ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 606 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (3)
บทที่ 606 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (3)
ขณะนั้น ทหารสวรรค์หนึ่งหมื่นนายไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ และหลี่ฉางโซ่วยังทิ้งถ้อยคำรุนแรงเอาไว้และรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ในค่ายกลใหญ่ใต้ดิน จอมปีศาจแห่งกรรมเริ่มเยาะเย้ยถากถาง
พวกมันเยาะเย้ยว่าทหารสวรรค์แห่งศาลสวรรค์ไร้ประโยชน์และล่าถอยไปโดยไร้การต่อสู้ พวกมันเยาะเย้ยความจริงที่ว่า ตอนนี้ศาลสวรรค์มีแม่ทัพใหญ่เพียงไม่กี่คน และพวกเขาก็ยังคงยืนกรานที่จะเผยแผ่บารมียิ่งใหญ่ของพวกเขาและแสร้งตบหน้าตัวเองจนบวมเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนอ้วน[1]
ในขณะนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน ซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งเดือดดาลจัดจนเกือบจะชักกระบี่ออกมาฟาดฟันพวกมันก่อนล่วงหน้า ทว่าโชคดีที่หลี่ฉางโซ่วหยุดเขาเอาไว้ได้ทัน…
“ต้องทำตามแผน เทพน้อยต้องดำเนินการตามแผน ฝ่าบาท”
“พวกเผ่าปีศาจเหล่านี้หยิ่งผยองพองขนนัก พวกมันดูหมิ่นศาลสวรรค์ของข้า พวกมันสมควรถูกฆ่าให้ตาย!”
“ฝ่าบาทโปรดทรงวางพระทัย พวกเราจะทำลายพวกมันให้เป็นเถ้าถ่านภายหลังจากนี้อย่างแน่นอน!”
จากนั้น จ้าวเต๋อจู้ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและยังคงซ่อนตัวอยู่ที่นี่ต่อไปเงียบๆ กับหลี่ฉางโซ่วซึ่งสรุปวิธีการได้ว่า จะชิงกระบี่ในภายหลังได้อย่างไร
หลี่ฉางโซ่วยังคงควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้และแอบแพร่กระจายข่าวออกไปว่า เหล่าทหารปีศาจแห่งภูเขาเหยาเซิงกำลังต่อต้านสวรรค์ในแดนเผ่าปีศาจต่างๆ…
เนื่องจากเรื่องของเผ่าปีศาจแห่งภูเขาเหยาเซิง ทุกฝ่ายในศาลสวรรค์จึงตื่นตัวเช่นกัน
เหล่าแม่ทัพทั้งหลายต่างรีบรุดไปที่หอสมบัติหลิงเซียวเพื่อขอเข้าร่วมการต่อสู้ แต่แม่ทัพตงมู่ก็ใช้ข้ออ้างว่าองค์เง็กเซียนไปพักผ่อนที่สระหยกและขอให้พวกเขารอสักสองสามวัน
ขณะเดียวกันนั้น แม่ทัพตงมู่ ก็ใช้อำนาจทางการทหารของเขา ระดมกำลังทหารสามหมื่นนาย โดยให้แม่ทัพสวรรค์ “เค่อเจิ้นเอ้อร์” ซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นผู้ควบคุมบัญชาการกองทัพในครั้งนี้
ในวันที่สาม เหล่าทหารปีศาจแปดหมื่นนายและราชาปีศาจยี่สิบหกตนก็มารวมตัวกันบนภูเขาภูเขาเหยาเซิง
หลี่ฉางโซ่วรีบพุ่งไปที่นั่นพร้อมกับกองทัพแห่งศาลสวรรค์ที่แข็งแกร่งจำนวนสามหมื่นนาย และเขาก็ยังใช้เวทโปรยถั่วเป็นทหารเช่นเดียวกัน
เมื่อทหารปีศาจเหล่านี้สังหารทหารถั่วด้วยความยากลำบากมาก และทิ้งซากศพหลายพันเอาไว้เบื้องหลัง และเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้กลับกลางอากาศ ทว่ากองทัพแห่งศาลสวรรค์ก็ล่าถอยไปก่อนเวลาล่วงหน้าแล้ว และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้สำเร็จ…
บัดนี้ ขวัญกำลังใจของเผ่าปีศาจเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
ในขณะนั้น นอกจากราชาปีศาจสองสามตนอย่างเช่นปีศาจแรดแล้ว ก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า เข่อเล่อเอ๋อร์ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ได้หายตัวไปแล้ว
ปีศาจน้อยตนหนึ่งที่ลาดตระเวนบนภูเขาได้ส่งสารถึงปีศาจแรดและราชาปีศาจอีกสี่ตน นางได้ระบุในสารว่า นางไม่อาจทนเห็นชีวิตของผู้คนถูกทำลายได้และนางจะกลับมาขอบคุณพวกเขาเมื่อการต่อสู้ที่นี่สงบลงแล้ว…
แม้ว่าราชาปีศาจทั้งสี่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนี้
สตรีนั้นหาไม่ยาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การต่อสู้กับทหารสวรรค์!
มันจะช่วยเพิ่มศักดิ์ศรีบารมีของพวกมันในหมู่เผ่าปีศาจ และปูทางไปสู่อนาคต!
กล่าวได้ว่า การโจมตีทั้งสามระลอกที่ศาลสวรรค์เปิดขึ้นนั้น ได้กระตุ้นให้ขวัญกำลังใจของเผ่าปีศาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โนเวล-พีดีเอฟ
ในวันนั้น มีข่าวออกมาจากศาลสวรรค์ว่า องค์เง็กเซียนทรงพิโรธหนัก และมีบัญชาให้แม่ทัพตงมู่นำกำลังทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายไปทำลายเผ่าปีศาจแห่งภูเขาเหยาเซิงในวันรุ่งขึ้น
ในคืนนั้น…
เพียงแค่คืนเดียว!
คลื่นลมปีศาจพัดมาจากเหนือลงใต้ จากตะวันออกไปตะวันตก
ยามนั้น ทหารปีศาจมากกว่าสองแสนนาย และราชาปีศาจมากกว่าร้อย รวมถึงปีศาจโบราณนับสิบตนได้มารวมตัวกันที่ภูเขาเหยาเซิง!
ในขณะนั้น กองกำลังของเผ่าปีศาจได้ถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่ายหลัก
ฝ่ายหนึ่งคือ ฝ่ายสายกลาง ซึ่งพวกเขาจะคิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลอดภัยในโลกบรรพกาลหลีกเลี่ยงเผ่าพันธุ์มนุษย์ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงครามใดๆ ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจ เฉกเช่น เมืองซื่อเถี่ย
ฝ่ายที่สองคือ ฝ่ายที่ต้องการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในสมัยโบราณของเผ่าปีศาจและสนับสนุนความแข็งแกร่งของพวกมัน
ฝ่ายที่สามคือ ฝ่ายพวกหัวรุนแรงสุดขั้ว ซึ่งยังคงความรู้สึกที่เหนือกว่าของเผ่าปีศาจที่มีเมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อ่อนแอในสมัยโบราณ พวกมันมีความสุขเพลิดเพลินกับการกินเนื้อมนุษย์…
ฝ่ายที่สองและสามนั้นมีความสอดคล้องเข้ากันได้ดี พวกมันได้สร้างประชากรและครอบครองเผ่าปีศาจส่วนใหญ่
ในขณะนั้น เผ่าปีศาจที่ตอบสนองก่อนและมารวมตัวกันบนภูเขาเหยาเซิงนั้น ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายที่สาม
หลี่ฉางโซ่วกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมทั่วทั้งภูเขาเหยาเซิง และเขาก็ตกตะลึงกับกรรมร้ายที่เต็มไปทั่วทั้งภูเขานั้น
หากไม่ใช่เพราะเขาต้องการจับปลาตัวใหญ่ในสถานการณ์นี้ เขาย่อมอยากฉวยโอกาสจากความมืดมิดในยามราตรีเพื่อระเบิดสถานที่นี้ทันที…
มาคอยดูกันว่า บางทีเหล่าคนสำคัญของเผ่าพันธุ์ปีศาจอาจมาปรากฏตัวขึ้นในวันพรุ่งนี้
ในขณะนี้ พวกเผ่าปีศาจบนภูเขาเหยาเซิงกว่าครึ่งหนึ่ง อาจไม่รู้ว่ามีเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจมากมายมาที่นี่ ซึ่งพวกมันเพิ่งปีนขึ้นมาจากสถานที่ลับใต้ดินของเผ่าปีศาจ…
และนี่คือ กองกำลังพันธมิตรของเผ่าปีศาจ ซึ่งส่วนหนึ่งของพวกกองกำลังพันธมิตรเผ่าปีศาจนี้ ได้ถูกปีศาจเฒ่าจากใต้ดินเหล่านั้น โอนย้ายไปชั่วคราวแล้ว
ภูเขาเหยาเซิงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกมัน และกระบี่สมบัติล้ำค่าที่ด้านล่างก็เป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ดังนั้นพวกมันจึงไม่อาจสูญเสียมันไปได้
ในเวลานี้ เผ่าปีศาจรู้สึกว่า การต่อสู้กับศาลสวรรค์นั้นเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูเผ่าปีศาจ!
แน่นอนว่า ในยามนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของเผ่าปีศาจล้วนมืดบอดเพราะคว้าชัยได้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้น เหล่าปีศาจกว่าครึ่งหนึ่งจึงไม่เห็นศาลสวรรค์อยู่ในสายตาอย่างจริงจังเลย
ตอนนี้ ศาลสวรรค์ขาดแคลนทหารและแม่ทัพใหญ่ หากไท่ซ่างเหล่าจวินไม่ได้เข้าสู่ศาลสวรรค์และองค์เง็กเซียนไม่ได้มีบรรพาจารย์เต๋าอยู่เบื้องหลัง เผ่าปีศาจก็คงบุกโจมตีไปนานแล้ว
ทว่าเหล่าปีศาจก็ไม่ได้สังเกตเห็น…
บัดนี้ มือใหญ่ที่แต่เดิมได้ปกคลุมภูเขาเหยาเซิงอยู่ลับๆ ได้ค่อยๆ เริ่มปิดลงอย่างช้าๆ
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้ร้อนรน เขาตัดสินใจที่จะมั่นคงอีกครั้ง
ในยามรุ่งอรุณ ดวงสุริยันยังมิทันผงาดฟ้า
ขณะนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วได้พุ่งไปที่พรมแดนระหว่างดินแดนเทวะทักษิณและดินแดนเทวะบูรพา เขาพบถ้ำที่ซ่อนอยู่และแผ่กลิ่นอายลมปราณปีศาจที่เขาจำลองออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน กฎห้ามของเคหาสน์ถ้ำก็ถูกเปิดใช้งาน และเสือดำซึ่งสวมเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงก็รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มบางและกล่าวว่า “สหายเต๋าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดี สบายดี… แล้วพี่ลู่หยา ท่านสบายดีหรือไม่?”
“ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง เป็นเพียงว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเพิ่งมีประสบการณ์ลมปราณแตกซ่านในขณะที่กำลังฝึกบำเพ็ญ ทว่าข้าก็ฟื้นกลับคืนได้ทันเวลา โชคดีที่ยังไม่เป็นไร”
เสือดำถอนหายใจอย่างโล่งอก และลังเลที่จะพูดบางอย่าง
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบจานออกมาสองสามใบแล้วคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า
“เจ้าเตรียมสุราเอาไว้แล้ว จะไม่ชวนข้าไปดื่มด้วยสักหน่อยหรือ?”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึง ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต
—————————————-