ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 612 ใช้ประโยชน์เมื่อหลี่ฉางโซ่วอ
บทที่ 612 ใช้ประโยชน์เมื่อหลี่ฉางโซ่วอยู่ในอันตราย (2)
ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เปล่งประกายและจู่ๆ นางก็เผยรอยยิ้มซุกซนออกมาเล็กน้อยทันที จากนั้นนางก็วิ่งไปเอาพู่กันและหมึกที่หอโอสถ และจับจ้องมองไปที่ศิษย์พี่ของนางอยู่สักพักหนึ่ง
เหอะๆ ศิษย์พี่ตัวเหม็น ข้าจะเขียนพระสูตรมั่นคงลงทั่วใบหน้าของท่านแล้ว!
ต่อให้ท่านจะลงโทษข้า ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังต้องเป็นนักเขียนผี[1]อยู่ดี!
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็หัวเราะคิกคักเบาๆ และค่อยๆ คลี่ยิ้มจนตาโค้งหยีออกมา นางหยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มลงในหมึก พลางเอียงศีรษะและจ้องมองท่าทางการนอนหลับของศิษย์พี่ นางคิดจะเริ่มต้นจากทุกที่
เวทลวงตาบนร่างของหลี่ฉางโซ่วหายไปหลังจากที่เขากลับมาที่ภูเขาแล้ว ทว่าการปลอมตัวที่ลดอาคมลงสองสามชั้นซึ่งเขากำลังใช้ก็ยังคงดำเนินการด้วยตัวเองอยู่…
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นดังนั้น นางก็มึนงงเล็กน้อยเช่นกัน นางถือพู่กันและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงง
ในขณะนั้น ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ค่อยๆ ขึ้นสีก่ำเล็กน้อย ริมฝีปากของนางใสกระจ่างในขณะที่นางกัดริมฝีปากล่างเบาๆ และส่งเสียงเรียกเบาๆ เล็ดลอดออกมาระหว่างริมฝีปากและฟันของนาง
“ศิษย์พี่…”
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อยในเวลานี้ จิตใต้สำนึกของเขาย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายลมปราณของหลิงเอ๋อร์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
หากข้าทำเช่นนี้… ศิษย์พี่จะไม่ดุข้าใช่หรือไม่?
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ ก็ใช้มือซ้ายกดจับเก้าอี้โยกด้วย แล้วเอนตัวลงไปช้าๆ ใบหน้าของนางเห่อร้อนขึ้นเล็กน้อย
ดวงตาของนางสั่นไหวและการมองเห็นของนางก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยใบหน้าศิษย์พี่ของนาง แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ ขยายขึ้น…
เพียง…เพียงแค่ครั้งเดียว…
ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่นยามบ่าย ในขณะนั้น เส้นผมสีดำราวไหมของนางที่แผ่สยายค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาดุจม่านมุก ก็ถูกมือเล็กๆ ที่สั่นเทาน้อยๆ คว้าเอาไว้ แล้วดึงกลับมาและเหน็บเอาไว้ที่ข้างใบหูของนางเบาๆ
บางทีอาจมีเสียงหรือบางทีก็เงียบ ทว่าช่วงเวลาที่พวกเขาสัมผัสกัน ดูเหมือนว่า เวลานั้นจะหยุดนิ่ง และสายลมก็หยุดพัดโชยตั้งแต่นั้นมาเช่นกัน
บุปผาร่วงหล่นอิสระ หยาดพิรุณโปรยปราย และนกนางแอ่นน้อยก็เคียงคู่โบยบินไปด้วยกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างเพรียวบางและงดงามสง่าก็กระโดดหนีอย่างตื่นตระหนก และผิวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาตั้งแต่ลำคอจนถึงหน้าผากอย่างกะทันหัน
เมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามอีกครั้ง เมฆรูปเห็ดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลิงเอ๋อร์[2] นางรีบหันกลับมา แล้วใช้หลีกลมเร้นกายก่อนจะหายไปในพริบตา…
หอสมบัติหลิงเซียวแห่งศาลสวรรค์
แม่ทัพตงมู่รีบเข้ามาและมองไปที่องค์เง็กเซียน ซึ่งอยู่บนแท่นสูง และกำลังยิ้มน้อยๆ ให้กับบันทึกเสนอแนะ เขารีบก้มศีรษะลงและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท! เทพวารีส่งอ๋าวอี่มาหากระหม่อม เขาอยากขอลาหยุดงานระยะหนึ่ง เขาบอกว่าเขาใช้พลังจิตมากเกินไปและต้องการพักผ่อน”
“ฉางเกิงไม่สบายหรือ?”
องค์เง็กเซียนที่สวมชุดสีขาวลุกยืนขึ้นและกล่าวว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้าง? เขาบาดเจ็บหรือไม่?” โนเวล-พีดีเอฟ
“ฝ่าบาท โปรดวางพระทัยเถิด เสนาบดีเฒ่าผู้นี้ได้ซักถามอย่างละเอียดแล้ว” แม่ทัพตงมู่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ตามที่อ๋าวอี่กล่าว เทพวารีได้ฝืนใช้พลังของเขามากเกินไปในการร่ายเวทระเบิดทำลายภูเขาเหยาเซิง นั่นจึงเป็นเหตุให้ที่จิตใจของเขาอ่อนล้าและหมดแรง เทพวารีมีเวทยอดเยี่ยมจากองค์ไท่ชิง เขาน่าจะไม่เป็นไร”
“เฮ้อ…”
องค์เง็กเซียนมีสีหน้าผ่อนคลายลงมากในทันที แล้วกล่าวว่า “ครั้งนี้ เราโจมตีเหล่าปีศาจร้ายและเชิดชูศักดิ์ศรีบารมีของศาลสวรรค์ได้โดยไม่มีผู้คนของศาลสวรรค์ได้รับบาดเจ็บล้มตายเลย ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณความพากเพียรอย่างหนักยายามและอุบายต่างๆ ของฉางเกิง”
“ฝ่าบาท” แม่ทัพตงมู่กล่าวว่า “เสนาบดีเฒ่าขอบังอาจทูลถามว่า ไยพระองค์ไม่ออกพระราชโองการให้เทพวารีรับผิดชอบในการวางกลยุทธ์และแผนการในภายภาคหน้า? แล้วปล่อยให้การต่อสู้ตกเป็นของทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ มันเหนื่อยเกินไปที่เทพวารีจะต้องทำงานหนักและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง”
องค์เง็กเซียนพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้ทำได้เพียงให้คำแนะนำเท่านั้น ข้าไม่อาจออกราชโองการได้ ฉางเกิงยังเห็นว่าศาลสวรรค์เพิ่งปรับปรุง และเขาก็ไม่อยากให้เหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ต้องได้รับความเจ็บปวดสูญเสีย แต่ทำเช่นนี้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อการฝึกทหารของศาลสวรรค์เช่นกัน
ช่างเถิด แม่ทัพตงมู่ เจ้าคิดว่าคราวนี้เราควรมอบรางวัลตอบแทนฉางเกิงอย่างไรดี? ”
“นี่…”
แม่ทัพตงมู่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ผลงานของเทพวารีก็มากเพียงพอแล้วสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นเทพต่อไป ทว่าเวลานี้ พระราชโองการอย่างเป็นทางการในการมอบตำแหน่งเทพวารีนั้นยังไม่ได้มีขึ้น มันจึงยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวถึงอีกครั้ง กระหม่อมกลัวว่า บรรดาเซียนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
องค์เง็กเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉางเกิงชื่นชอบบุญมากที่สุด ครั้งนี้ข้าจะให้เขา…สองเท่าของเงินเดือนพันปี เมื่อเขาอยู่ในศาลสวรรค์ เขาจะเดินทางไปได้ทุกที่บนภูเขา ให้รางวัลมากขึ้น ให้เทพวารีสามารถเชิญฉางเอ๋อร์ทั้งหมดแห่งวังจันทราได้ตามประสงค์”
“รับบัญชา” แม่ทัพตงมู่โค้งคำนับและชื่นชมในใจ
เชิญฉางเอ๋อร์ทั้งหมดแห่งวังจันทราได้ตามประสงค์…
เขากำลังจะกลายเป็นน้องชายขององค์เง็กเซียนในไม่ช้า!
ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เทพวารีปรากฏตัวในศาลสวรรค์ล้วนเป็นด้วยร่างจำแลง นอกจากนี้ โดยปกติแล้ว เขาก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงหรืองานเต้นรำใดๆ เลย ดังนั้นรางวัลดังกล่าวจึงฟังดูดีแต่ก็ไม่มีความหมาย ใดๆ ในทางปฏิบัติ
แม่ทัพตงมู่อดจะนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ภูเขาเหยาเซิงถูกทำลายเป็นชิ้นๆ ไม่ได้และเขาก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ
บรรดาเซียนอื่นๆ ไม่อาจเปรียบเทียบได้เลย
กว่าครึ่งเดือนหลังจากการต่อสู้บนภูเขาเหยาเซิง ทุกคนในศาลสวรรค์กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องการระเบิดในวันนั้น
ในเวลานี้ บรรดาแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์ทั้งหมดล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนอง และแม่ทัพสวรรค์หลายคนก็ได้จำลองการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นอีกครั้งเช่นกัน
แม่ทัพสวรรค์ เค่อเจิ้นเอ้อร์ที่ยังไม่เคยปรากฏตัวอีกเลยนั้น แท้จริงแล้วเป็นร่างจำแลงของเทพวารี เทพวารีใช้แผนอันแยบยลในการรวบรวม “พวกอันธพาลหัวรุนแรง” ของเผ่าปีศาจให้ไปยังภูเขาเหยาเซิงและฝังพวกมันเอาไว้ได้ในคลื่นการโจมตีครั้งใหญ่ระลอกเดียว
แผนต่อต้านผู้ยิ่งใหญ่คืออะไร?
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ก็คิดออกแบบแผนการเล็กๆ ได้ และเปิดใช้งานมันโดยฉวยประโยชน์จากความคิดที่เผ่าปีศาจเหยียดหยามและดูเบาศาลสวรรค์มากเกินไป ทำให้ดึงดูดเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจจำนวนมากมาที่มาที่ภูเขาเหยาเซิง
ชั่วเวลาที่การระเบิดวิญญาณเกิดขึ้น พวกเผ่าปีศาจก็ตระหนักได้ว่า…
พวกมันถูกหลอกแล้ว!
ดูเหมือนว่า กระบวนการนี้จะมีอันตรายแฝงอยู่มากมาย แต่หากพิจารณาให้ดีๆ แล้ว ก็จะพบว่ามี “ความเป็นไปได้มาก” ซ่อนอยู่
เมื่อศาลสวรรค์ยังคงพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ขวัญกำลังใจของปีศาจก็ฮึกเหิมขึ้นอย่างมาก ในเวลานั้น ต่อให้จะมีคนบอกพวกเผ่าปีศาจว่า สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นแผนการของศาลสวรรค์ แล้วจะมีปีศาจกี่ตัวที่เชื่อพวกเขา?
ทว่าแผนการของเทพวารีนั้นจะให้ผลดีที่สุดก็ในระหว่างการใช้ครั้งแรกเท่านั้น
ในขณะนี้ เผ่าปีศาจไม่กล้าดูเบาศาลสวรรค์แล้ว จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะวางแผนได้อย่างราบรื่นอีกในอนาคต…
ในช่วงเวลานี้ ขณะที่เหล่าแม่ทัพสวรรค์กำลังพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน พวกเขาก็ยังคิดว่าพวกเขาควรจะจัดการกับเผ่าปีศาจชั่วร้ายและจะหลอกกองทัพศัตรูในอนาคตอย่างไรดี
เดิมทีแม่ทัพเหล่านี้ คิดแต่เรื่องแค่การเคลื่อนทัพและจัดตั้งค่ายกล เวลานี้ พวกเขาก็เริ่มคิดหากลยุทธ์และวางอุบายเพื่อจัดการกับพวกชั่วร้ายเจ้าเล่ห์สกปรกโสโครกเหล่านั้น
บัดนี้บรรยากาศในศาลสวรรค์อบอุ่นขึ้นมาก
“เค่อ…เจิ้นเอ้อร์?”
ที่ประตูสวรรค์กลาง เปี้ยนจวงผู้เฝ้าประตูสวรรค์พึมพำชื่อเบาๆ เขารู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเทพวารีได้เตรียมการจัดการเขาเอาไว้มาตั้งแต่ต้นแล้ว!
หากเค่อเจิ้นเอ้อร์เป็นเทพวารี เช่นนั้นแล้ว เข่อเล่อเอ๋อร์ก็คือ…
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินข้อความเสียงมาจากด้านข้างว่า “ผู้บัญชาการเปี้ยน มีคนกำลังมา!”
เปี้ยนจวงได้สติ เขาตั้งสมาธิและเงยหน้าขึ้นมองทันที ดวงตาของเขาเปล่งประกายสว่างวาบขึ้นและเขาก็หายใจติดขัดเล็กน้อย
เป็นเทพธิดาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน นางกำลังค่อยๆ ลอยมาช้าๆ อยู่บนก้อนเมฆ ใบหน้าของนางงดงามและดูละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
ผิวของนางดูชุ่มชื้นและเงางามเกินกว่าระดับมาตรฐานของเทพธิดาธรรมดาทั่วไป ชุดเทพธิดาของนางพลิ้วปลิวไสวไปตามสายลม และผ้าโปร่งที่คลุมหน้าของนางก็ดูพร่ามัว ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความงดงามที่สุดจะพรรณนาได้
เปี้ยนจวงก้าวออกไปข้างหน้าทันที เขาผายอก และกระแอมไอให้ลำคอโล่งแล้วเชิดศีรษะขึ้นสูง พลางยกมือขึ้นแล้วสะบัดปัดผมหน้าม้าออกจากหน้าผาก
ชุดเกราะสีเงินบนร่างของเขาส่องแสงกะพริบวิบวับเล็กน้อย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและทุ้มนุ่มนวลที่สุดว่า “เทพธิดา ได้โปรดช้าก่อน ศาลสวรรค์เป็นสถานที่สำคัญ”
เทพธิดาลดระดับความสูงของเมฆของนางลงพลางมองไปที่เปี้ยนจวง แล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพสวรรค์ ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งให้มาหาเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ ได้โปรดอย่าหยุดข้า”
ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้เขาจะสนใจสตรีสาวผู้นี้… แต่ก็มีเทพธิดาสามหรือสี่คนในสระหยกซึ่งเขาสนใจด้วยเช่นกัน เวลานี้ เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าตอนนั้นมาก
มันน่าอายเกินไปที่จะปกป้องวังมังกร!
“เทพธิดา” เปี้ยนจวงยิ้มและกล่าวว่า “เทพวารีแห่งศาลสวรรค์เป็นเทพคนสำคัญของศาลสวรรค์ ท่านไม่อาจเข้าพบเขาได้ง่ายดายเพียงนี้
ไยท่านไม่แจ้งสำนัก? ข้าจะส่งคนไปรายงานที่ตำหนักเทพวารี หากเทพวารีมีประสงค์จะพบท่าน เขาก็ย่อมจะมาพบท่านอย่างแน่นอน”
เทพธิดาขมวดคิ้วเบาๆ และดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่นางก็ยังคงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ในความคิดของข้า ท่านแม่ทัพ ท่านควรให้ข้าเข้าไปก่อน ก่อนที่จะส่งคนไปรายงานที่ตำหนักเทพวารี”
“โอ้?”
เปี้ยนจวงยิ้มและกล่าวว่า “ดูท่านมั่นใจนัก ข้าพอจะรู้ได้หรือไม่ว่า ท่านมาจากที่ใดและอยู่ภายใต้บัญชาของผู้ใด”
“ข้ามาจากวังเซิ่งหมู่ ภายใต้บัญชาของเทพีหนี่วา อยากขอเชิญให้เทพวารีมาสนทนาด้วย”
รอยยิ้มของเปี้ยนจวงแข็งทื่อทันที ลูกกระเดือกของเขาสั่นสะท้านในขณะที่เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เทพธิดา ได้โปรด เช่นนั้น ข้าจะส่งท่านไปที่ตำหนักเทพวารี!”
เทพธิดากล่าวขอบคุณเขาและไม่เอ่ยวาจาใดอีก
………………………………………………………………..
[1] คือนักเขียนนิรนาม นักเขียนลึกลับ หรือนักเขียนผู้ไม่เปิดเผยนาม
[2] อารมณ์อายมาก
—————————————-