ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 59.2 ความลับของความแข็งแกร่งของหมู่บ้านสง-ของปลอม (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 59.2 ความลับของความแข็งแกร่งของหมู่บ้านสง-ของปลอม (2)
ทั้งสองคนพลันกระโดดแยกออกจากกันทันที แม้ว่าเข่าของพวกเขาจะเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ทั้งคู่ก็ยังทำตัวปกติและพยักหน้ารับ
หลิวซื่อเจ๋อพลันเอ่ยถามว่า “กฎใดกัน”
“ศิษย์พี่ของข้าชื่นชอบบ่มสุรา” หลันหลิงเอ๋อร์แย้มยิ้มเล็กน้อย “ข้าอยากขอเชิญพวกท่านทั้งสองไปลองชิมดูเจ้าค่ะ”
ชั่วครู่ต่อมา…
พร้อมด้วยเสียงกระทบกันดังสองครั้ง ขณะนี้ทั้งหวางฉีและหลิวซื่อเจ๋อ ต่างก็นอนอยู่บนโต๊ะเตี้ยด้วยกันในขณะที่ไหสุราในมือของพวกเขาร่วงหล่นลง แม้พวกเขาจะดื่มไปเพียงหนึ่งในสามของทั้งหมดเท่านั้น
เพราะนี่คือ เซียนเมามายแบบเจือจางที่จิ่วจิ่วใช้
หลิวเยี่ยนเอ๋อร์พลันถอนหายใจเบาๆ และยิ้มอย่างขอบคุณให้หลันหลิงเอ๋อร์
ทว่านางก็ยังไม่คิดจะจากไปในทันที
“ศิษย์พี่เยี่ยนเอ๋อร์ ข้ามีวิธีที่อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจได้เจ้าค่ะ”
หลันหลิงเอ๋อร์พลันโบกมือให้หลิวเยี่ยนเอ๋อร์โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะกระซิบบางอย่างในหูของนาง
หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “จะไม่เป็นไรหรือ”
“แน่นอนเจ้าค่ะ นี่เป็นเพียงการช่วยให้ศิษย์พี่หญิงออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ได้ หากผู้ใดสามารถรับเลี้ยงบุตรของผู้อื่นได้ด้วยความเต็มใจ เช่นนั้นท่านก็สามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้จริงๆ เจ้าค่ะ” หลันหลิงเอ๋อร์กล่าวพลางขยิบตา “แต่จำไว้ว่า ท่านต้องบอกศิษย์พี่หวางฉีและหาใครสักคนมาเป็นพยานล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของท่านมัวหมองเจ้าค่ะ ศิษย์พี่หญิง”
“ข้าเข้าใจ! หากเรื่องนี้สำเร็จได้ ก็ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ!”
หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นและทำการคารวะเต๋าให้ในขณะที่หลันหลิงเอ๋อร์รีบโบกมือของนางทันที
ในไม่ช้าศิษย์พี่หญิงผู้นี้ก็ใช้เมฆสองก้อนเพื่อพาศิษย์น้องชายที่เมาแอ๋สองคนขึ้นไปในอากาศและขับเคลื่อนเมฆาไปยังทิศทางของยอดเขาตู้หลิน
“จริงๆ เลยนะ พวกเขาต้องพบศิษย์พี่ของข้าไปเสียทุกเรื่อง แล้วศิษย์พี่ของข้าว่างมากหรือไงเล่า”
เฮ้อ…ไม่รู้ว่านางได้สร้างปัญหาอันใดกัน หลันหลิงเอ๋อร์แค่นเสียงออกมาเบาๆ ขณะหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วเอาโต๊ะเตี้ยนี้ไปที่ทะเลสาบและทำความสะอาดมันอย่างระมัดระวัง
ข้าควรบอกอาจารย์ให้ไปที่ยอดเขาตู้หลินเพื่อดูเรื่องสนุกตื่นเต้นนี้ดีหรือไม่ ช่างมันเถิด อย่าสร้างปัญหาใดๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเมื่อศิษย์พี่กลับมา เขาก็จะดุข้าอีก
“ศิษย์พี่หน้าเหม็น พาน้องสาวของท่านไปยุติสัมพันธ์กับดินแดนมนุษย์มีอันใดผิดกันเล่า? ข้ายังสามารถช่วยก้มกราบกรานแทนท่านด้วยซ้ำ! ช่างน่าโมโหนัก…เมื่อข้าทำเช่นนั้นในภายหน้า ต่อให้ท่านไม่อยากไป ข้าก็จะลากท่านไปที่นั่นให้ได้! เหอะ!”
……
ในหุบเขาใกล้กับเส้นชีพจรวิญญาณแห่งสวรรค์ลำดับหก ห่างออกไปสองพันลี้ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสำนักตู้เซียน
“ไม่รู้ว่าหลิงเอ๋อร์ก่อเรื่องอันใดอีกหรือไม่” หลี่ฉางโซ่วตื่นขึ้นหลังจากเข้าฌานพลางพึมพำออกมาในขณะที่ดวงตาของเขายังคงสงบ
บัดนี้ขอบเขตพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ขอบเขตพลังของเขาจะไม่สูงขึ้น แต่มันก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด
หลังจากตรวจสอบใยแมงมุมที่อยู่รอบๆ กายของเขาแล้ว เช่นเดียวกับค่ายกลเตือนภัยเล็กๆ ที่อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง หลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนไปที่ถ้ำหินอีกแห่งหนึ่งแล้วปิดด่านบำเพ็ญเพียรต่อไป
และในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหนึ่งปีนับตั้งแต่ที่เขามาถึงบริเวณรอบนอกของสำนักตู้เซียน
เขาอยู่นอกสำนักและไม่อยากกลับเร็วเกินไป นอกเหนือจากการไปเยี่ยมหลุมศพบิดามารดาเป็นเวลาสามปีแล้ว เขายังต้องคำนึงถึงเวลาที่ใช้ไปในการเดินทาง และกลับมาทำบางอย่างที่ศิษย์ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสี่ควรทำ
ในช่วงสามปีที่เขาไม่ได้กลับไปยังสำนัก เมล็ดพันธุ์เซียนของยอดเขาต่างๆ น่าจะเพิ่มพูนขอบเขตพลังไปได้ในระดับเล็ก สักหนึ่งหรือสองขั้นใช่หรือไม่
เขาเพียงแค่ต้องตามศิษย์หลักในขณะที่เผยตัวเองในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสี่ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถเพลิดเพลินไปกับการปฏิบัติส่วนใหญ่ในฐานะศิษย์ของสำนักเท่านั้น แต่ยังไม่ต้องกังวลในการเป็นที่สนใจจากสำนักมากนักอีกด้วย
ยิ่งใกล้ถึงวันเดินทางกลับสำนัก หลี่ฉางโซ่วก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเท่านั้น
ดังคำกล่าวที่ว่า “เงินเพียงนิดน้อยก็สร้างความลำบากให้วีรบุรุษ”[1]
ทรัพย์สินของเขาในยามนี้นั้นไม่สอดคล้องกับขอบเขตพลังของเขาอย่างยิ่ง
เขาเคยอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก่อนเมื่อเข้าแข่งขันต่างๆ ในชีวิตก่อนหน้านี้และได้รับของขวัญชิ้นใหญ่มาก แต่กลับไม่ได้รับอุปกรณ์ดีๆ ที่เขาจะสามารถใช้ได้
เขาจะหาวัสดุล้ำค่ามาได้จากที่ใดกัน
ค่ายกลซับซ้อนของยอดเขาหยกน้อยจะต้องใช้วัสดุล้ำค่ามากมาย หากเขาต้องการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงมัน
และเพื่อปรับปรุงวิธีการป้องกันศัตรู เขายังต้องการวัสดุล้ำค่าอีกมากมายเช่นกัน
คงจะดีหากเขามีศิลาวิญญาณเหลือใช้อย่างไม่รู้จบ
หลี่ฉางโซ่วเอามือเท้าคางของเขาขณะครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
เขาเคยมีความคิดแหวกแนวที่จะเปิดสาขาเล็กๆ ที่ด้านข้างเหมืองวิญญาณของสำนักตู้เซียนเพื่อแก้ไขปัญหาศิลาวิญญาณโดยตรงมาก่อน
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ
อย่างไรก็ตามสำนักตู้เซียนก็ได้ดูแลเขามาหลายปีแล้ว ยามนี้เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย เขาก็กลับคิดจะขุดลงไปในเหมืองวิญญาณของสำนักของเขาเองอย่างนั้นหรือ
นี่ไม่ใช่ขนแกะของสำนักอีกต่อไป แต่เป็นการขุดหาเนื้อแกะของสำนักโดยตรง
“ไปเดินเล่นในตลาดที่ใกล้ที่สุด? หรือขายโอสถพิษบ้างดีหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องออกไปเช่นนี้
ตอนนี้เขาสงสัยเล็กน้อยว่า ร่างกายของเขาอาจก่อให้เกิดปัญหา
ในระหว่างการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ เขาคาดคะเนว่าเต๋าสวรรค์จะคำนวณผิดพลาด บัดนี้เขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์มาสองครั้งและได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์แล้ว
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลงทัณฑ์ของสวรรค์และหนีไปทางทิศตะวันตกโดยเข้าไปในร่างของปลา
เพราะในเวลานั้นเขาสังเกตว่ามีเงาร่างของชายคนหนึ่งซึ่งมาจากทิศตะวันออกได้ค้นพบสถานที่ในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขา
ผลที่ตามมา ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ก็ยังถูกมนุษย์จับลากขึ้นไปถึงฝั่งได้!
เขาพบกับหมู่บ้านสง และจบลงด้วยการได้รับการเรียกขานว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ในเวลานั้นเขามีรูปร่างหน้าตาดั้งเดิม เพราะการปลอมตัวทั้งหมดของเขาได้ถูกทำลายลงด้วยทัณฑ์สวรรค์ และรูปปั้นเทพเจ้าที่หมู่บ้านสงสร้างขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้วก็คือใบหน้าดั้งเดิมของเขา
หากเขาไปตลาดซึ่งมีทั้งคนดีคนชั่วปะปนกัน มันจะไม่สร้างปัญหาให้เขามากกว่านี้หรือ
เอ๋ ใช่แล้ว รูปปั้นเทพเจ้าของเขาน่าจะพังไปแล้วใช่หรือไม่
ในเมื่อเขาไม่แสดงตัวออกมา มันจะต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อหลี่ฉางโซ่วนับนิ้วทำนาย เขาก็ผงะงันทันทีก่อนที่จะรู้สึกอับจนหนทาง
มารดามันเถิด! แค่กๆ เซียนไม่ควรสบถ
เกิดอันใดขึ้น
เหตุใดจึงมีรูปปั้นของเขามากกว่าร้อยรูป
เหตุใดจึงมีบุญเครื่องสักการะของเขามากมายเช่นนี้! มันมากมายยิ่งกว่าการสังหารปีศาจใหญ่ด้วยซ้ำ!
เกิดอันใดขึ้น
เนื่องจากเขามีของบางอย่างติดไว้บนร่างกายเพื่อป้องกันการทำนายของสวรรค์ เขาจึงต้องเริ่มทำนายเพื่อให้เขาสัมผัสได้ว่า ‘ผู้ศรัทธา’ ที่บูชาเขาเหล่านั้นอยู่ที่ใด
ไม่น่ามี…
มันอาจจะเป็น…
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…
‘หัวหน้าหมู่บ้าน!’
‘ข้ารู้ความลับของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเหล่านั้นในหมู่บ้านสงแล้ว! พวกเขาบูชาและสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทุกวัน!’
‘หลังจากสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้ว ไม่เพียงแต่ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขายังเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่มเป็นสองเท่าในทุกๆ ครั้งเมื่อพวกเขาออกไปหาปลาในทะเล! และไม่มีผู้คนในเผ่าเจ็บป่วยหรือได้รับภัยพิบัติใดๆ ดังนั้นมันจึงมีผลมาก!’
“เร็วเข้า! ต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว!”
มุมปากของหลี่ฉางโซ่วกระตุกแรงในขณะที่เขาสร้างภาพนี้ขึ้นมาใหม่ในสมอง
นี่… ควรทำอย่างไรดี
หากเขาบอกว่าไม่อยากแย่งบุญเครื่องสักการะไปจากสำนักบำเพ็ญประจิมจริงๆ พวกเขาจะเชื่อหรือไม่
ยาพิษชนิดใดสามารถล้มล้างนักบุญได้?
ขณะนี้เขากำลังท้อแท้อยู่ใช่หรือไม่!
หลี่ฉางโซ่วเอียงศีรษะและมีเงาเล็กๆ บินออกจากปากที่เปิดอยู่ของเขา แต่เขาก็ตกตะลึงมากจนถึงขั้นที่ปราณวิญญาณเดิมออกมาจากร่างของเขา ทว่าจากนั้นเขาก็ดูดมันกลับไปอย่างแรง
คิดหาหนทางสิ! ข้าต้องคิดหาหนทาง!
………………………………………………………
[1] เงินเพียงนิดน้อยก็สร้างความลำบากให้วีรบุรุษ ความลำบากเล็กน้อยแต่กลับทำให้ไม่อาจดำเนินเรื่องสำคัญต่อไปได้ หรือ คนที่มีความสามารถ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาเล็กน้อยกลับไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร