนักตรวจสอบปราณวิญญาณหรือไม่?”
“พวกเราคอยสังเกตกันไปก่อนแล้วรีบตอบกลับเร็วๆ!”
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าเอียงศีรษะเล็กน้อย
เหล่าผู้อาวุโสเอาแต่บอกว่าพวกเขาสบายดี ไม่มีอันใดผิดปกติเกิดขึ้น และพวกเขาก็มีอาการมือเท้าวุ่นวาย ดูสับสนลนลาน ทำอะไรกันไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง
ในที่ใดสักแห่งหนึ่งในใต้ดิน ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้ม เขาคอยเฝ้าแอบสังเกตการณ์อยู่ลับๆ เพื่อดูว่าการรักษานั้นได้ผลมากเพียงใด
เมื่อดวงสุริยันผงาดขึ้นทางทิศตะวันออก ตำหนักเทพวารีก็คึกคักไปด้วยกิจกรรมต่างๆ แล้ว ในเวลานั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่ประจำการอยู่ในศาลสวรรค์ได้เปลี่ยนเป็นสวมเสื้อคลุมเต๋าสีขาวบริสุทธิ์และกำลังหวีเส้นผมและเคราสีขาวของเขาอยู่ตรงหน้ากระจก
ข้าน่าจะไปหาปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเล่าเรื่องของผู้อาวุโสข่งเซวี่ยนให้เขารับรู้หรือไม่?
ช่างเถิด ข้าควรจะลืมเรื่องนั้น ข้าเพิ่งแยกจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มาได้เพียงไม่นาน หากข้าไปพบเขาอีกครั้ง ข้าก็จะพบเขาบ่อยมากเกินไปแล้ว
เช่นนั้นแล้ว ข้าจะถามคำถามนี้ได้อย่างไร?
เหอะๆๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ได้พบสตรีสาว นาม เซวี่ยนเซวี่ยนมาก่อนหน้านี้
บางที ข้าก็อาจจะถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ทุบตีเอาได้
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ใส่ใจคำนึงในคำพูดของข่งเซวี่ยนที่ว่าถึง “การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี” อย่างจริงจังนักเช่นกัน เพราะในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อันใดกับผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นมากนัก
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดข่งเซวี่ยนถึงได้เข้าร่วมในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ทว่าข่งเซวี่ยนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋ามากนัก เมื่อเขาปรากฏตัว เขาก็เป็นเพียง “แม่ทัพธรรมดา” ผู้หนึ่งเท่านั้น
หลังจากวางเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ลงแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแส้หางม้าและขี่เมฆออกไปจากตำหนักเทพวารี แล้วบินตรงไปที่หอสมบัติหลิงเซียว
เพียงในขณะที่เขาบินไปได้เล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังชัดเจน
“ใต้ท้าวเทพวารี~”
หลี่ฉางโซ่วหันกลับไปมอง และเห็นร่างขององค์หญิงหลงจี๋ในชุดกระโปรงสั้นสีชมพูอ่อน กำลังขี่เมฆมา
นางไพล่มือเล็กๆ ของนางเอาไว้ข้างหลัง มีแถบผ้าสีสองเส้นพันรอบข้อมือของนางพร้อมกับรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์และงดงามดั่งดอกบัวน้อยๆ ที่เพิ่งแรกแย้มผลิบาน จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปบนหัวเมฆของเซียนชราเบาๆ
ขี่เมฆเช่นนี้อันตรายนัก ต้องหักบุญ!
“เทพวารี ท่านกำลังจะออกไปหรือ? เราตกลงกันแล้วว่าจะพาข้าไปด้วยหากมันจะไม่เป็นอันตราย!”
เห็นได้ว่า หลังจากงานเลี้ยงผลท้อเซียนแล้ว หลงจี่ก็ดูมีอารมณ์ร่าเริงสดใสและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท อย่าบอกกระหม่อมนะว่า พระองค์แอบซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา?”
“นี่ ฮิฮิ มันก็ไม่ใช่ตลอดเวลาหรอก…”
“อาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นก็ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “รออยู่ที่ตำหนักเทพวารีเถิด กระหม่อมจะไปเฝ้าฝ่าบาท หากทรงมีพระประสงค์จะออกไปและมันไม่มีอันตราย กระหม่อมก็จะทูลเชิญฝ่าบาทไปด้วย”
หลงจี๋ตกลงรับคำอย่างเบิกบานใจในทันที นางประสานมือและโค้งคารวะให้หลี่ฉางโซ่วอย่างสง่างามก่อนจะขี่เมฆตรงไปยังตำหนักเทพวารี
หลี่ฉางโซ่วตรงไปที่หอสมบัติหลิงเซียวเพื่อเข้าเฝ้าองค์เง็กเซียน เขาถวายบังคมองค์เง็กเซียน และพูดคุยถึงเรื่องบางอย่าง
หลังจากการสนทนาหารือที่เรียบง่ายแล้ว ภายหลังจากนั้น อนุสาวรีย์ความเที่ยงธรรมของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ก็จะถูกเหล่าแม่ทัพสวรรค์นำออกจากประตูสวรรค์กลางและเอาไปวางไว้ภายใต้ประตูสวรรค์กลางแทน
ส่วนเรื่องสภาวะการมีบุตรยากของชาวเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดรนั้น…
“ตามที่ความลับของสวรรค์ได้เผยเอาไว้ เต๋าสวรรค์ไม่ได้ส่งการลงทัณฑ์เช่นนั้นลงมา ”
หลังจากเมื่อที่องค์เง็กเซียนให้คำตอบเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจปัญหาในทันที
ไม่ว่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากไอพิษที่มีอยู่ในดินแดนเทวะอุดร หรือเพราะมีศัตรูของเผ่าเวทกำลังแอบสร้างปัญหาอยู่ลับๆ
ทว่าเพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้การดำเนินตามแผนในขั้นตอนต่อไป ก้าวหน้าไปอย่างราบรื่น เขาก็ต้องเดินทางไปยังแดนยมโลกในฐานะเทพวารีเพื่อเอาข้อมูลเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดของชาวเผ่าเวทโดยตรง
องค์เง็กเซียนคลี่ยิ้มและเอ่ยถามว่า “ฉางเกิง การเดินทางไปยังแดนยมโลกในครั้งนี้ เจ้ายังขาดคนช่วยเหลืออยู่หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
พระองค์ให้คำใบ้ชัดเจนกว่านี้ได้หรือไม่?
องค์เง็กเซียนและธิดาของพระองค์ต่างก็เกียจคร้านและเบื่อใช่หรือไม่? องค์ราชินี… แค่กๆ อย่าพูดเหลวไหล อย่าคิดมากไปเลย
“ยังขาดอยู่ ฝ่าบาท!”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าอย่างเฉียบขาดและกล่าวว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังขาดความช่วยเหลือจากคนอย่างท่านแม่ทัพจ้าวเต๋อจู้ ผู้เป็นเสาหลักค้ำจุนแห่งศาลสวรรค์ที่เก่งกาจในด้านการวางแผนและวางกลยุทธ์ ซึ่งสามารถต่อสู้และหลบหนีได้มาช่วย!”
ทันใดนั้น องค์เง็กเซียนก็ยิ้มและหรี่ตา และเขาก็ออกพระราชโองการทันที แล้วเรียกใช้ทักษะที่สอง… ร่างจำแลงทางทักษะจ้าวเต๋อจู้ จากนั้น เขาก็เอ่ยปากสั่งให้จ้าวเต๋อจู้ปกป้องเทพวารี
หลังจากที่องค์เง็กเซียนกล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ก่อนที่เทพน้อยจะมาที่นี่ เทพน้อยได้รับปากกับองค์หญิงหลงจี๋เอาไว้ว่า หากไม่เป็นอันตราย ก็จะยอมให้นางตามไปด้วย แล้วเทพน้อยควรจะผิดคำพูดกับองค์หญิงหลงจี๋หรือไม่ ฝ่าบาท?”
องค์เง็กเซียนขมวดคิ้วพลางจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างสงบเมื่อกล่าวว่า “เช่นนั้น เทพน้อยจะผิดคำพูด…”
“พานางไปด้วย!” องค์เง็กเซียนกล่าวพลางจับจ้องไปที่หลี่ฉางโซ่ว
“ขุนนางของข้า จงเฝ้าดูนางอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้นางกระทำการใดๆ ที่ไม่เหมาะสม!”
“รับบัญชา ฝ่าบาท”
………………………………………………………………..
[1] หมายความในเชิงการถูกสลับหรือสับเปลี่ยนวิญญาณยึดครองร่าง