ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 62.2 ความลำบากของการเป็นหัวหน้าศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 62.2 ความลำบากของการเป็นหัวหน้าศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
เสวียนตูถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในช่วงพันปีที่ผ่านมานี้ ท่านสร้างคู่รักกี่คู่”
เทพเฒ่าจันทราก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า “ตามคำสั่งของท่าน ข้าจับคู่ทุกคู่ที่ข้าพบว่ามีความสัมพันธ์พอใจซึ่งกันและกัน”
“ในช่วงพันปีที่ผ่านมานี้ มีการสร้างรูปปั้นดินเหนียวจำนวนทั้งหมดสามร้อยหกสิบสองคู่ในสำนักเซียนเหล่านี้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพยักหน้าและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ก็ไม่เลว แล้วมีคู่รักกี่คนที่ให้กำเนิดลูกหลาน”
“อืม…ท่านต้องไปแดนยมโลกเพื่อตรวจสอบทะเบียนรายชื่อ ที่นี่พวกเราเพียงจัดการกับเรื่องการครองคู่เท่านั้น”
เสวียนตูหัวเราะออกมาทันที เขาชอบหรี่ตายามแย้มยิ้ม และรอยยิ้มของเขาก็ค่อนข้างอบอุ่น
“ข้าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เฒ่าจันทรา โปรดอย่าได้ตำหนิข้า”
เฮ้อ…เขายังคงถอนหายใจขณะกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ให้งานยากแก่ข้ามากจริงๆ ท่านอยากให้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเจริญรุ่งเรือง แต่ไม่ยอมให้ข้ารับศิษย์คนใด…”
เสวียนตูไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วถอนหายใจ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “เราทำได้เพียงแค่ใช้สิ่งนี้ เฒ่าจันทราช่วยนำการครองคู่ที่เพิ่งถูกผนึกขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้มาแสดงให้ข้าดูสักหน่อยได้หรือไม่”
“ได้สิ ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โปรดรอสักครู่”
อ่างในมือของเทพเฒ่าจันทราหมุนวนไปมาอีกครั้ง และในไม่ช้า รูปปั้นดินเหนียวหลายสิบตัวก็บินไปข้างหน้า ระยะห่างระหว่างรูปปั้นแตกต่างกันไปตามความใกล้ชิดของความสัมพันธ์และความเป็นไปได้ของการครองคู่ระหว่างพวกเขา
รูปปั้นดินเหนียวทุกตัวมีด้ายแดงหนึ่งหรือสองเส้นบนตัวในขณะที่บางตัวมีสามหรือสี่เส้น แต่จะมีไม่มากเกินไป
ผู้ที่มีความรู้สึกพึงใจและมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่าก็จะมีด้ายแดงยาว
ส่วนผู้ที่มีความสัมพันธ์พึงใจสั้นกว่า ด้ายแดงย่อมจะสั้นกว่า
ในไม่ช้า ปรมาจารย์เสวียนตูก็สนใจรูปปั้นดินเหนียวสี่ตัวที่อยู่พิงกันและกันใกล้ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและมองดูรูปปั้นดินเหนียวสี่ตัวที่อยู่ด้านล่างคำว่า ‘สำนักตู้เซียน’
เทพจันทรายิ้มและกล่าวว่า “นี่คือพลังแห่งสามดาวมงคลที่ล้อมรอบดวงจันทร์ พวกเขาได้รับพรสูงมาก”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพยักหน้าเบาๆ และจ้องมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
รูปปั้นดินเหนียวทั้งสามตัวที่มีกระโปรงยาวอยู่ล้อมรอบรูปปั้นดินเหนียวที่มีเส้นผมยาวคล้ายเสื้อคลุมยาว ด้ายแดงของรูปปั้นดินเหนียวทั้งสามนั้นเคลื่อนเข้าไปด้านในซึ่งมีรูปปั้นดินเหนียวนั้นอยู่ตรงกลางแล้ว…
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ดูเถิด มีด้ายแดงอย่างดีอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าของเขา แต่มีด้ายเส้นหนึ่งโผล่ออกมาจากด้ายแดงนั้น…”
อืม…ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เหตุใดจึงสั้นจริง”
“คนบางคนก็เป็นเยี่ยงนี้ คนผู้นี้ต้องอุทิศตนเพื่อฝึกบำเพ็ญเต๋าของเขาและไม่ประสงค์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลก”
“นี่?” เฒ่าจันทราโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วจ้องไปที่ร่างรูปปั้นมนุษย์ดินเหนียวครู่หนึ่งแล้วรีบกล่าวว่า “ถึงจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ยังมีบ้าง”
“ช่างเสียเปล่าจริงๆ” เสวียนตูมองไปที่ด้ายแดงสามเส้นที่วนเวียนอยู่รอบรูปปั้นดินเหนียวและยิ้ม พร้อมกับกล่าวว่า “เฒ่าจันทรา ท่านช่วยยืดด้ายแดงให้ยาวขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับด้ายแดงอีกสามเส้นบนตัวเขาได้หรือไม่”
“แน่นอน ข้าทำได้ แต่ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เราช่วยได้เพียงเท่านั้น ยากที่จะเปลี่ยนแปลงมัน…”
“ในขณะที่ปล่อยไปตามกระแสธรรมชาติ ข้าจะเพิ่มความช่วยเหลือเล็กน้อยตามความเหมาะสมไปพร้อมๆ กัน”
“อ่า ข้าจะทำเดี๋ยวนี้”
บัดนั้น เทพเฒ่าจันทราก็ยกกระถางต้นเซียงขึ้นทันทีและเคาะรูปปั้นดินเหนียวเบาๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น ในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยในสำนักตู้เซียนแห่งดินแดนเทวะบูรพา หลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หลี่ฉางโซ่วก็กำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องโอสถใหม่ ทว่าจู่ๆ ก็มีความคิดและภาพไม่เหมาะสมปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
“หือ?”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ และขับภาพนั้นออกไปจากก้นบึ้งในใจของเขาทันที
บัดนี้ในส่วนมุขที่ยื่นออกไปทางด้านหลังโถงตำหนักของเทพเฒ่าจันทรา ต้นเซียงที่ถูกเคาะช้าๆ ก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น แล้วจากนั้นรูปปั้นดินเหนียวก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว…
เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“เอ๋?”
เทพเฒ่าจันทราขมวดคิ้วแล้วเปลี่ยนทิศทาง จากนั้นเขาก็นำกระถางต้นเซียงกระทุ้งรูปปั้นดินเหนียวต่อไป
ในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อย บัดนี้จิตใจของหลี่ฉางโซ่วเต็มไปด้วยภาพซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น มีรูปของอาจารย์อาในชุดกะลาสี ศิษย์น้องหญิงของเขาในชุดนักเรียน และ…
เอ่อ เขานึกภาพถึงยายตัวอันตรายในขณะกำลังสวมชุดเครื่องกลขึ้นมาได้อย่างไร
“เมื่อหัวใจเต๋าแข็งแกร่ง ภาพลวงตาย่อมไม่อาจทำลายมันได้!”
ภาพในใจของเขาแตกสลายทันที จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ส่ายศีรษะแล้วคิดเรื่องเกี่ยวกับเตาหลอมโอสถใหม่ต่อไป
ในตำหนักเทพเฒ่าจันทรา ขณะนั้น ต้นเซียงก็กระทบร่างดินเหนียวแล้วทำให้ร่างดินเหนียวเอนไปทางซ้าย
“เฮ้! ข้าจะทำ!”
ดวงตาของเทพเฒ่าจันทราเบิกกว้างและคว้าต้นเซียงขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนทิศทางอีกครั้งแล้วชี้ไปที่รูปปั้นดินเหนียว และคราวนี้ รูปปั้นดินเหนียว…ก็ตีลังกากลับหลังและหลบหลีกอย่างว่องไว
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมาทันที
จู่ๆ สีหน้าของเฒ่าจันทราก็เริ่มบูดบึ้งขึ้นมา เขาได้ทำให้ตัวเองดูโง่เง่าต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
“ใหญ่!”
ทันใดนั้นเฒ่าจันทราก็สัมผัสต้นเซียง แล้วต้นเซียงก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นมาในทันทีก่อนที่กิ่งก้านของมันจะพุ่งตรงเข้าหาร่างดินเหนียวอย่างกะทันหัน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่บนพื้นพลันขมวดคิ้ว และเตาหลอมโอสถที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ครั้นเมื่อเตาหลอมเปิดออก ร่างเงาที่สวยงามบางร่างก็บินออกมา…
หลี่ฉางโซ่วนั่งขัดสมาธิและเริ่มท่องคาถาควบแน่นลมปราณ
ล้อเล่นน่า เขาไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
บางทีสภาพจิตใจของเขาอาจไม่มั่นคงมากหลังจากที่กลายเป็นเซียนจนทำให้เขาเอาแต่ครุ่นคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องต่างๆ
ช่วงเวลาแห่งความสุขเป็นอย่างไร
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องได้รับความเป็นอมตะก่อนที่จะคิดถึงเรื่องเหล่านี้! นั่นคงจะเป็นเรื่องไร้ยางอายไปชั่วนิรันดร์!
ไม่ การเป็นเซียนอาจไม่สามารถทำให้เขาปกป้องตัวเองได้…เขาไม่อาจล่วงไปถึงความสัมพันธ์พึงใจในการครองคู่ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตะโกนลั่น “เงียบ!”
แล้วจู่ๆ รูปปั้นดินเหนียวในตำหนักเทพเฒ่าจันทราก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งและตอบสนองในทันที
มันถอยกลับ…
หลบหลีก…
กระโจน…
กระโดดซ้ายย้ายขวา…
หมุนเหวี่ยง…
มันฟาดกวาดกิ่งและใบของต้นเซียงออกไปเพื่อไม่ให้ต้นเซียงแตะต้องตัวมัน
ฉับพลันนั้นเฒ่าจันทรากังวลมากจนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ โทสะเดือดพุ่งแทบจะลมออกหูทันที
ทันใดนั้น ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านข้างพลันยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าจะช่วยท่านเอง เฒ่าจันทรา”
บัดนั้นมือซ้ายของเขาก็เปล่งประกายเรืองรองด้วยแสงดาวในขณะที่หยินและหยางปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา จากนั้นเขาก็คว้ารูปปั้นดินเหนียวที่อยู่ห่างไกลออกไปทันที
เทพเฒ่าจันทราเบิกตากว้างพลางจ้องเขม็งขณะกำลังจะตะโกนออกมาว่า ‘ไม่’ แต่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็คว้าแขนซ้ายของรูปปั้นดินเหนียวนั้นแล้ว
จากนั้น…
แคร่ก!
แขนซ้ายของรูปปั้นดินเหนียวนั้นหักในทันที และร่างของมันก็กระโดดออกมาได้อย่างยืดหยุ่น และหลังจากที่มันหยุด มันก็ยังทำท่ายั่วยุ ดูเหมือนจะเยาะเย้ยพวกเขาให้ออกมาข้างหน้า “มาสิ เข้ามาเลย”
ฉับพลันนั้นทุกอย่างเงียบงันไปชั่วขณะ
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้ ท่านไม่อาจบังคับมัน…”
“แค่กๆ ข้าช่วยทำแขนมันขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่”
“ได้ ท่านทำได้ แต่มันใช้เวลานานมาก โชคดีที่เขาไม่มีด้ายแดงที่แขนซ้าย จึงพอจะซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น…”
“ข้าสร้างปัญหาให้ท่านแล้ว เทพเฒ่าจันทรา”
“รบกวนท่านแล้ว ท่านไปทำภารกิจอื่นเถิด เทพเฒ่าจันทรา ข้าจะกลับมาทีหลังและนำยาที่เหล่าจวินคิดค้นขึ้นมาให้ท่าน…ช่วยดูแลเด็กเจ้าปัญหาคนนี้ด้วย ขอบคุณท่าน!”
ทันทีที่กล่าวจบ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็โค้งคำนับและรีบจากไป เขาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เทพเฒ่าจันทราจัดการกับความยุ่งเหยิงนั้นอยู่คนเดียว
เมื่อครู่ก่อน ในหอโอสถของสำนักตู้เซียน
หลี่ฉางโซ่วพลันขมวดคิ้วแน่นขณะที่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
เขาอดส่ายศีรษะไม่ได้และล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหน้าอกของเขา ก่อนจะเลื่อนมือเข้าไปในถุงเก็บสมบัติปฐพีหมายเลขหก หลังจากนั้นเขาก็หยิบไพ่เด็ดใบหนึ่งออกมาซึ่งจะช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบลง
จากนั้นม้วนตำราม้วนหนึ่งก็ค่อยๆ คลี่เปิดออกเผยให้เห็นภาพวาดที่วาดขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง…เป็นภาพสตรีชราที่แต่งหน้าหนาสวมเสื้อผ้าเทพธิดา…
หลี่ฉางโซ่วมองดูอย่างระมัดระวังและพึมพำว่า “หากความรู้สึกเป็นจริง จะไม่เพียงแต่หลงใหลในความงามที่นางมีตั้งแต่เมื่อครั้งนางยังเยาว์ แต่ยังยอมรับความจู้จี้ของนางยามเมื่อนางเข้าสู่วัยชราอีกด้วย”
ทันใดนั้น ภาพในใจของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทีละภาพ และเขาพลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
“ทว่าเหตุใดเซียนถึงแก่ชราได้เล่า”
เขายิ้มกริ่มอิ่มเอมใจ แล้วเก็บภาพวาดล้ำค่าของ ‘จักรพรรดินีชราไป่เหมย’ ในขณะที่จิตใจของเขาสงบลงมากในทันที
บุรุษควรโหดร้ายกับตัวเองให้มากกว่านี้
เขาบังเอิญนึกถึงศิษย์น้องหญิงและท่านอาจารย์อาจิ่ว แต่ไฉนเขาจึงนึกถึงยายตัวอันตรายด้วยเล่า
เชอะ!..มันอันตรายนะ…