ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 77.1 การทักทายจากคนชรา (1)
ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง ด้วยระดับการฝึกฝนสูง พลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งทรงพลังยิ่ง และมีสมบัติ อาวุธเวทมากมาย
ประเด็นหลักคือ เขามีเล่ห์เหลี่ยมด้วย
ขณะนี้ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงและผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองกำลังฝึกต่อสู้กันอยู่ด้านนอกแนวค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ผลที่ตามมาของการต่อสู้ทำให้ค่ายกลสั่นสะเทือน พลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และปฐพีภายในรัศมีหลายร้อยลี้ผันผวนอย่างรุนแรง…
ห่างออกไปหลายร้อยลี้นอกภูเขาของสำนัก ขณะนี้ มีผู้บำเพ็ญเต๋าระดับเซียนตี้หรือเซียนพิภพซึ่งกลายเป็นตอไม้ ยังคงหลับอยู่ที่นั่นอย่างสงบ…
หลี่ฉางโซ่วยังชื่นชมความสามารถของท่านอาจารย์ในการคงความนิ่งสงบได้อย่างสบาย
การต่อสู้ของปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงได้แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนพลังภายในและรูปแบบการต่อสู้ที่เหนือชั้น และทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้แจ้งในวิธีการต่อสู้ระหว่างเซียนระดับกลางเป็นอย่างมาก
นอกเหนือจากปรมาจารย์เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอดทั้งปีแล้ว ก็ถือว่า ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงแข็งแกร่งที่สุดในสำนักตู้เซียน
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกบำเพ็ญเต๋ามานับหมื่นปี ปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิงก็ยังไม่อาจทะลวงสู่ขอบเขตเซียนจินได้ ดังนั้นจึงยังไม่อาจเรียกเขาว่าเป็นปรมาจารย์ได้เมื่ออยู่ในดินแดนเทวะบูรพา
ความจริงแล้ว เซียนเทียนยังคงมีอายุขัยจำกัด ไม่ว่าพวกเขาจะมีทักษะเวทแข็งแกร่งปานใดหรือมีสมบัติและอาวุธเวทมากมายเพียงใด พวกเขาก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงความชราภาพและเวลาที่ยังส่งผลกระทบต่อพวกเขาได้
เพียงระดับเซียนจินขึ้นไป…จึงจะมีอายุยืนยาว คงความอมตะได้จริงๆ เท่านั้น…
มีเพียงอาศัยเต๋าของตนเพื่อปกป้องร่างกายของตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถหลุดพ้นชะตากรรมแห่งวัฏจักรชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตายได้เท่านั้น จึงจะคงชีพยืนยาวอยู่ได้ตราบสิ้นสวรรค์และปฐพี เช่นนั้นแล้วจึงจะสามารถย่างก้าวแรกสู่ขั้นโลกบรรพกาลได้
นี่เป็นเพียงก้าวแรก
และนั่นหมายความว่ามีเพียงปรมาจารย์ที่แท้จริงเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติ สามารถมองเขาอย่างจริงจังได้
ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วซึ่งเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ที่ริมทะเลสาบ กำลังยืนนิ่งและเอามือไพล่หลังไว้ หลังจากดูการต่อสู้แล้ว เขาก็หยั่งรู้บางอย่างได้ และยอมรับความเข้าใจทั้งหมดนั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาระงับขอบเขตการฝึกฝนของเขาและไม่ได้ทะลวงด่านสู่ขอบเขตต่อไป
ขอบเขตเล็กๆ นี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ
แม้พระสูตรนิรกรรมจะเน้นให้ธรรมชาติดำเนินไปตามวิถีและทำการละวาง มันมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บำเพ็ญบีบบังคับตัวเองให้เร่งบำเพ็ญเพียรไปสู่อีกขอบเขตหนึ่ง
และการแสวงหาความสำเร็จอันสมบูรณ์แบบของหลี่ฉางโซ่วในขอบเขตเล็กๆ เช่นนี้จึงขัดกับความหมายที่แท้จริงของพระสูตรนิรกรรม แต่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
และเมื่อเขาสะบัดแขนยาวของเขาเบาๆ ขณะมีลมกระโชกแรงพัดผ่านเข้ามา ก็ไม่มีอะไรผิดแปลกไป
ชั่วขณะนั้น เขาพลันหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นศิษย์น้องหญิงน้อยของเขา
หลี่ฉางโซ่วจึงรีบกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกายเขาด้วย และทันใดนั้นเขาก็เห็นหลิงเอ๋อร์กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากระจกที่เขามอบให้ในขณะที่กำลังชื่นชมความงามของนางอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง…
“เจ้าคนหลงตัวเอง”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปที่หอโอสถ
จากนั้น เขาก็เปิดค่ายกลทั้งหมดรอบๆ หอโอสถ และสร้างป้ายไม้สองสามแผ่นด้านนอกค่ายกลใหญ่ ซึ่งทั้งหมดถูกลงสลักจารึกไว้ด้วยประโยคว่า
‘หากต้องการสิ่งใด โปรดเข้าไปในค่ายกล ท่านจะสามารถตรวจจับบางสิ่งบางอย่างได้เมื่อฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ’
และเป็นอีกครั้งที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังเตาหลอมโอสถ และถือแผ่นป้ายหยกควบคุมค่ายกลเอาไว้
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อยู่พักหนึ่งและตระหนักว่าอาจเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในที่สุดเขาก็ส่ายศีรษะด้วยไม่อาจทำอะไรได้
ยากที่จะทำนายกรรมได้
เพียงเพราะการเดินทางไปยังดินแดนเทวะอุดรของเขา จึงเกิดปัญหามากมายไร้ที่สิ้นสุด
และเนื่องจากเขาได้ออกไปข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ เขาจึงเข้าไปพัวพันกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ…
เอ…แล้วตอนนี้ ข้ามีบุญจากเครื่องสักการะเท่าใดแล้วล่ะ
แล้วทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกถึงพลังบุญของตัวเอง เขามองเห็นเมฆมงคลสีทองบางเบาปรากฏขึ้นรอบๆ ปราณวิญญาณของเขาได้
หลี่ฉางโซ่วบีบนิ้วทำนายก่อนจะรู้สึกว่าลมปราณของเขาพลุ่งพล่านขึ้นจนแทบจะก่นด่าออกมา!
มีรูปปั้นมากกว่าหกร้อยรูปในเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีนี้ ได้อย่างไรกัน
มีหมู่บ้านและเมืองมากกว่าหกร้อยแห่งทำการบูชาเทพแห่งท้องทะเลที่ไร้ประโยชน์?
การถวายเครื่องสักการะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรร่ำรวยในโลกมนุษย์ได้จริงๆ ใช่หรือไม่!!
เขาสัมผัสได้ถึงสถานการณ์อย่างระมัดระวังรอบคอบอีกครั้ง แล้วแอบกัดฟันกรอดๆ…
บ้าบอที่สุด!
หมู่บ้านสง!
หมู่บ้านสงนั่นมากเกินไปแล้วจริงๆ !
แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตด้วยซ้ำ และคนทั้งหมู่บ้านก็อ้างตนว่า ตัวเองเป็นทูตของท่านเทพแห่งท้องทะเลในทะเลทักษิณ พวกเขาอวดเบ่งและโอ้อวดเกินจริงไปทุกที่และส่งเสริมพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งท้องทะเลในทะเลทักษิณเพื่อสร้างโชคลาภ!
หากศรัทธาใน เทพแห่งท้องทะเล เจ้าก็จะมีพละกำลังมหาศาล!
พลังกับส้นเท้าน่ะสิ!
หลี่ฉางโซ่วปากกระตุกทันทีในขณะที่รีบคิดหาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว
มันจะพัฒนาต่อไปเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น สำนักเทพทะเลจะผงาดขึ้นมาจริงๆ!
หลายปีผ่านมานี้ ถึงแม้สำนักบำเพ็ญประจิมจะไม่ได้มาหาข้า และข้าก็ได้รับบุญมากมาย…แต่มันจะเป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!
แต่ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องเทพแห่งท้องทะเลนี้ แล้วข้าจะทำอะไรได้บ้าง
ข้าไม่อาจเปิดเผยตัวได้ เพราะหากทำเช่นนั้น ข้าจะต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน
ข้าต้องอยู่ให้ห่างจากทะเลทักษิณ ข้าต้องอยู่แต่ในสำนักตู้เซียนแห่งดินแดนเทวะบูรพา
สำนักตู้เซียนประสบปัญหาหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น เวลาที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมีชื่อเสียงก็เป็นเพราะเซียนในสำนักไปสังหารปีศาจบางตัวจนทำให้กลุ่มปีศาจนั้นมาโจมตีสำนักตู้เซียน
นอกจากนี้ เมื่อสำนักตู้เซียนได้รับการก่อตั้งขึ้นครั้งแรกนั้น ก็ได้ต่อสู้กับสำนักเซียนอื่นๆ เพื่อชิงเส้นชีพจรวิญญาณ ทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างสำนักเซียน
แล้วจอมปราชญ์เทพจะจัดการกับความขัดแย้งในระดับนี้อย่างไรกัน
แม้แต่ผู้ก่อตั้งสำนักตู้เซียน บรรพชนตู้เอ้อร์ก็ยังไม่ได้รับ ‘แรงกระตุ้น’ มากพอจะทำให้เขาปรากฏขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม หากสำนักบำเพ็ญประจิมกล้าจะมาหาที่สำนักตู้เซียน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลทักษิณ เหล่าปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะต้องจัดการตอบโต้อย่างแน่นอน
นี่คือการต่อสู้ระหว่างปราชญ์และแน่นอนว่า ลักษณะการต่อสู้นั้นย่อมแตกต่างกัน
“ข้าน่าจะไปที่หอไป่ฝาน และแสดงความเคารพสักหน่อย”
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะสำนักบำเพ็ญประจิมไร้ความสามารถเกินไปใช่หรือไม่
คนกลุ่มหนึ่งตัดสินใจขายเครื่องหอม พวกเขาพยายามวางแผนอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ไม่อาจแม้แต่จะแข่งขันกับเทพแห่งท้องทะเลที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง!
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ เขารู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย
หากเรื่องนี้จะสร้างปัญหาขึ้นในอนาคตจริงๆ เขาคงพูดได้เพียงคำเดียวว่า…
“พวกเจ้ากำลังมองหาเทพท้องทะเลแห่งทะเลทักษิณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน”
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หลับตาลงและหันไปเพ่งจิตจดจ่ออยู่กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชั่วขณะหนึ่ง เขาสังเกตบริเวณรอบจัตุรัสพื้นที่ใกล้เคียงและจากนั้นก็เริ่มยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ หลังจากหลอมโอสถทิพย์เสร็จและแลกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรวิญญาณและวัสดุล้ำค่ามากพอแล้ว ข้าจะเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาในสำนักเป็นเวลายี่สิบปี!
บัดนี้ ข้าจะต้องเก็บเรื่องการทำเงินสร้างความมั่งคั่งมหาศาลเอาไว้ก่อนชั่วคราว
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว…
ชีวิตย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
…
ช่วงเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วกังวลเกี่ยวกับหอโอสถ และไม่รู้ว่าศิษย์น้องหญิงของเขากำลังเผชิญกับอะไร
“แล้วข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร รูปร่างหน้าตาของข้าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว…”
นางทำอะไรไม่ถูก ลังเล และวุ่นวายใจ “ศิษย์พี่เคย…ชอบใหญ่ๆ ไม่ชอบเล็กๆ
ไม่ชอบศิษย์พี่โหย่วฉินที่ดูเหมือนภูเขาน้ำแข็งงดงาม และมีจิตใจมั่นคงและเรียบง่าย
ไม่ชอบอ่อนโยน มีคุณธรรม ขี้เล่น เชื่อฟัง ฉลาด…แต่ชอบ…‘แก่ชรา!’ ”
“โอ…” หลิงเอ๋อร์เอามือปิดหน้า แล้วครางเบาๆ ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะถอนหายใจยาว และทำท่าซังกะตายบนโต๊ะ นางคงถูกลิขิตให้เป็นปลาเค็มตากแดด “จะทำอย่างไรกับลักษณะที่ปรากฏและได้รับการตัดสินแล้วเช่นนั้น…”
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญได้เข้าสู่ขั้นตอนการสร้างปราณวิญญาณเทพแล้ว พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขาได้
ดังนั้นสตรีรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ในสำนักจึงงดงามและบุรุษก็หล่อเหลาเช่นกัน
และเมื่อขอบเขตพลังสูง พวกเขาก็จะให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ของพวกเขาด้วย