ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 610 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (7)
บทที่ 610 การต่อสู้แห่งโชคปีศาจ! (7)
ด้วยพรพลังแห่งเต๋าสวรรค์ บัดนี้ มีลำแสงสีทองมากมายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ากระจ่าง
ทหารสวรรค์ทั้งสามแสนต่างโห่ร้องถวายบังคม แสดงความเคารพต่อพระองค์ และดวงตานับไม่ถ้วนล้วนกำลังจับจ้องมองไปยังสถานที่นั้น ภาพขององค์เง็กเซียนได้ตราตรึงฝังลึกลงในใจของพวกเขา
หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น แล้วใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายหนีไปทางดินแดนเทวะทักษิณ เขาวางแผนเตรียมพร้อมที่จะไปยังแดนมนุษย์เพื่อค้นหาวิหารเทพเมือง และเข้าสู่แดนยมโลก จากนั้นเขาจะคิดหาวิธีสังหารวิญญาณแท้ด้วยกระบี่ทำลายล้างมนุษย์…
วิ้งๆ!
ทันใดนั้นกระบี่สมบัติในมือของเขาก็เริ่มสั่นไหว แสงบนกระบี่กะพริบวิบวับอย่างต่อเนื่อง และมีเสี้ยวลำแสงสีขาวพวยพุ่งออกมาจากกระบี่นั้น
ในขณะนี้ วิญญาณแท้จำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในนั้น กำลังค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ และจากนั้นความเร็วของการหายไปก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง!
เกิดอันใดขึ้น?
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและมองไปที่กระบี่สมบัติในมือของเขา แล้วเขาเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที
กระบี่นี้ยังไม่ได้รับการขัดเกลา และในขณะนั้น มันกำลังแตกสลายลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่วิญญาณของทารกแรกเกิดที่ควรจะเป็นของเผ่าเวทและเกิดใหม่มาเป็นเวลานับหมื่นปี ก็จะถูกทำลายลงด้วยกฎห้ามของกระบี่!
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นเพื่อจะทำลายกระบี่ทันที แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า หากเขาทำลายกระบี่ เขาก็จะทำลายวิญญาณแท้จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในนั้นไปด้วย!
ความรู้สึกผืดหวังหดหู่ใจที่ไม่อาจอธิบายได้พลันปรากฏขึ้นในใจของเขา
หรือว่า…ข้าจะต้องผิดคำพูดกับเผ่าเวทอีกครั้ง?
แม้นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่เขาให้สัญญากับเผ่าเวท แต่เขาก็มีสิ่งมีชีวิตมากมายอยู่ในมือของเขา สิ่งมีชีวิตมากมายที่ยังไม่มีเวลาได้ออกมาดูโลกใบนี้…
ทุกๆ ครั้งที่เขาวางแผนการ จะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุผลสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาเริ่มคิดหาวิธีช่วยพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง…
โอสถทิพย์ไร้ประโยชน์ ค่ายกลไร้ประโยชน์ พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ประโยชน์ และพลังเซียนก็ยิ่งไร้ประโยชน์มากขึ้นไปอีก
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็พบแม่น้ำใต้ดิน แล้วเขาก็ใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
น้ำ!
น้ำ…
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องของเต๋าใหญ่ และอักขระเต๋าคลุมเครือที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่ว
เวลานี้ เขาก่อเกิดความเข้าใจอย่างหมดจด
บทคุณธรรมแห่งน้ำของไท่ชิง[1]!
ขณะนั้น ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วก็พุ่งกระโดดออกมาจากแขนเสื้อของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ เขาพุ่งลงไปในแม่น้ำใต้ดินพร้อมกับถือกระบี่ทำลายล้างมนุษย์ แล้วกำลังลอยอยู่ในน้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถือกระบี่ทำลายล้างมนุษย์เอาไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วพลังลมปราณที่พร่ามัวไม่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา มันคือ สมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์เทพวารีของเขา
ทว่าโองการแห่งเต๋าสวรรค์ก็ยังไม่ได้ออกมาอย่างเป็นทางการ และสมบัติก็ยังไม่ปรากฏในขณะนั้น
หลี่ฉางโซ่วหลับตาและรู้สึก รู้สึกได้ว่า วิญญาณแท้ในกระบี่ก็ยังคงหายไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน…
ในที่สุด ก็ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วจะได้ยินเสียงน้ำไหล และทันใดนั้น พลังลมปราณพร่ามัวที่อยู่ข้างหลังเขาก็กลายเป็นธงสีฟ้าน้ำ
ธงเปล่งลำแสงและเข้าปะทะกับกระบี่ทำลายล้างมนุษย์โดยตรง
กระบี่ทำลายล้างมนุษย์สั่นเล็กน้อย และมีจุดแสงสีเหลืองอ่อน พุ่งออกมาจากมัน จุดแสงเหล่านี้เข้าล้อมรอบร่างของหลี่ฉางโซ่ว และหมุนวนไปเบาๆ อยู่ในน้ำ
ธงเทพวารีเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อหุ้มจุดแสงเหล่านั้น…
แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ลืมตาขึ้น บัดนี้เขาอยู่ใน ‘มหาสมุทร’ สีเหลืองอ่อนแล้ว และมีจุดแสงนับไม่ถ้วนเปล่งแสงกะพริบเบาๆ อยู่รอบตัวเขา …
พวกเขาไม่ได้ถูกทำลาย
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก และในขณะที่เขากำลังจะพาพวกเขาไปยังแดนยมโลกเพื่อกลับไปสู่สังสารวัฏ เขาก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาไม่ใช่วิญญาณหรือวิญญาณแท้ที่บริสุทธิ์อีกต่อไป
พวกเขาไม่อาจออกจากการปกป้องของน้ำได้อีกต่อไป
“ช่างเถิด ข้าจะช่วยวิญญาณเหล่านี้ให้ถึงที่สุด ข้าจะพาพวกเจ้าไปหาบ้าน”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่น เขาลุกขึ้นยืนในแม่น้ำ และถือธงเอาไว้ด้านหลังของเขา
เขาควบคุมแม่น้ำและน้ำให้ไหลลงมาในขณะที่บรรดาจุดแสงได้ติดตามอยู่ข้างๆ เขา
ไม่นานต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็นำเหล่าวิญญาณออกจากพื้นดิน และตามกระแสน้ำไป แล้วรุกเข้าไปในแดนสุขาวดี มีแม่น้ำสายใหญ่คดเคี้ยวบนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์…
สถานที่นี้ค่อนข้างห่างไกล และเนื่องจากอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนของเผ่าปีศาจมากเกินไป เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงไม่กล้าย่างเท้าเข้ามาที่นี่
ทว่าการต่อสู้ที่ทำลายล้างภูเขาเหยาเซิงในวันนี้ เผ่าปีศาจย่อมจะล่าถอยอย่างแน่นอน และสถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นดินแดนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในที่สุด
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ เดินไปตามแม่น้ำช้าๆ และในเวลานาน เขาก็พบค่ายกลตามธรรมชาติ และหลังจากการปรับเปลี่ยนบางอย่าง เขาก็ล้อมรอบส่วนหนึ่งของแม่น้ำเอาไว้ในค่ายกลเวท
เขายังคงร่ายเวทเพื่อดูแลหล่อเลี้ยงวิญญาณแท้เหล่านี้ในน้ำ และใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพวารีเพื่อวางกฎต่างๆ ของสถานที่แห่งนี้…
ในภายหน้า หากสตรีถูกน้ำของสถานที่แห่งนี้ปนเปื้อน นางก็จะได้รับวิญญาณแท้ ก็จะตั้งครรภ์เป็นทารกซึ่งจะได้รับการเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเป็นทารกเพื่อชดเชยความเสียใจของวิญญาณเหล่านี้
สตรีใดที่คลอดบุตรสำเร็จราบรื่น ก็จะได้รับความคุ้มครองจากเทพวารีให้ปราศจากโรคภัยและภัยพิบัติใดๆ และมีชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด
ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า และกระแสแห่งพลังบุญก็เข้าสู่ร่างของเขาเป็นจำนวนมากทีเดียว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพอใจในทันที
จากนั้นเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นในระยะไกล หลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆและบินออกไปจากสถานที่นี้ เขาซ่อนร่างหลักของเขาไว้ในแขนเสื้อของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกครั้งและได้พบกับอ๋าวอี่ ซึ่งแปลงร่างเป็นมังกรครามที่ทะยานขึ้นและร่วมผสานกับปรมาจารย์เผ่าเวททั้งแปดคนในแดนยมโลกได้อย่างสำเร็จราบรื่น
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก!”
“รีบออกไปกันตอนนี้เถิด เกรงว่าเราจะดึงดูดเหล่าปรมาจารย์”
หลี่ฉางโซ่วหยิบไข่มุกออกมาจากแขนเสื้อของเขาและส่งให้หัววัวและหน้าม้าที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ที่ด้านข้างและไม่กล้าเอ่ยอันใด
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ช่วยข้านำดวงวิญญาณเหล่านี้กลับไปยังแดนยมโลกเพื่อเข้าสู่สังสารวัฏด้วย นี่คือ ปีศาจน้อย อย่าลืมให้น้ำแกงยายเมิ่ง[2]เพิ่มอีกสองสามชามด้วย”
“เฮ้ ได้!”
“ท่านไว้ใจเราได้ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ฮี้-”
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะเอ่ยวาจาสุภาพสองสามคำ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจที่เหนื่อยล้าของเขา ดูเหมือนว่า เขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมากะทันหัน เขาหันศีรษะไปมองค่ายกลที่เขาเพิ่งปรับเปลี่ยน และส่วนของแม่น้ำ แล้วก็อดจะจ้องมองไปชั่วขณะไม่ได้…
ว้อ[3]!
แค่กๆ ดูดีมากขึ้น
อี๋อี้ซวี[4]! แม่น้ำสือหมู่[5]!?
………………………………………………………………..
[1] เหล่าจื้อเขียนคำนิยามเกี่ยวกับน้ำไว้ว่า กุศลสูงเยี่ยงน้ำ ด้วยน้ำให้คุณต่อสรรพสิ่ง โดยไม่เบียดบัง ทั้งนี้จึงเปรียบผู้มีจิตงดงามเป็นดั่งน้ำ มีสภาวธรรมเช่นต้นน้ำที่รินไหลไม่ขาดสาย ผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายควรบำเพ็ญตนให้เหมือนน้ำใส คุณธรรมของน้ำคือ ให้คุณนับร้อยต่อสรรพสิ่งทั้งหลายไม่ว่างเว้น ไปได้ทุกชอกทุกมุมของโขดหิน อยู่ได้กับภาชนะต่างๆ ที่มารองรับ ดังนั้นคนจึงควรศึกษาแบบอย่างคุณธรรมของน้ำ
[2] น้ำแกงลืมเลือน
[3] 卧 ว้อ คือ หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอุทานคำว่า 卧槽 ว้อเฉา (ใช้เป็นคำอุทานแสดงความตกตะลึงปนด้วยความไม่เชื่อ มักใช้อุทานในลักษณะหยาบคายว่ เช่น บัดซบ ) แต่ยั้งเอาไว้ จึงอุทานไม่จบคำ
[4] เป็นคำอุทานซึ่งใช้ในยามประหลาดใจมากๆ หรือถอนหายใจ ในทำนองเหลือเชื่อ
[5] แปลว่าแม่น้ำมารดาและบุตร
—————————————-