ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 603 ฉางโซ่ววางแผนจัดการปีศาจ
บทที่ 603 ฉางโซ่ววางแผนจัดการปีศาจ เล่อเอ๋อร์ช่วยเสริมกำลังรบ! (4)
โอ้?
มหาราชาแรดก้มหัวลงและมองดูตัวเอง แล้วกล้ามเนื้อหน้าอกที่กระชับแน่นเต่งตึงของเขาก็เริ่มเต้นเป็นจังหวะทันที
“คนรักที่ข้าใฝ่ฝันหาจะต้องสามารถพุ่งทะยานผ่านเมฆหมอก[1] สวมชุดเกราะ ถืออาวุธเฉียบคม และสวมเสื้อคลุมสีแดง เขาต้องสามารถยืนหยัดค้ำฟ้าดินได้!”
ทันใดนั้น มหาราชาแรดก็ดึงเสื้อคลุมสีแดงออกมาแล้วสวมใส่มันอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็หยิบขวานใหญ่ที่พื้นกลับมาไว้ในมือของเขา
“คนรักที่ข้าใฝ่ฝันหาจะมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าในท้ายที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นปีศาจ มนุษย์ หรือเซียนก็ตาม…”
“สารเลว!”
แม่ทัพสวรรค์ร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังดังปรารถนาของเจ้าเอง! ข้าจะทำเป็นว่าข้าไม่เคยมีน้องสาวเช่นเจ้ามาก่อน!”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็เหวี่ยงวาดทวนของเขาออกไปในแนวนอนและฟาดไปที่เซียนสตรี เข่อเล่อเอ๋อร์อย่างไร้ความเมตตาปราณีใดๆ !
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีลมกระโชกแรงพัดมาจากทางด้านข้าง แล้วขวานเหล็กก็กวาดพัดทวนนั้นให้ปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศทันที!
แม่ทัพสวรรค์ถือโอกาสล่าถอย เขาเบิกตากว้างในขณะที่เหล่าทหารสวรรค์ทั้งสิบหกคนรีบบินมาเพื่อปกป้องแม่ทัพของเขา
หลังจากเกิดลมกระโชกรุนแรง ร่างแกร่งกำยำก็มายืนอยู่ด้านหน้าเซียนสตรี และปิดกั้นนางเอาไว้ เขาเชิดศีรษะขึ้นสูง แล้วผายอกพร้อมกับชูขวานขึ้นสูงขณะที่เสื้อคลุมสีแดงของเขาพลิ้วปลิวไสว
จากนั้นเขาก็หันศีรษะเล็กน้อยไปมองที่เซียนสตรีที่ตกตะลึงอยู่ข้างหลังเขา ในช่วงเวลาหนึ่งนั้น เขาได้ซ่อนจมูก นอแรดของเขา และพ่นละอองหมอกสีขาวออกมาเล็กน้อยพลางกล่าวเสียงทุ้มว่า “เทพธิดา อย่ากลัวไปเลย ข้า…”
“เทพธิดา! ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!”
หือ?
มหาราชาแรดขมวดคิ้วและมองไปยังทิศทางของเสียงตะโกน ทว่าเขาก็เห็นลมปีศาจพัดผ่านไปในอากาศ และมหาราชาหัวสิงโตก็กระโดดลงมาจากภูเขาข้างๆ
ปีศาจตัวนี้มีขนสีทองปกคลุม กล้ามเนื้อแข็งแรงของมันปูดโปนออกมาเล็กน้อย และยังแผ่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของบุปผาออกมาอีกด้วย…
ความจริงแล้ว มหาราชาหัวสิงโตซ่อนหัวสิงโตที่ภาคภูมิใจที่สุดของเขาเอาไว้ และแปลงร่างเป็นชายรูปงามมีผมสีทอง เสื้อคลุมสีแดงบนหลังของเขาพลิ้วกระพือเล็กน้อยขณะที่เขาโบกมือ
“แม่ทัพแรด ถอยไป เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่ทัพสวรรค์ผู้นี้”
แม่ทัพ!
แม่ทัพน้องสาวเจ้าสิ!
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจจากเผ่าปีศาจที่ครอบครองภูเขาในฐานะมหาราชา และกำลังก้าวหน้าหลังจากนี้ แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องเสแสร้งทำเป็นปีศาจหางใหญ่[2]!?!
ขณะที่มหาราชาแรดกำลังจะก่นด่าออกมา เสียงคำรามเย็นชาก็ดังขึ้นมาจากด้านข้าง แล้วชายรูปงาม ร่างกำยำที่กลายร่างมาจากปีศาจหมาป่าก็กระโดดออกมา
เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงด้วยเช่นกัน… “จอมทัพสิงโต แม่ทัพแรด จงถอยไป พวกเจ้าล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่ทัพสวรรค์ผู้นี้!” โนเวล-พีดีเอฟ
จากนั้น ก็มีลมปีศาจสองสายพัดผ่านมา…
บัดนั้นเข่อเล่อเอ๋อร์ก็ตะลึงงันจนพูดไม่ออก หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเส้นสายสีดำขณะที่นางก็แอบมองไปที่ ‘แม่ทัพสวรรค์’ ซึ่งเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว
ทันใดนั้นก็มีข้อความเสียงผ่านเข้าไปในใจของเข่อเล่อเอ๋อร์ …
‘ได้เวลาทดสอบฝีมือการแสดงของเจ้าแล้ว หากมีหนึ่งในนั้นกำลังเล่นตลก และหากมีอีกห้าหรือหก คน ก็ทำให้พวกเขาหลงมัวเมาเช่นกัน ข้า ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จะคอยช่วยเหลือเจ้าอยู่ข้างๆ เอง ไม่ต้องห่วง’
เข่อเล่อเอ๋อร์ถึงกับเงียบงัน
ในขณะนั้น แม่ทัพสวรรค์ถลึงตาจ้องมองไปที่เหล่าปีศาจอย่างโกรธเกรี้ยวและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าพวกเผ่าปีศาจ พวกเจ้ากำลังพยายามจะเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นเช่นนั้นหรือ?”
มหาราชาหัวสิงโตยิ้มและกล่าวว่า “พี่ใหญ่…”
“พี่เขย ได้โปรด!”
มหาราชาแรดก้าวออกไปข้างหน้าและร้องตะโกนว่า “วันนี้ เทพธิดาเหนื่อยล้าแล้ว ไยท่านไม่ปล่อยให้นางได้พักผ่อนสักสองสามวันก่อนที่นางจะให้คำตอบกับพี่เขย!? พวกเราทุกคนล้วนเป็นครอบครัว โปรดอย่าให้ความรักใคร่กลมเกลียวต้องถูกทำลายไปเลย!”
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปให้พ้น!” แม่ทัพสวรรค์ตวาดลั่นอย่างเดือดดาลและกำลังจะก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมด้วยทวนของเขา
ทว่าราชาปีศาจสองสามตัวเหล่านี้ก็ได้ระเบิดพลังลมปราณออกมาพร้อมกัน และยังมีราชาปีศาจขอบเขตเซียนจินสองคนอยู่ที่นี่อีกด้วย…
“ดี! ฝากไว้ก่อนแล้วกัน!”
หลี่ฉางโซ่วซึ่งปลอมตัวเป็นแม่ทัพสวรรค์กัดฟันและก่นด่าออกมาด้วยความโกรธ จากนั้น เขาก็หันหลังแล้วขี่เมฆ รีบพุ่งออกไปพร้อมกับทหารสวรรค์ทั้งสิบหกนาย
ในขณะนั้น ราชาปีศาจผู้แข็งแกร่งกำยำทั้งห้าก็หันกลับไปมองที่เข่อเล่อเอ๋อร์ซึ่งอยู่ที่นั่น และพูดออกมาพร้อมกันว่า
“เทพธิดา!”
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หยุดพูดและมองหน้ากันและกัน ดวงตาของพวกเขาฉายแววเป็นอริ เกลียดชังกันออกมามากขึ้น!
หลังจากนั้นไม่นาน ราชาปีศาจทั้งห้าก็ต่อสู้กัน แต่โชคดีที่เข่อเล่อเอ๋อร์หยุดพวกเขาเอาไว้ได้ทันเวลา ด้วยการเรียกออกมาว่า “ท่านผู้แข็งแกร่ง” อย่างรวดเร็ว
และตามที่หลี่ฉางโซ่วเตือนเอาไว้ เข่อเล่อเอ๋อร์ก็ ได้เปิดกฎห้ามในถุงเก็บสมบัติและปิดโอสถเพลิงหัวใจ จากนั้นนางก็ยืนขึ้นและค้ำยันกายด้วยกระบี่ของนางแล้วไปพักฟื้นรักษาตัวที่ป่า…
ราชาปีศาจทั้งห้าต่างเหลือบมองหน้ากันและกัน แล้วแค่นสียงเย็นชา จากนั้นพวกเขาก็รีบติดตามนางไปอย่างหมดหนทาง
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
เอาล่ะ ฉากแรกถือได้ว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ฉากที่สอง เทพธิดาบ่นและโฉมงามโกรธเกรี้ยว จำเป็นต้องรีบจัดฉากและเล่นให้เร็วที่สุด ความไม่เช่นนั้น ความล่าช้าใดๆ ย่อมจะทำให้สิ่งต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ในภายหลัง
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังเตรียมพร้อมสำหรับฉากต่อไป เขาก็ต้องคอยดูเพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยของอ๋าวอี่
มันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เขาไม่อาจปล่อยให้ราชาปีศาจเหล่านี้ฉวยประโยชน์เอาเปรียบเขาได้จริงๆ!
นอกเหนือจากนั้น กำลังมีการดำเนินการเคลื่อนพลอยู่
หลี่ฉางโซ่วหลับตาลงและปรับมันเล็กน้อย และกระจายพลังจิตของเขาออกไปอีกครั้งเพื่อเริ่มเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีคำว่า ขนส่ง ออกไปทั่วทุกที่
จากนั้นก็วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อเฝ้าปกป้องสำนัก
วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อเฝ้าป้องกันเมืองอันสุ่ย
วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เผ่ามังกรเพื่อช่วยเหลือป้องกันทะเลบูรพา
วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในทะเลทักษิณ
วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ดวงตาแห่งท้องทะเลแห่งทะเลประจิม
วางกำลังพลตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ทะเลอุดร…
แม้ว่าในเวลานี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กว่าหกในสิบส่วนจะรีบเร่ง พุ่งไปยังมุมที่รกร้างห่างไกลของโลกบรรพกาล แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเล็กน้อย แล้วในวันนั้น เขาก็เริ่มคิดให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพวารีรีบไปที่วังดุสิตก่อน
ครึ่งชั่วยามต่อมา…
ที่ประตูทางเข้าหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย สำนักตู้เซียน
แผนภาพไท่จี๋ขนาดเล็กค่อยๆ ก่อตัวขึ้น และมีเจดีย์ขนาดเล็กโผล่ออกมาจากมัน
เจดีย์ขนาดเล็กเปล่งแสงออกมาเป็นระลอกดุจคลื่นน้ำ ราวกับว่ามันกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่าง
ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเบาะนั่งสมาธิข้างประตู อดจะลืมตาขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจไม่ได้ และมองไปรอบๆ ด้วยความสับสนงุนงง…
มีมือใหญ่ยื่นออกมาจากด้านข้างเพื่อคอยจับเจดีย์น้อยเอาไว้ และเสียงของหลี่ฉางโซ่วก็ผ่านเข้ามาในใจของหลิงเอ๋อร์
“จงฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ ข้ามีบางอย่างต้องทำ”
“โอ้” หลิงเอ๋อร์รับคำ
นางกะพริบตาขนตายาวของนางก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง และกลับคืนสู่สภาวะแห่งการตรัสรู้เต๋า
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วมองไปที่เจดีย์เล็กๆ ในฝ่ามือและฟังเสียงโห่ร้องของปู่ใหญ่เจดีย์ในใจของเขา แล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้
เฮ้อ… ร่างหลักของข้ากลายเป็นไพ่ไม้เด็ดของข้าไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?
จงวางมือของเจ้าให้มั่นคง แล้วถือเจดีย์เสวียนหวงไว้เหนือหัวของเจ้า และมาเป็นหน่วยกู้ภัยกันเถิด
เวลานี้ ศาลสวรรค์ยังขาดกลุ่มนักสู้ระดับสูง…
………………………………………………………………..
[1] การห้อตะบึง พุ่งไปอย่างรวดเร็ว ดุจขี่เมฆหมอก เป็นการบรรยายการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
[2] ผู้เขียนปรับมาจากหมาป่าหางใหญ่ที่แสร้งวางก้ามอวดตัวว่าเก่งกล้า สามารถและทรงพลัง
—————————————-