ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 71.2 ข้า อ๋าวอี่…หยุดเติบโต (2)
ข้าสามารถฝังค่ายกลใต้ดินได้ด้วยตัวเอง แต่หากเป็นค่ายกลขนาดใหญ่บนพื้นผิว เขายังต้องการความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์อาจิ่วจิ่วเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
เมื่อระบุรายการที่เขาต้องทำแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนและเหยียดยืดตัวออก
หลังจากนั้น ข้าจะไปเยี่ยมท่านผู้อาวุโสว่านหลินหยุน และเตรียมตัวออกไป
เฮ้อ…
ช่วงเวลาฝึกบำเพ็ญสบายๆ ที่เหน็ดเหนื่อยและได้ผลงดงามนี้…
คงจะดี หากข้ารักษามันเอาไว้ได้ตลอดไป
……
หือ คนเหล่านี้คือผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่ได้รับพรจากสวรรค์และปฐพีกำลังฝึกบำเพ็ญอย่างสบาย และพูดคุยเกี่ยวกับเต๋ากันทุกวัน
ขณะนี้ ในสระสมบัติของเกาะเต่าทอง มีมังกรครามกำลังค่อยๆ แหวกว่ายไปในสระช้าๆ พร้อมด้วยสายตาที่หรี่เล็ก
เวลานี้ เขาไม่ใช่มังกรน้อยอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางเงาที่ฝังแน่น ตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เคยจางหายไป
อ๋าวอี่รู้สึกจิตใจสั่นไหวขึ้นมาทีละน้อยเมื่อเห็นนักพรตเต๋าชราร่างเหมือนมนุษย์
เขารู้ว่าเขาได้มาถึงขอบเขตต้านปีศาจแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเอาชนะมันได้
และมันเป็นผลให้สุขภาพของเขายังมีปัญหา แต่เขาก็ยังไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมัน
ขณะนี้ ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีเซียนจินสองสามคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่กำลังบรรยายในเรื่องเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งอายุขัยยืนยาวให้กับเซียนจำนวนมากที่ยังไม่เติบโตเต็มที่
อ๋าวอี่ก็อยากจะเข้าไปฟัง ทว่า…
มีอาจารย์เต๋าชรามากเกินไป
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีบางคนที่ชอบทำสีหน้าเย็นชาซึ่งทำให้เขานึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
จากการสังเกตผู้บำเพ็ญมนุษย์บนเกาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อ๋าวอี่ก็ได้ค้นพบปัญหามากมายและมีข้อสงสัยมากขึ้น
บางครั้ง เขาก็สงสัยว่า เขาเข้าใจเผ่าพันธุ์มนุษย์ผิดไปหรือไม่
นักพรตเต๋าชราหน้าเย็นชาที่ข้าพบในตอนนั้นเป็นพวกนอกรีตในหมู่มนุษย์หรือไม่
ไม่ ไม่อย่างแน่นอน!
แม้ผู้บำเพ็ญมนุษย์จะดูเป็นมิตรและร่าเริงเบิกบานทุกวัน แต่ก็มีความกลมกลืนกับปีศาจ วิญญาณ และภูตผีที่พวกเขาเห็นว่าเป็นเหมือนตัวเองและสร้างสายสัมพันธ์ด้วย ทว่าจริงๆ แล้วพวกเขา…จิตใจสกปรกนัก!
โดยผิวเผินแล้ว ผู้บำเพ็ญมนุษย์ส่วนใหญ่จะเรียกเขาว่า ‘น้องชาย’ และ ‘สหายเต๋า’
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังแอบปฏิบัติต่อเขาในฐานะองค์ชายรองผู้สง่างามของวังมังกรแห่งทะเลบูรพา!
การเป็นผู้โดดเด่นในตอนนี้จะเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่…
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีวิญญาณมังกรสองสามตัวบนเกาะเต่าทอง และบางครั้งพวกเขาก็จะคุยกับอ๋าวอี่ซึ่งทำให้อ๋าวอี่รู้สึกสบายใจ
ในด้านการฝึกบำเพ็ญ เซียนอู้หยุนได้ถ่ายทอดคาถาเซียนให้เขาในความฝัน และหลังจากโยนสมบัติจำนวนมหาศาลสองชิ้นออกไปในอากาศแล้ว เซียนผู้นี้ก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
แม้อาจารย์ท่านนี้จะไม่สนใจเขามากนัก แต่อ๋าวอี่ก็ไม่มีข้อตำหนิใดในใจ
เพราะเขาหนีออกมาในครั้งที่แล้ว และนี่คือผลที่เขาต้องแบกรับ
อ๋าวอี่อาศัยการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องจากสายโลหิตราชามังกรจนไปถึงขอบเขตเซียนหยวน และยังได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ของมังกรมากยิ่งขึ้น
ไม่ยากสำหรับมังกรที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียน พวกเขาสามารถเข้าไปในเมฆทัณฑ์สวรรค์และอาศัยสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์เพื่อเปลี่ยนเกล็ดของพวกเขาให้เสร็จสมบูรณ์
เมื่อใดข้าจึงจะได้ยินคำเทศนาของจอมปราชญ์เทพนะ
อ๋าวอี่ถอนหายใจในใจ
สำนักบำเพ็ญเจี๋ยแบ่งออกเป็นสำนักชั้นในและชั้นนอก มีศิษย์ภายในสำนักชั้นในเพียงไม่กี่คนที่เชี่ยวชาญในเต๋าที่สืบทอดจากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่
ศิษย์ชั้นในของปราชญ์เทพนั้นจะมีศิษย์หลักสี่คน ได้แก่ นักพรตเต๋าตั๋วเป่า หลิงจินเซิ่งหมู่ อู๋ตั้งเซิ่งหมู่ และกุ้ยหลิงเซิ่งหมู่ และยังมีศิษย์และศิษย์หลานของพวกเขาบางส่วน
ส่วนศิษย์ชั้นนอกของปราชญ์เทพนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ
มีศิษย์ชั้นนอกอาวุโสสี่คน ได้แก่ จ้าวกงหมิง อวิ๋นเซียว ปี้เซียว และเฉียวเซียว และเมื่อทั้งสี่ได้กลายเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่ ทว่าในเวลานั้น พวกเขามีเต๋าของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงถูกจัดว่าเป็นศิษย์ชั้นนอก
และบรรดาผู้ที่ตั้งรกรากและหยั่งรากในมหาตรีสหัสโลกธาตุ ล้วนได้รับการเทศนาจากศิษย์ชั้นนอกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่
ในขณะที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่และศิษย์ชั้นในทั้งสี่ของเขาล้วนอาศัยอยู่ในวังปี้โหยวตลอดทั้งปี
วังปี้โหยวเป็นมรดกของปราชญ์เทพที่ไม่มีตัวตน ว่ากันว่า มีเพียงเซียนต้าหลัวจินเท่านั้นที่สามารถค้นพบได้
มีเส้นทางไปยังวังปี้โหยวบนเกาะเต่าทอง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเส้นทางนั้นอยู่ที่ใด
อย่างไรก็ตาม อ๋าวอี่ก็แอบค้นเกาะเต่าทองไปทั่ว แต่ไม่พบร่องรอยของปราชญ์เทพ
และนั่นหมายความว่าเขามิใช่ผู้ถูกลิขิต
ทุกวันนี้ เนื่องด้วยสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมีการสอนเป็นกลางด้วยคำสอนที่ว่า การศึกษาไม่มีชนชั้น ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถรับการศึกษาได้ สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจึงมีผู้สืบทอดมรดกเต๋ามากขึ้นเรื่อยๆ
และในเวลานี้อ๋าวอี่ก็เข้าใจสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างสมบูรณ์
ตัวผู้นำสำนักนี้เองเป็นปราชญ์และเป็นศิษย์สายตรงของปราชญ์อีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำนักบำเพ็ญฉานและสำนักบำเพ็ญเจี๋ยไม่กล้ายั่วยุเขาเลย คนที่สอนเต๋าในดินแดนเทวะมัชฌิมาล้วนธรรมดาและไม่มีผู้ใดกล้าทำให้เขาขุ่นเคือง
บรรพชนไท่ชิงเป็นอันดับหนึ่งในหกปราชญ์เทพซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดในจำนวนบรรพชนเต๋าทั้งหมด
ในตอนนั้น หากข้ายืนหยัดอดทนอีกสักหน่อยและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้เต๋า ข้าก็อาจจะได้รับโชคบางอย่างเพื่อช่วยเผ่าพันธุ์มังกรและหาทางออกได้
ส่วนสำนักตู้เซียน…
ในเวลานี้ อ๋าวอี่ดูถูกเล็กน้อย
สำนักตู้เซียนเป็นของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างแท้จริง และยังมีผู้สืบทอดเต๋าของปราชญ์เทพ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ทรงพลังมากนัก และไม่มีปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสำนัก
หลังจากฟังพระสูตรที่เซียนจินให้คำสอน ชั่วขณะหนึ่ง อ๋าวอี่ก็ถอนหายใจในใจและค่อยๆ จมลงสู่ก้นสระ
แล้วร่างมังกรของเขาก็ขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบๆ
ข้านอนไม่หลับ หากข้านอน ข้าจะฝันร้าย ฝันว่าจะถูกฆ่าและถูกเลี้ยงเหมือนเป็นอาหาร
ยิ่งอ๋าวอี่เข้าใจมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตระหนักว่ายุคบรรพกาลนั้นลึกล้ำและน่ากลัวมากเท่านั้น
ทัณฑ์สวรรค์มังกร-หงส์นั้น ไม่เพียงแต่จะทำลายมังกรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปรมาจารย์ที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มังกรด้วย
ปราชญ์เทพแห่งสวรรค์และปฐพีครองอำนาจ เผ่ามังกรจึงทำได้เพียงล่าถอยไปจากโลกได้เท่านั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์และสำนักบำเพ็ญเต๋าคือกลุ่มผู้เป็นเอกในระหว่างสวรรค์และปฐพี
ความคิดของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ช่างไร้เดียงสาจริงๆ
ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไป อับอายใจก็ไร้ประโยชน์
เราย่อมไม่อาจปลุกมังกรที่แกล้งทำเป็นเมาได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เผ่าพันธุ์มังกรรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีเพียงหนทางเดียวคือปล่อยให้ลูกหลานของเผ่าพันธุ์มังกรเข้าสู่สำนักของปราชญ์เทพ
ข้า อ๋าวอี่ ข้าควรทำอย่างไรดี
อันที่จริงเขาได้พัฒนาความคิดที่ดีเมื่อสองสามปีก่อน
คือ การกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง
ตราบใดที่เขาสามารถเป็นรัชทายาทแห่งวังมังกร กลายเป็นศิษย์ของสำนัก และมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาก็จะมีอิทธิพลต่อความคิดของเผ่าของเขาและทำให้พวกเขาลดท่าทางหยิ่งผยองลงอย่างช้าๆ…
นี่เป็นโอกาสที่จะพลิกชะตาของเขา และมันก็เป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้เช่นกัน
ขณะฝึกบำเพ็ญ จู่ๆ อ๋าวอี่ก็ได้ยินการสนทนาระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋าสองคนที่เดินผ่านสระ
“คราวนี้ข้าจะไปสำนักเซียนสองสามแห่งดินแดนเทวะบูรพาเพื่อหารือเกี่ยวกับเต๋า ตามกฎดิบเก่าแก่โบราณของสำนักเซียนเหล่านี้ เราอาจต้องให้ศิษย์รุ่นเยาว์แข่งขันกันอีกครั้ง แต่ข้าไม่มีศิษย์รุ่นเยาว์เลย…”
อ๋าวอี่ซึ่งอยู่ที่ก้นสระพลันตระหนกตกใจยิ่ง จากนั้นเขาก็เหวี่ยงสะบัดหางในขณะที่ร่างมังกรของเขาหดตัวลงอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆ เขาก็พุ่งตัวออกจากสระ
ทันใดนั้น มังกรครามก็โผล่ออกมาจากน้ำพร้อมด้วยเกล็ดสีเขียวครามสาดประกาย
ผู้บำเพ็ญระดับเซียนเทียนสองคนพลันหันศีรษะไปมองแล้วเห็นร่างมังกรเขียวครามนั้นเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มแสนสง่างามที่ค่อยๆ ร่อนลงมาจากอากาศช้าๆ และกล่าวบางอย่างกับพวกเขา
“สหายทั้งสอง…สหายเต๋า” อ๋าวอี่กล่าว “ข้าอยากเปิดหูเปิดตาสักหน่อย ข้าฝึกฝนมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ ถือได้ว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักบำเพ็ญเจี๋ย”
เขาไม่มีทางเลือก เขาเป็นศิษย์ของเซียนอู้หยุน มีผู้บำเพ็ญมากเกินไปบนเกาะเต่าทอง และเขามักจะสับสนและไม่เข้าใจในความอาวุโสของพวกเขา
ดูเหมือนว่า เด็กคนนี้จะมีอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี…
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เขาถูกนักพรตเต๋าชราหลอก ร่างมนุษย์และร่างกายของเขา…ก็หยุดเติบโต
ฉับพลันนั้น เซียนเทียนทั้งสองคนแห่งสำนักบำเพ็ญเจี๋ยต่างมองหน้ากันและทักทายเขาอย่างรวดเร็ว