ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 622 การผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ของฉีหยวน (2)
บทที่ 622 การผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ของฉีหยวน (2)
ฉีหยวนแผ่ขยายสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาเข้าไปในตัวภูเขาและพบว่าไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ เลย มีชั้นดินและเนินหินธรรมดาๆ อยู่ทั่วทุกที่ …
เกิดอันใดขึ้น ?
“ท่านอาจารย์ พวกมันล้วนเป็นภาพลวงตาขอรับ” เสียงของหลี่ฉางโซ่วดังขึ้นมาจากด้านข้าง เขาเดินออกมาจากกระท่อมมุงจากและทำการคารวะเต๋าให้ฉีหยวน
ฉีหยวนถามเบาๆ ว่า “ฉางโซ่ว เจ้าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วหรือ?”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นเขาก็ส่งยันต์หยกให้อาจารย์ของเขาและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ในนี้มีวิธีช่วยเหลือตนเองหลังจากที่ท่านหลงทางเข้าไปในเขาวงกต โปรดเก็บมันเอาไว้เถิดขอรับ
นอกจากนั้น ยันต์หยกนี้ ยังเป็นเครื่องมือเวทอีกด้วย มันสามารถป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมใดๆ แอบดักฟังความในใจของท่าน ท่านต้องพกพามันติดตัวไปด้วยขอรับ”
ฉีหยวนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย เจ้ามีสมบัติศิลาวิญญาณ และวัสดุล้ำค่ามากมาย ไยเจ้าไม่มอบบางส่วนให้สำนักบ้างเล่า? ไฉนเจ้าถึงกำลังฝังพวกมันไปทั้งหมด?
นอกจากนี้ มีเพียงเราสามคนในยอดเขาหยกน้อย ปรมาจารย์ใหญ่ของเจ้าก็ย้ายไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์แล้ว เหตุใดเจ้าถึงใช้ค่ายกลเวทและเวทลวงตามากมาย?
หากค่ายกลใหญ่ของสำนักถูกทำลายจนแตกสลาย แล้วจะมีประโยชน์อันใดที่มีค่ายกลเวทมากมายเช่นนี้ในยอดเขาหยกน้อย”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
หากประตูภูเขากำลังจะถูกพังทลายจริงๆ บางทียอดเขาหยกน้อยในเวลานี้ ก็อาจสามารถพลิกกระแสน้ำ[1]ได้จริงๆ!
ไม่ว่ามันจะเลวร้ายเพียงใด อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังสามารถอพยพสหายศิษย์ร่วมสำนักส่วนหนึ่งออกไปได้อย่างมีกลยุทธ์เช่นกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้อาจารย์ของเขาเทศนาต่อไป หลี่ฉางโซ่วจึงยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อทันที
“ท่านอาจารย์ วันนี้ ท่านเพิ่งออกมาจากการเข้าปิดด่าน ไยท่านไม่ไปเดินในศาลสวรรค์เพื่อขอรับตำแหน่งเทพ เป็นเทพแห่งขุนเขา สร้างชื่อให้เป็นที่จดจำ และรับบุญบางส่วนในศาลสวรรค์เล่าขอรับ?”
“ได้สิ แล้วข้าควรเตรียมพร้อมอะไรบ้าง?”
นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนได้ตกลงตามการจัดการของ หลี่ฉางโซ่วมาก่อนแล้ว เมื่อเขาได้ยินหลี่ฉางโซ่วกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธใดๆ
หลี่ฉางโกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องเตรียมอะไรเลยขอรับ ศิษย์ได้เตรียมการเอาไว้ให้แล้ว เมื่อถึงเวลา ท่านเพียงแค่ต้องพยักหน้าและรายงานภูมิหลังของท่านต่อศาลสวรรค์เอง…
ความจริงแล้ว ท่านเพียงแค่ต้องไปลงทะเบียนเท่านั้นขอรับ”
“เช่นนั้น ให้อาจารย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
กล่าวจบ ฉีหยวนก็หันหลังกลับและรีบวิ่งกลับเข้าไปในกระท่อมทันที
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้นเขาก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ มองไปที่ท่านปรมาจารย์ใหญ่ อาจารย์อา และศิษย์น้องหญิงที่กำลังเล่นสนุกสนานกันอยู่ในห้องเดินหมากเล่นไพ่และส่ายศีรษะเบาๆ
ท่านปรมาจารย์ใหญ่ และอาจารย์อาล้วนไม่มีแรงกดดันใดๆ กับอายุขัยของพวกนาง พวกนางจึงไม่ต้องรีบร้อนเตรียมการ
หลังจากนั้นไม่นาน นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนก็เปลี่ยนเสื้อคลุมเป็นเสื้อคลุมเต๋าผ้าไหมสีฟ้า สวมเข็มขัดเต๋ามาตรฐาน เขาถือแส้หางม้าและก้าวเท้าไปด้วยรองเท้าผ้า และเวลานี้เขายังมีท่าทางของเซียนจั๋วที่ดูเหนือโลกอยู่เล็กน้อย
“ฉางโซ่ว เจ้าคิดว่าอาจารย์เป็นอย่างไร?”
หลี่ฉางโซ่วยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาและกล่าวว่า “เสียงคลื่นยังคงเดิม ไม่มีสิ่งใดเสื่อมถอยไปแม้แต่น้อย[2]ขอรับ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉีหยวนลูบเคราและแย้มยิ้ม เขาเตือนว่า “อย่าฝืนตัวเองให้ดึงดันแข็งกร้าวเกินไป ไม่ว่าจะได้บุญใดๆ หรือไม่ก็ตาม อาจารย์ก็ไม่เป็นไร”
“ขอท่านอาจารย์ โปรดอย่ากังวลไปเลย ศิษย์มั่นใจขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางโค้งคำนับและมอบยันต์หยกให้ฉีหยวน แล้วร่างจำแลงของเขาก็กลายเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก่อนจะเข้าไปในแขนเสื้อของฉีหยวน
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ โปรดไปที่ประตูภูเขาและบินไปทางทิศตะวันออกเถิดขอรับ ตอนนี้ ศิษย์กำลังรออยู่ข้างนอกแล้ว”
นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนทำตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว เขามองไปยังป่าไผ่ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ที่ภูเขาด้านหลัง และจิ๋วอวี่ซือที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในป่าไผ่ แล้วขี่เมฆ พุ่งไปที่ประตูภูเขา
หลังจากออกจากประตูภูเขาและบินไปทางประตูสวรรค์บูรพาได้สักพักหนึ่ง และมองเห็นนักพรตเต๋าวัยกลางคนกำลังขี่เมฆ บินมาหาแล้ว
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนก็ตื่นตัวระแวดระวัง ทั่วทั้งร่างของเขาเกร็งและตึงเครียดขึ้นทันที
“ท่านอาจารย์ นี่ศิษย์เองขอรับ”
นักพรตเต๋าวัยกลางคนและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในแขนเสื้อของฉีหยวนต่างก็กล่าวขึ้นพร้อมๆ กัน แล้วฉีหยวนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
หลี่ฉางโซ่วก้าวออกไปข้างหน้าและเชื้อเชิญท่านอาจารย์ให้ก้าวมาบนเมฆของเขา จากนั้นเขาก็ขี่เมฆไปทางประตูสวรรค์บูรพาต่อไป
ในระหว่างทาง หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเตือนว่า “ท่านอาจารย์ ตัวตนร่างจำแลงของศิษย์คือ ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินขอรับ หากท่านเผชิญกับอันตรายใดๆ ในภายหน้า ขอท่านได้โปรดแจ้งนามนี้…”
ฉีหยวนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เหตุใดชื่อเจ้าถึงแปลกยิ่ง?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่ไม่กี่คนในโลก เจ้าเพียงกำลังพยายามทำให้เขามีชื่อเสียงด้วยฉายานามของเจ้าหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “นามนี้ได้รับมาจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ศิษย์สะดวกในการทำงานต่างๆ ให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินขอรับ”
ฉีหยวนอดจะตกตะลึงไม่ได้
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล หากศิษย์บอกท่านมากเกินไป มันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของท่านได้ ท่านอาจารย์ ท่านเพียงแค่ต้องรู้เท่านั้นว่า ตอนนี้ ศิษย์สามารถดูแลท่านและศิษย์น้องหญิงได้เป็นอย่างดีขอรับ
ท่านอาจารย์ โปรดยกโทษให้ศิษย์ที่ไม่เคารพท่านต่อจากนี้ไป พวกเราจะเรียกกันและกันว่า สหายเต๋า หากความสัมพันธ์ของท่านและศิษย์ถูกเปิดเผย ศิษย์เกรงว่า มันจะก่อให้เกิดเภทภัยมาสู่ท่านได้ขอรับ”
ฉีหยวนขมวดคิ้วและพยักหน้า เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็ยังลังเล
เมื่อพวกเขาเกือบจะไปถึงประตูสวรรค์บูรพา ฉีหยวนก็ส่งข้อความเสียงว่า “ฉาง… สหายเต๋า”
“ท่านพูดมาเถิดขอรับ”
“หากไม่มีสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ก็จะไม่มีสำนัก และจะไม่มีผลเต๋าสำหรับการฝึกบำเพ็ญของเรา ข้ายินดียิ่งนักที่เจ้าได้ทำงานหนักเพื่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
จำไว้ว่าจงอย่าละโมบเพียงเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อย และอย่าได้ชะลอรั้งเรื่องสำคัญของสำนัก ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจารย์ก็ไม่รู้จะเตือนเจ้าให้ดูแลตัวเองอย่างไรแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วตอบผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ขอรับ ศิษย์น้อมรับฟังท่านอาจารย์!”
บัดนี้ ประตูสวรรค์บูรพาได้ปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตาแล้ว ฉีหยวนปล่อยวางความกังวลทั้งหมดของเขาและชื่นชมประตูสวรรค์อันวิจิตรตระการตาจากระยะไกล เขาเห็นกลุ่มทหารสวรรค์กำลังตั้งแถวรออยู่และพร้อมรบ
………………………………………………………………..
[1] พลิกสถานการณ์
[2] หมายถึงยังดูเหมือนเดิม แข็งแกร่งหรือแข็งแรงดังเดิม
—————————————-