ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 67.1 ผู้ที่เข้าใจข้า จงเจริญ! (1)
เวลานี้พวกเขาอยู่เบื้องหน้าเครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัวในหอเสิ่นเว่ยแห่งศาลสวรรค์
หลังจากส่งความฝันให้หลันหลิงเอ๋อร์ ศิษย์แห่งสำนักตู้เซียนเป็นครั้งที่สองแล้ว…
ในขณะที่จิตใจของเจ้าหน้าที่เซียนผู้สวมเกราะทองคำกลับคืนมาจากเครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัว เขาก็หยิบทวนยาวขึ้นมาพลางกัดฟันด้วยบันดาลโทสะยิ่ง
เขาว้ากเพ้ยออกมาดังลั่นว่า “เขามาไม่ได้! เขาปฏิเสธจริงๆ! เขาถึงกับบอกว่ากำลังหลอมโอสถอยู่! ท่านเทพเฒ่าจันทรา ข้าจะลงไปเอาเขาขึ้นมาเองขอรับ!”
เฒ่าจันทราที่อยู่ข้างๆ เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาเอาไว้
เขารู้ดีว่าเจ้าหน้าที่เซียนเพิ่งกำลังตั้งท่าลงมือ ไม่ว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะเล็กเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังเป็นสำนักบำเพ็ญเซียน สำนักตู้เซียนอาจไม่เห็นเทพทั้งสองอย่างพวกเขาอยู่ในสายตาจริงจัง นับประสาอะไรกับการที่จะปล่อยให้พวกเขาเข้าไปจับศิษย์ของพวกเขาโดยตรง
แต่ในท้ายที่สุด เขายังมีคำขอสำหรับพวกเขา…
“ท่านทำไม่ได้ ท่านเซียน ท่านไม่อาจทำได้ ลองมาคิดเรื่องนี้จากมุมมองและการพิจารณาระยะยาวแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด!”
เฒ่าจันทราเกลี้ยกล่อมเขาให้สงบลงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และในที่สุดเจ้าหน้าที่เซียนผู้สวมเกราะทองคำก็ ‘สงบลง’
แล้วเฒ่าจันทราก็ถามว่า “พวกเขากล่าวอันใดหรือ”
เจ้าหน้าที่เซียนตอบ “ศิษย์น้องหญิงของเขาสุภาพและมีมารยาทยิ่ง นางบอกว่าศิษย์พี่ของนางอยู่ในช่วงเวลาสำคัญระหว่างการหลอมโอสถ ไม่อาจเสียสมาธิได้ แล้วนางยังถามถึงเหตุผลที่พวกเราขอพบเขา และขอให้พวกเราบอกนางให้รู้ว่ามีเรื่องด่วนสำคัญอันใด”
“นี่…”
เฒ่าจันทรารู้สึกลำบากใจในทันที
เรื่องนี้จะให้พูดลวกๆ ได้อย่างไร เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับผู้ใดได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเขาเอง หากมันแพร่ไปถึงหูของฝ่าบาท เขาย่อมต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
เฒ่าจันทราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ท่านช่วยกรุณาไปหาศิษย์น้องหญิงของเขาอีกครั้งได้หรือไม่ ขอบคุณท่านมาก”
“เทพเฒ่าจันทรา ท่านเกรงใจไปแล้วขอรับ นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ!”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่เซียนก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเครื่องเชิญฝันสวรรค์ซิงหลัว แล้วอดยิ้มแหยออกมาไม่ได้
ทุกครั้งที่เขาส่งความฝัน มันจะเผาผลาญพลังวิญญาณต้นกำเนิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเขาทำอีกสองสามครั้ง เขาก็จะเป็นลมหมดสติไปอย่างแน่นอน…
ในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยในสำนักตู้เซียน ขณะนี้หลี่ฉางโซ่วได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์จากศิษย์น้องหญิงของเขาและให้คำแนะนำบางอย่างกับนาง
และในไม่ช้า หลันหลิงเอ๋อร์ก็ตื่นตะลึงเมื่อเห็นชั้นเมฆอีกครั้ง
“ศิษย์พี่! เขามาอีกแล้วเจ้าค่ะ!”
“หลับเถิด” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นหลิงเอ๋อร์จึงหลับตาและเข้าสู่ความฝันอย่างรวดเร็วในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังเฝ้าสังเกตอาการของหลิงเอ๋อร์จากด้านข้างนางอย่างใกล้ชิด
นางเพิ่งหลับไป…
ไม่มีการไหลเวียนของอักขระเต๋าหรือการเคลื่อนไหวอื่นใด
ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้นจิ้มแขนของหลิงเอ๋อร์ในขณะที่หลิงเอ๋อร์ก็ส่งเสียง ‘อืม’ ราวกับว่ากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น
ศาลสวรรค์สมควรเป็นองค์กรที่เต๋าสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมสวรรค์และปฐพี และความฝันก็ควรต้องถูกกระตุ้นด้วยสมบัติบางอย่างของเต๋าสวรรค์ มันช่างน่าทึ่งมากจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไปยังส่วนต่างๆ ทั่วทั้งยอดเขาหยกน้อยพลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้อาจไม่ได้มีเพียงแค่เทพเฒ่าจันทราคนเดียวเท่านั้น
ในเวลานี้ เทพเฒ่าจันทราอาจเป็นเพียงแค่เครื่องมือเสมือนกับเทพสวรรค์ผู้สวมเกราะทองคำ…
ขณะนี้ ทัณฑ์สวรรค์ประทับเซียนยังมาไม่ถึง และศาลสวรรค์ก็เพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นมา แม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ยังต้องระมัดระวัง และเทพเฒ่าจันทราผู้ที่เง็กเซียนฮ่องเต้แต่งตั้งขึ้นมานั้นก็น่าจะเป็นคนขี้กลัว
ทุกวันนี้ ศิษย์สายตรงของสามปรมาจารย์สูงสุดแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่ได้ไปสวรรค์แล้ว พวกเขาต้องเรียกขานเง็กเซียนฮ่องเต้ว่า อาจารย์อาห้าวเทียนในขณะที่เง็กเซียนฮ่องเต้ต้องปฏิบัติต่อศิษย์รุ่นที่สองของสำนักบำเพ็ญเต๋าด้วยความสุภาพ…
มีอยู่เพียงไม่กี่คนในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเบื้องหลังพวกเขาก็คือ บรรพชนไท่ชิง
บัดนี้บรรพชนไท่ชิงได้เข้าสู่วังดุสิตของศาลสวรรค์แล้ว ดังนั้น เง็กเซียนฮ่องเต้ย่อมไม่กล้าวางแผนต่อต้านสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และความจริงแล้ว ก็ไม่มีแรงจูงใจใดที่จะให้เขาทำเช่นนั้น
ยิ่งกว่านั้น ศาลสวรรค์ยังเป็นที่ปลอดภัย และในขณะนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปวุ่นวายได้…
แม้ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะไม่ค่อยลงรอยกันดีนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้แตกแยกกัน
ในตอนแรก สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินไม่มีมรดกเต๋ามากนักและไม่ได้มีความบาดหมางขัดแย้งกับสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยรวมถึงสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และมีความเป็นไปได้น้อยที่พวกเขาจะก่อปัญหาเช่นกัน
ตามวิธีการขจัดปัญหานั้น สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเป็นสำนักเดียวที่กล้าทำ และนั่นอาจทำให้เกิดปัญหาสำหรับ สำนักบำเพ็ญเต๋า…หยิน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า จะมีปรมาจารย์ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่รู้สึกว่า สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีผู้สืบทอดเต๋าน้อยเกินไปและต้องการใช้ด้ายแดงแห่งโชคชะตาเพื่อทำให้เกิดลูกหลานมากขึ้น
นี่คล้ายกับแผนของข้าที่จะใช้หนอนกู่พิษรักเพื่อกระตุ้นให้สัตว์วิญญาณหายากคู่หนึ่งผสมพันธุ์และขยายการสืบพันธุ์กัน…
แล้วปรมาจารย์คนนี้คือผู้ใด
อาจเป็นผู้ก่อตั้งสำนักตู้เซียน ตู้เอ้อร์เจินเหรินซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในภูเขาคุนหลุนใช่หรือไม่
ไม่น่าเป็นไปได้…
ในฐานะที่เป็นศิษย์ในนามของจอมปราชญ์เทพ ผู้ก่อตั้งสำนักก็ยังฝึกบำเพ็ญอย่างระมัดระวังเช่นกัน โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ได้มีตัวตนมากนัก และไม่กล้าจะแบกรับผลกรรมสะท้อนกลับ
และผู้ใดก็ตามที่ได้ฟังธรรมกถาของจอมปราชญ์เทพย่อมสามารถอ้างตัวว่าเป็นศิษย์ในนามได้
หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ตระหนักว่า จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวที่จะมีเวลา มีอิทธิพลและพลังอำนาจพอที่กล้าให้เทพเฒ่าจันทราใช้เล่ห์อุบายช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู!
น่าจะเป็นเขา
แต่คราวนี้เป็นเทพเฒ่าจันทราที่ต้องการมาเยี่ยมเขาในความฝัน หลี่ฉางโซ่วจึงคิดถึงความผิดปกติและพฤติกรรมแปลกๆ ของเขาเมื่อก่อนหน้านี้…
ในสถานการณ์ยามนี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการครองคู่ของเขา และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อาจสร้างปัญหาบางอย่างที่ทำให้เทพเฒ่าจันทราต้องจัดการ
ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นแล้ว คนที่เป็นพิษยิ่งนักจะมาประทับใจข้าโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน
หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วขึ้น แต่แล้วเขาก็งุนงงขึ้นมากะทันหัน
หากโหย่วฉินเสวียนหย่าแค่มีความประทับใจในตัวข้าเพราะการจัดการของเทพเฒ่าจันทรา แล้วเหตุใดจึงเป็นข้าเล่า
ข้าอาจตกเป็นเป้าหมายของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่
ข้าต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง
ในด้านการครองคู่ ข้าน่าจะใช้ศิษย์น้องหญิงน้อยของข้าเป็นโล่กำบังของข้าได้
นั่นอาจเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ไม่กี่อย่างที่อาจารย์ของเขาคิดได้เมื่อรับหลิงเอ๋อร์เป็นศิษย์
“ความโชคดีของเต๋าสวรรค์นั้นยากจะเข้าใจได้จริงๆ
“โลกบรรพกาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมากจนเราอาจกลายเป็นดั่งแมลงปอ”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ขณะยังคงคิดถึงการเปลี่ยนวิธีจากเชิงรับให้เป็นเชิงรุก เขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไรกัน
เขาเอามือไพล่หลังขณะรอให้ศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาตื่นขึ้น และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เริ่มเปิดใช้งานค่ายกลโดยรอบ
เนื่องจากเทพเฒ่าจันทราไม่กล้าล่วงเกินผู้ใดและต้องการข่มขู่หรือต่อรองกับข้า ฝ่ายที่อ่อนแอที่สุด…แล้วข้าจะได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้บ้าง
ไม่ ข้าไม่อาจบังคับได้
ย่อมเป็นการดีที่สุด หากข้าสามารถทำตามประสงค์ได้ แต่ต้องให้อยู่ในความสงบ
ในฐานะที่เป็นเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักตู้เซียน เขามีแผนของตัวเอง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น เขาจะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อเขาจัดการด้วยตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม หากเขามีมิตรภาพที่ดีกับเทพเฒ่าจันทราได้ มันย่อมจะง่ายขึ้นที่เขา ท่านอาจารย์และหลิงเอ๋อร์จะขึ้นไปสู่สวรรค์ในภายภาคหน้า…
ศาลสวรรค์มีเครือข่ายสายสัมพันธ์ที่กว้างขวางของผู้คนมากมายอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เทพเฒ่าจันทราผู้รับผิดชอบการครองคู่
ครั้งนี้ เขาสามารถเริ่มต้นจากเรื่องนี้ได้ เขาสามารถให้ความช่วยเหลือและให้เทพเฒ่าจันทรารู้ว่าเขาจงใจทำประโยชน์ให้เทพเฒ่าจันทรา และในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ไม่อาจเปิดเผยอะไรได้…
เขาต้องจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวังจริงๆ
จากนั้นไม่นาน หลิงเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็บอกหลี่ฉางโซ่วว่า เทพเฒ่าจันทรามอบหมายให้เทพสวรรค์ในชุดเกราะทองคำถ่ายทอดข้อความให้นางเพื่อให้นางเล่าให้เขาฟัง
“เฒ่าจันทราบอกว่าก่อนหน้านี้เขาเคยนับรูปปั้นดินเหนียวของการครองคู่ และบังเอิญสัมผัสถูกท่านจนทำให้ได้รับความเสียหาย เฒ่าจันทราจึงรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงอยากพบท่านเพื่อหารือ และอยากตรวจสอบดูว่ามีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นกับท่านหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วตระหนักได้ในทันใดว่าที่เทพเฒ่าจันทราต้องการพบเขาเพื่อแก้ไขกรรม
นั่นมันง่ายดาย
ในเวลานั้น หลิงเอ๋อร์พลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยขณะกล่าวเสียงเบาว่า
“ศิษย์พี่ ท่านจะเป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ หากรูปปั้นดินเหนียวครองคู่เสียหาย จะไม่มีทางที่ท่านจะแต่งงานได้ในอนาคตหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะไปพบเขา”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เทพเฒ่าจันทราก็มาหาเขาด้วยความจริงใจ
สำหรับตัวเขาเอง เขาเพียงต้องคำนึงถึงสถานะของเขาในฐานะศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักตู้เซียนและลงมือปฏิบัติตามนั้นทันที
“ศิษย์น้องหญิง ช่วยปกป้องข้าด้วย”
“ได้เจ้าค่ะ!” หลิงเอ๋อร์ตกลงทันทีด้วยน้ำเสียงสดใส
จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่เอนกายอยู่ยืนอย่างสง่างามกะทันหัน พร้อมกับถือถุงเก็บสมบัติสองสามใบเอาไว้ในมือ
และบัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นอนลงบนเก้าอี้เอนกายในขณะที่ถือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวเอาไว้ในมือ และพยายามทำให้ตัวเองสงบลงเพื่อผ่อนคลายจิตใจ
และเป็นไปตามคาด จากนั้น เขาก็ค่อยๆ เข้าสู่ความฝันที่มีหมอกหนา
ที่เบื้องหน้าเขา มีศาลาอมตะตั้งอยู่บนยอดเขา และในศาลานั้น มีชายชราร่างผอมสวมชุดคลุมวิวาห์ กำลังก้มลงให้เขาเพื่อเอาใจ