ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 59.1 ความลับของความแข็งแกร่งของหมู่บ้านสง-ของปลอม (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 59.1 ความลับของความแข็งแกร่งของหมู่บ้านสง-ของปลอม (1)
สถานการณ์ดูซับซ้อนกว่าที่คิด
ผู้ที่มาเยือนยอดเขาหยกน้อยคือ หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ สหายของหลี่ฉางโซ่วเมื่อเขาไปที่ดินแดนเทวะอุดร
ไม่นานหลังจากที่หลิวเยี่ยนเอ๋อร์มาถึง ก็มีศิษย์น้องชายของหลิวเยี่ยนเอ๋อร์อีกสองคนตามนางมา
ที่ใต้ต้นหลิวนั้น หลันหลิงเอ๋อร์จงใจแสดงท่าทางเคอะเขิน โดยคิดว่าจะให้ทั้งสามคนนี้ออกไปจากที่นี่ก่อน
นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกับเรื่องของผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์พี่และอาจารย์ของนาง
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ศิษย์พี่ชายทั้งสองคนนั้นกำลังเผชิญหน้ากันท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดที่แผ่ปกคลุมไปทั่ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ นางควรทำอย่างไรดี
ที่ใต้ต้นหลิว บัดนี้มีศิษย์พี่ชายและหญิงสามคนที่นางไม่คุ้นเคยด้วย กำลังนั่งอยู่คนละด้านของโต๊ะเตี้ยซึ่งหลันหลิงเอ๋อร์ได้ย้ายมันมา
คนแรกที่มาถึงคือ หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ ศิษย์พี่หญิงจากยอดเขาตู้หลิน ซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับหลันหลิงเอ๋อร์ นางเป็นสตรีที่มีใบหน้าสวยและท่าทางสง่างาม
เดิมที หลันหลิงเอ๋อร์คิดว่าศิษย์พี่หญิงคนใหม่ที่มาหาศิษย์พี่ของนางนั้นจะเป็น ‘ตัวอันตราย’ เหมือนกับศิษย์พี่หญิงโหย่วฉิน แต่หลังจากพูดคุยกันกันมาระยะหนึ่งแล้ว หลันหลิงเอ๋อร์ก็ตระหนักว่านางเข้าใจผิด
เห็นได้ชัดว่า ศิษย์พี่หญิงคนนี้กำลังตามหาศิษย์พี่ของนางด้วยเรื่องร้ายแรงบางอย่าง
มันเริ่มต้นมาจากงานชุมนุมหาประสบการณ์เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เมื่อศิษย์พี่หญิงหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ได้พบรักกับศิษย์พี่หวางฉีขณะที่ไปยังดินแดนเทวะอุดรด้วยกัน
หลังจากกลับมาที่ภูเขาในสำนัก ทั้งสองก็ใช้นกกระเรียนส่งสารเกี้ยวพากัน และความรักของพวกเขาก็ค่อยๆ งอกงามและแข็งแกร่งขึ้น
และเมื่อเร็วๆ นี้ ศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์และศิษย์พี่หวางฉี มีแผนจะฝึกบำเพ็ญร่วมกัน พวกเขาจึงตัดสินใจจะไปที่หอไป่ฝานเพื่อลงทะเบียนเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันอย่างเป็นทางการเพื่อฝึกบำเพ็ญร่วมกันบนยอดเขาตู้หลิน หรือยอดเขาเสี่ยวหลิง
ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าศิษย์น้องของหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ ที่อยู่ทางซ้ายมือของหลันหลิงเอ๋อร์ นามว่า หลิวซื่อเจ๋อ ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์เซียนของยอดเขาตู้หลิน จะก้าวออกมาอย่างกะทันหัน
เขาคัดค้านขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ทันที!
เขาแอบรักนางมานานนับร้อยปีแล้ว
นับตั้งแต่หลิวซื่อเจ๋อเริ่มเข้าสู่สำนักตั้งแต่ยังเยาว์ เขาก็มักจะติดตามศิษย์พี่หญิงผู้อ่อนโยนซึ่งมีสกุลเดียวกันกับเขาอยู่เสมอ และเรียกขานนางว่า ‘ศิษย์พี่หญิง’ ‘ศิษย์พี่หญิง’
และหนุ่มน้อยก็เริ่มกังวลขึ้นทีละน้อยเมื่อเขามีสตรีสาวสวยผู้นี้อยู่ในใจ
แต่หลิวซื่อเจ๋อก็รู้สึกว่าขอบเขตพลังของเขาไม่ดีเท่ากับศิษย์พี่หญิงของเขา เป็นผลให้เขาไม่สามารถปกป้องนางได้ เขาจึงเก็บความคิดนี้ไว้ในใจในขณะที่พยายามหยั่งรู้ และเร่งฝึกบำเพ็ญอย่างหนักจนค่อยๆ โดดเด่นขึ้นมาในสำนัก
จวบจนถึงวันนี้ หลิวซื่อเจ๋อได้บำเพ็ญเพียรจนถึงขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นหกแล้ว เขาได้รับสมบัติที่สำนักมอบให้ และยังได้รับการสั่งสอนจากปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาตู้หลิน
ทว่าน่าแปลกที่เมื่อเขาต้องการแสดงความรู้สึกต่อศิษย์พี่หญิงของเขา เขาก็พลันพบว่าศิษย์พี่หญิงที่รักของเขากำลังจะถูกสหายศิษย์ร่วมสำนักจากยอดเขาเสี่ยวหลิงพาตัวไปเสียแล้ว!
ครั้นเมื่อหลิวซื่อเจ๋อก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความรู้สึกต่อศิษย์พี่หญิงของเขา ในขณะนั้น หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ก็ตกใจมาก และปฏิเสธหลิวซื่อเจ๋อทันที
“ศิษย์น้อง ข้าคิดกับเจ้าเฉกเช่นน้องชายที่สนิทที่สุดของข้าเสมอมา”
หลิวซื่อเจ๋อจึงไม่พอใจเช่นนั้น เขายังคงตั้งคำถามกับหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ในเรื่องความสัมพันธ์ของนางกับหวางฉี แม้กระทั่งท้าประลองกับหวางฉี
ศิษย์น้องฉีฉี…
หวางฉีซึ่งมาจากยอดเขาเสี่ยวหลิงก็หาใช่อ่อนด้อยเช่นกัน นับตั้งแต่เขากลับมาจากดินแดนเทวะอุดร ขอบเขตพลังของเขาก็ได้ทะลวงผ่านด่านก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เขาต้องยับยั้งอารมณ์ปรารถนาของเขาที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างมาก บัดนี้เขาเพิ่งฝึกบำเพ็ญจนก้าวหน้าขึ้นจากขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นหกและเพิ่มขึ้นเป็นขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นแปดแล้ว
เมื่อหวางฉีถามหลิวเยี่ยนเอ๋อร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เคารพความคิดเห็นของนางอย่างเต็มที่และไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้กัน
จึงเป็นผลให้สิ่งต่างๆ แย่ลงเรื่อยๆ หลิวเยี่ยนเอ๋อร์และหวางฉีก็ไม่ยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายเลย
และทุกวันนี้ก็เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างศิษย์ยอดเขาตู้หลินและศิษย์ยอดเขาเสี่ยวหลิงจนเหล่าผู้อาวุโสของสำนักต้องออกมากล่าวตำหนิติเตียน
เรื่องนี้จึงต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
ในวันนี้ หลิวเยี่ยนเอ๋อร์มาที่ยอดเขาหยกน้อยเพื่อตามหาหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเดินทางไปกับพวกเขาในเวลานั้นและขอให้เขาเป็นพยานในเรื่องนี้
นอกจากนี้ วิธีนี้ยังเป็นการดีที่เขาจะสามารถอธิบายให้หลิวซื่อเจ๋อรู้ชัดเจนว่า ศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์และศิษย์พี่ฉีฉีนั้น ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นกันได้อย่างไร
ทันทีที่หลิวเยี่ยนเอ๋อร์มาถึง หวางฉีและหลิวซื่อเจ๋อก็ตามนางมาจากด้านหลัง และส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจอย่างไม่คาดคิดในเวลานี้
หลันหลิงเอ๋อร์รู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อยขณะมองไปที่โต๊ะเตี้ยที่เกือบจะถูกทำลายจนกระเด็นออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธของทั้งสองคนนั้น
ศิษย์พี่เป็นผู้สร้างโต๊ะเตี้ยนี้ขึ้นมาเองอีกด้วย
“ศิษย์พี่หรือ”
“หือ?”
เมื่อใบหน้าที่เคร่งขรึมและสง่างามทั้งสองมองมาพร้อมกัน หลันหลิงเอ๋อร์ก็คอหดทันที
ในขณะนั้น หลันหลิงเอ๋อร์ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มออกมาว่า “ศิษย์พี่ทั้งสองคนรอสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ พวกเราสองสตรีมีคำพูดบางอย่างไม่สะดวกจะให้พวกท่านได้ยินเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อเจ๋อและหวางฉีต่างก็จ้องมองไปที่หลิวเยี่ยนเอ๋อร์พร้อมกัน ซึ่งทำให้นางไม่รู้จะทำอย่างไรกับสายตาเร่งเร้านั้น
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ริมทะเลสาบ
หวางฉียังมีน้ำใจสร้างข่ายเวทปิดกั้นเอาไว้ให้ใต้ต้นไม้
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิวซื่อเจ๋อก็เดินกลับมา แล้วสร้างข่ายเวทปิดกั้นที่หนาและแข็งแรงกว่าขึ้นอีกชั้นรอบๆ ด้านนอกข่ายเวทปิดกั้นอันแรกนั้น
และพวกเขาต่างก็สบตากันด้วยสายตาอริรุนแรง
ภายในข่ายเวทนั้น หลิวเยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่เยี่ยนเอ๋อร์ ศิษย์พี่ของข้าได้ไปยุติความสัมพันธ์กับดินแดนมนุษย์ และจะกลับมาในอีกหนึ่งปีเป็นอย่างน้อยเจ้าค่ะ” หลันหลิงเอ๋อร์หยุดกล่าวไปชั่วขณะก่อนจะเตือนนางว่า “ท่านสามารถไปหาศิษย์พี่โหย่วฉินเพื่อหารือเรื่องนี้ได้เช่นกันนะเจ้าคะ”
“ข้าเคยไปที่นั่นมาก่อนแล้ว” หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องโหย่วฉินปิดด่านบำเพ็ญเพียรอยู่ ข้าจึงไม่กล้ารบกวนนาง เวลานี้จึงมีเพียงศิษย์น้องฉางโซ่วที่จะพูดในเรื่องนี้ได้เท่านั้น”
หลันหลิงเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “แต่ศิษย์พี่ของข้าจะยืนยันได้อย่างไรว่าพวกท่านตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นเล่าเจ้าคะ”
“ศิษย์น้องชายของข้าคนนี้ดื้อรั้นยิ่ง” หลิวเยี่ยนเอ๋อร์กล่าวพลางยิ้มขื่น “ตอนนี้เขาคิดว่าข้ากำลังใช้ศิษย์น้องฉีฉีเป็นเกราะกำบังเพื่อไม่ให้เขาล่าช้าในการบรรลุเซียน…แต่จริงๆ แล้ว…ข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไปหาอาจารย์อาจิ่ว ก็พบว่านางปิดด่านบำเพ็ญเพียรอยู่เช่นกัน…แล้วศิษย์น้องฉางโซ่วก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย”
หลันหลิงเอ๋อร์กำลังจะกล่าวอย่างแยบยลออกไปว่าเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับยอดเขาหยกน้อยเช่นกัน
ทว่าก่อนที่นางจะใช้ทักษะวาจาของนางออกไปได้ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่าแผ่นดินสั่นสะเทือน
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป นางก็เห็นศิษย์พี่ทั้งสองคนกำลัง ‘ต่อสู้กันอุตลุด’ ด้วยขาของพวกเขา อยู่ในลานโล่งหน้ากระท่อมมุงจาก!
เนื่องจากสำนักห้ามศิษย์ไม่ให้ต่อสู้กันเอง จึงต้องรายงานเรื่องนี้ไปยังหอไป่ฝานล่วงหน้าในกรณีที่มีความเป็นปฏิปักษ์ใดๆ ต่อกัน และสำนักจะจัดเตรียมวิธีการทำลายความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันนั้น
ในฐานะที่เป็นเมล็ดพันธุ์เซียน เวลานี้ทั้งหวางฉีและหลิวซื่อเจ๋อจึงล้วนถูกห้ามอย่างเข้มงวดมาก
พวกเขาเพียงแค่เหยียดเท้าซ้ายออกไปข้างหน้าแล้วใช้เข่าแตะกัน ในขณะที่ดวงตาของพวกเขาราวกับว่ากำลังพยายามจะเขมือบใครสักคน!
หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากของนางครู่หนึ่งทันทีโดยไม่รู้ว่าจะประสานไมตรีให้พวกเขาได้อย่างไร
หลันหลิงเอ๋อร์กะพริบตา ในสถานการณ์เช่นนี้…ช่างคล้ายกับการที่สัตว์วิญญาณในคอกสัตว์ที่ด้านหลังของภูเขาต่อสู้กันเพื่อแย่งคู่ของมัน!
ทันใดนั้นหลันหลิงเอ๋อร์พลันขบขันในใจและตัดสินใจทันที
จากนั้นนางก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากข่ายเวทปิดกั้นก่อนจะร้องตะโกนบอกทั้งสองคนว่า “เลิกสู้กันได้แล้ว! พวกท่านจะเข่นฆ่ากันด้วยการต่อสู้เช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!…
เอ่อ ไม่สิ โปรดระวังด้วยเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ชายทั้งสอง บรรดาศิษย์ล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กันเองในสำนัก และนี่ยังอยู่ในพื้นที่ยอดเขาหยกน้อยของข้าอีกด้วย ในเมื่อพวกท่านทั้งสองคนอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดถึงไม่ปฏิบัติตามกฎของยอดเขาหยกน้อย ท้ายที่สุดไม่ว่าศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์จะเลือกผู้ใด พวกท่านก็แข่งขันตามกฎของที่นี่ก่อนเพื่อดูว่าผู้ใดจะดีกว่ากัน พวกท่านคิดเห็นเช่นใดเจ้าคะ”
…………………………………………..