ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 61.1 ยอดเขาอัตคัดน้อย (1)
เรื่องวุ่นวายที่หลิงเอ๋อร์ก่อขึ้นในครั้งนี้จะทำให้นางสูญเสียโชคไปอย่างมากแน่นอน นางน่าจะสามารถชดเชยได้หลังจากถูกกักบริเวณเป็นเวลายี่สิบปีโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีก
ภายในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่ความคิดนี้ปรากฏเข้าในหัวใจไม่หยุด
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ในฐานะศิษย์พี่ของนาง เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับผลที่ตามมา
เพียงแค่นิสัยนี้ของหลิงเอ๋อร์…
บางทีทั้งเขาและท่านอาจารย์อาจตามใจนางมากเกินไป และถึงเวลาที่ต้องจัดการให้นางได้รับการฝึกฝนแล้ว
‘โลกนี้อันตราย’ สี่คำนี้ ในฐานะศิษย์พี่ เขาสามารถกล่าวได้นับครั้งไม่ถ้วน แต่มันย่อมไม่มีวันเทียบได้กับการที่นางจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง
เมื่อคิดเช่นนี้ นิ้วมือของหลี่ฉางโซ่วก็เคาะที่เท้าแขนของเก้าอี้โยกเบาๆ
เขาได้ยินเสียงลมและใบไม้ที่ร่วงหล่นรอบตัวเขา
จู่ๆ เขาก็คิดถึงบทกวีเล็กๆ ขึ้นมา กล่าวออกมาคำหนึ่งว่า “ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร”
หากไม่แล้ว ข้าจะดูแลปลูกฝังสติปัญญา ความงามทางศีลธรรม บทกวีให้กับศิษย์น้องหญิงของข้า และสร้าง ‘เหตุการณ์บังเอิญ’ ให้ศิษย์น้องหญิงของข้าได้เข้าไปอยู่ในตระกูลใหญ่มั่นคั่ง จากนั้นหาสามีให้นาง แล้วขโมยสินสอดทองหมั้นเสีย
ล้อเล่น ล้อเล่นนา เขาแค่โกรธศิษย์น้องหญิงน้อยเท่านั้น แต่เขาจะไม่โยนนางออกไปที่ใด
ขณะนี้เขากลายเป็นเซียนและบรรลุเซียนมาระยะหนึ่งแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องลดการเข้าถึงข้อมูลของศิษย์น้องหญิงของเขาได้แล้ว
ในสายตาของผู้อื่น เวลานี้เขาเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสี่
ในสายตาของจิ่วอู เขาน่าจะถูกมองว่าเป็นต้นกล้าอมตะในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นเจ็ดหรือแปด
ในสายตาของศิษย์น้องหญิง เขาน่าจะเป็นเซียนหยวน…
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว จึงจะเรียกว่าเป็นความลับ หากมีผู้อื่นรู้เรื่องนี้อีกก็น่าจะเรียกว่าเป็น ‘ข่าว’ แล้ว
หลังจากนั่งพักเป็นเวลานาน สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็จับไปที่หลิงเอ๋อร์ที่กำลังคัดลอกพระสูตรอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วโทสะของหลี่ฉางโซ่วก็ลดลงมาก
หลิงเอ๋อร์บอกเขาเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับท่านอาจารย์
หากเป็นเรื่องจริง เหตุการณ์เกี่ยวกับทั้งสาม หวาง หลิว และหลิวในครั้งนี้ จะคล้ายกับที่อาจารย์ของเขาเคยประสบเมื่อแปดหรือเก้าร้อยปีก่อนมาก แต่ผลที่ได้กลับแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ในตอนนั้นคนรักของอาจารย์…ถูกใครบางคนแย่งไป
และคู่แข่งความรักของอาจารย์ก็ทำลายรากฐานเต๋าของอาจารย์ และคิดจะทำลายฐานพลังของท่านอาจารย์ทันที แต่การลงโทษจากสำนักกลับเพียงให้คนผู้นั้นเข้าปิดด่านสำนึกผิดเป็นเวลาร้อยปีเท่านั้น
และยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายกลับข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์จนทะยานขึ้นเป็นเซียนในช่วงร้อยปีที่เข้าปิดด่านสำนึกผิด
จนถึงขณะนี้ ก็มีเพียงข่าวเหล่านี้เท่านั้นที่เขาได้รับรู้
เพราะเป็นเรื่องน่าอับอาย เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงถูกปิดเอาไว้ บัดนี้เวลาผ่านมาเกือบเก้าร้อยปีแล้ว ไม่มีผู้ใดกล่าวถึงมันอีกเลย…
บนเขาหยกน้อยในรุ่นของอาจารย์เขา ความจริงแล้วมีลูกศิษย์สองคน อาจารย์ยังมีศิษย์พี่คนหนึ่ง ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วและหลันหลิงเอ๋อร์ก็น่าจะมีท่านอาจารย์ป้า
ฉีหยวน และศิษย์พี่หญิงของเขาซึ่งเป็นท่านอาจารย์ป้าของหลี่ฉางโซ่ว ก็เป็นดั่งคู่เหมยม้าไม้ไผ่ที่รักกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นกัน
แต่ก่อนที่อาจารย์ของเขาจะถูกคนลอบทำร้าย อาจารย์ป้าผู้นี้ก็ออกจากสำนักไปโดยบอกว่านางจะไปหาท่านปรมาจารย์ใหญ่ซึ่งเป็นอาจารย์ของนาง ทว่าประหนึ่งท่านปรมาจารย์ใหญ่ นางจากไปตลอดกาล…
เขาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
กลับกัน ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะไม่ใส่ใจในกฎระเบียบของสำนักเช่นนี้จริงหรือ
สำนักตู้เซียนจงใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเองหรือไม่
เป็นไปได้หรือไม่ที่มีใครบางคนทำให้เฒ่าจันทรา[1] ซึ่งไม่มีผู้ใดนับถืออย่างจริงจังในศาลสวรรค์ ผูกด้ายแดงให้กับศิษย์ของพวกเขาอย่างสะเปะสะปะไร้แบบแผน
หลังจากสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสามสำนักวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบแล้ว พวกเขาก็พบว่าความจริงแต่ละสำนักล้วนมีข้อบกพร่องในตัวเอง
ว่ากันว่าเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานส่วนใหญ่เก่งกาจเรื่องการวางแผน ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาร้ายกาจเจ้าเล่ห์และมีแผนร้ายเสมอ
สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมีทั้งคนดีและร้ายปะปนกัน กฎเกณฑ์หย่อนยาน ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความขัดแย้งแตกแยก
ทว่าในทางกลับกัน สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งน่าจะไม่ยึดติดกรรมและมีกฎเต๋าน้อย พวกเขาก็ประพฤติตัวราวกับตกอยู่ภายใต้มนตร์สะกด และเริ่มมีแนวโน้มว่าจะมีคู่บำเพ็ญเต๋ามากมายในหมู่พวกเขาเอง!
หากภายในสำนักมีบางสิ่งเช่น ‘เวทหลอมรวมฟ้า หยินหยาง’ ‘เคล็ดวิชาบรรจบหัวใจ’ ‘บทสวดหมาป่าดุจพยัคฆ์’ และ ‘คำสาปวิกฤต’ นั่นก็สมเหตุสมผลแล้ว
แต่ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ สำนักตู้เซียนจึงได้นำพระสูตรนิรกรรมมาเป็นวิถีหลักของพวกเขา…
ในวิถีชีวิตปกติแล้ว ควรหรือไม่ที่ผู้บำเพ็ญในสำนักจะฝึกฝนอย่างสงบมั่นคงบนยอดเขาของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงกรรมทั้งหมดและการค้นหาบางอย่างเช่นการจัดการสำนักซึ่งเป็นงานที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
“หากมีโอกาส เราควรตรวจสอบคำสอนทางศาสนาของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินในดินแดนเทวะมัชฌิมาเพื่อดูว่ามีความคล้ายคลึงกันหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองและบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ในใจ
แน่นอนว่าเขาไม่อาจดูแลจัดการคนอื่นได้มากนัก และย่อมเป็นการดีที่จะดูแลตัวเองได้และไม่ก่อปัญหาน่ารำคาญเหล่านี้
ยังจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้ของท่านอาจารย์ในระยะยาว ทว่าบัดนี้เขามีเบาะแสแล้ว จึงไม่ต้องอาศัยการคาดเดาที่มืดบอดเฉกเช่นก่อนอีก
หากอาจารย์ของเขามีศัตรูร้ายกาจจริงๆ ในฐานะศิษย์ เขาจะต้องวางแผนให้ดี
เพราะการหลีกเลี่ยงกรรมนั้น หาใช่การกลัวกรรมไม่
เรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนมาหลายปีแล้วเช่นกัน
ขอบเขตพลังของอีกฝ่ายหนึ่งใกล้เคียงกับท่านอาจารย์ของเขาเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
และเขาเคยได้ยินคนพูดกันว่าผู้ที่มีศักยภาพดีที่สุดในรุ่นของอาจารย์คือ ท่านอาจารย์อาจิ่วจิ่ว…
และในเวลานี้ เขาจะปฏิบัติต่อศัตรูของอาจารย์ของเขาในฐานะเซียนเสิ่นขั้นปลาย และหากอีกฝ่ายปกปิดขอบเขตพลัง เขาย่อมจะเป็นเซียนเทียน
ขณะนี้ ขอเพียงเขาได้รับสมุนไพรพิษที่ทรงพลัง เขาก็จะสามารถหลอมโอสถบางอย่างที่สามารถสังหารเซียนเทียนได้…
ในอนาคต เขาจะเตรียมโอสถและผงพิษหลายร้อยล้านเม็ดเอาไว้ให้ท่านอาจารย์ของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง และเมื่อถึงยามนั้น หากอีกฝ่ายทำร้ายอาจารย์อีก ก็ให้อาจารย์สู้กลับเช่นนี้ต่อไป ด้วยวิธีนั้นเขาก็จะสามารถตอบคำถามของสำนักได้
อีกฝ่ายหนึ่งสามารถได้รับการสนับสนุนยอดเขาอื่นในสำนักเป็นอย่างดี เขายังต้องพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปในภายหลัง
ข้อได้เปรียบของเขาคือ เขาอยู่ใน ‘ที่ลับ’ และนอกจากนี้ ยังเป็นได้มากว่า อีกฝ่ายอาจดูถูกยอดเขาหยกน้อยของพวกเขา
ส่วนระดับที่เขาต้องการบรรลุ ก็ให้เป็นไปตามความประสงค์ของท่านอาจารย์ของเขาทั้งหมด
หากอาจารย์ต้องการล้างแค้นเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ในฐานะศิษย์ใหญ่ เขาจะแอบช่วยท่านอาจารย์ของเขาลับๆ อย่างเต็มที่
ถ้าอาจารย์ของเขาไม่อยากแก้แค้น เขาก็จะทำตามหน้าที่แค่ส่วนเล็กๆ ในฐานะศิษย์ทำลายฐานพลังของอีกฝ่ายเสีย
อีกฝ่ายได้กลายเป็นเซียนเทียนแล้ว ทว่าอาจารย์ของตนเอง ในอนาคตกลับเป็นได้เพียงเซียนจั๋วเท่านั้น
หลังจากประเมินอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าอาจารย์ของเขาทนทุกข์กับการประสบความสูญเสียนี้
ในท้ายที่สุด เขาก็สูญเสียอาจารย์ป้า…
กรรมนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่อยากหลีกเลี่ยง และยินดีจะเปิดเผยไพ่ไม้ตายส่วนหนึ่งของตนเอง
หากเขาไม่เคลื่อนไหวก็ไม่เป็นไร แต่หากเขาทำ หลี่ฉางโซ่วก็จะต่อสู้กลับโดยไม่ให้คู่ต่อสู้ตอบโต้ได้
จากนั้นเขาก็หลับตาแล้วครุ่นคิดต่อไป
แล้วค่ายกลด้านนอกหอโอสถก็ค่อยๆ ถูกเปิดใช้งานอย่างเงียบๆ
และทันใดนั้น ยอดเขาหยกน้อยซึ่งเงียบไปนานกว่าสามปีก็เริ่มรวบรวมพลังงานต้นกำเนิดอีกครั้ง…
หลังจากที่หลิงเอ๋อร์คัดลอกพระสูตรมั่นคงไปสามร้อยจบแล้ว นางก็ไปที่ยอดเขาเสี่ยวหลิงเพื่อขอโทษและขอให้หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ให้อภัยนาง
[1] เทพเฒ่าจันทรา หรือ เฒ่าจันทรา ในตำนานเทพเจ้าจีน เทพเฒ่าจันทราคือ เทพแห่งการครองคู่และความรัก ซึ่งจะจับคู่คู่รักโดยใช้ด้ายแดง