ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 79.2 เติมเต็มความปรารถนา สาวร่ำสุราฝ่าด่านขั้นสูง (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 79.2 เติมเต็มความปรารถนา สาวร่ำสุราฝ่าด่านขั้นสูง (2)
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วระงับความสุขนี้ลงอย่างรวดเร็ว
จากประสบการณ์ชีวิตครั้งก่อนของเขา ยิ่งเขามีความสุขมากขึ้นเท่าใด โชคร้ายก็จะยิ่งตกลงมาจากฟากฟ้าได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในชาติที่แล้ว เขามีแฟนที่คบกันด้วยความสัมพันธ์มั่นคง
ในเวลานั้น ครอบครัวของเขาได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขาเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ และหลี่ฉางโซ่วก็เริ่มวางแผนสำหรับอนาคตอย่างมีความสุขด้วยปรารถนาจะได้ครองสิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันคือ ประสบความสำเร็จทั้งด้านความรักและหน้าที่การงาน…
ทว่า…
เพียงครึ่งนาทีก่อนที่เขาจะบอกแผนของเขากับเธอ แฟนสาวของเขากลับเลิกกับเขาและกลายเป็นแฟนเก่าของเขาอย่างเป็นทางการ
นั่นคือภาพเหตุการณ์แห่งความสุขและความเศร้าที่ดีที่สุด!
ทันใดนั้น เขาก็สะบัดมันออกไปจากความคิดและเริ่มจัดการกับวัสดุ
หลังจากนั้นหกเดือนผ่านไป หลี่ฉางโซ่วก็ยังยุ่งอยู่ในห้องลับ เขามุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งรากฐานค่ายกลและขยายค่ายกลภายในยอดเขาหยกน้อย
เวลานี้ ‘กระดิ่งลม’ ที่ทำจากหินสัมผัสที่ถูกแขวนไว้อยู่ด้านนอกหอโอสถ ไม่ได้ส่องแสงมาสองเดือน…
บัดนี้ ความวุ่นวายภายในสำนักที่เกิดจากกลุ่มผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองก็ค่อยๆ สงบลงแล้ว
หลี่ฉางโซ่วรออีกครึ่งปีก่อนที่เขาจะออกจากห้องลับ และเปลี่ยนเสื้อคลุมที่สะอาด จากนั้นก็บินขึ้นไปบนเมฆในระดับความสูงที่เหมาะสม แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังหอพระสูตรเต๋าที่อยู่ด้านหลังยอดเขาพิชิตสวรรค์
หอพระสูตรเต๋าคืออะไร
มันคือสถานที่เก็บสมบัติเต๋า
มีเพียงส่วนเล็กๆ ของตำราโบราณที่ศิษย์สำนักตู้เซียนสร้างขึ้น โดยสมบัติส่วนใหญ่เป็นของภายนอก
ในรุ่นก่อนๆ ของเซียนเทียน และเซียนเสิ่นในสำนักตู้เซียน จะทิ้งวิธีการฝึกฝนที่ไร้ประโยชน์ คู่มือและของเบ็ดเตล็ดต่างๆ เอาไว้ในหอพระสูตรเต๋า
บางส่วนของตำราโบราณที่มีมูลค่าสูงหรือสำเนาของตำราวิธีการฝึกบำเพ็ญขั้นสูง จะถูกวางไว้ในโถงชั้นใน
หอพระสูตรเต๋านั้นใหญ่มาก ห้องโถงด้านนอกสามารถรองรับคนได้มากกว่าหนึ่งพันคน และมีชั้นวางตำราที่เต็มไปด้วยตำราโบราณและตำราคาถาเวทอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง
ในบางมุมก็ยังมีกองสิ่งของเบ็ดเตล็ดที่ไม่ได้รับการดูแล
จงอย่าได้ดูเบากองขยะเบ็ดเตล็ดเหล่านี้
เพราะนี่คือรากฐานของสำนักตู้เซียน!
หลี่ฉางโซ่วเคยค้นหาตำราลึกลับที่ไม่สมบูรณ์ของเผ่าแม่มดในกองสิ่งของเบ็ดเตล็ดที่สะสมมานับไม่ถ้วนเป็นเวลาหลายปีเหล่านี้ และยังพบ ‘ชิ้นส่วนผ้าป่านเปื้อนเลือด’ ในชิ้นส่วนของหนังสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่ง…
ในเวลานั้นเขาไม่ได้ไปที่ห้องโถงด้านนอกเพื่อเร่งทำสิ่งเหล่านั้น เขาได้รับแต่งตั้งจากหอไป่ฝานให้รับผิดชอบในการทำความสะอาดสถานที่
เขาใช้เวลาสองสามปีในการค้นหาอย่างระมัดระวัง
เป็นผลให้เขาได้รับรางวัลชมเชยจากหอไป่ฝาน และยังได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลาหลายปี…
บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ไปตรวจสอบกองขยะเบ็ดเตล็ดเหล่านี้อีกต่อไป
เพราะเขาได้ค้นหามาหมดแล้ว และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร!
น่าเสียดายที่มีดแกะสลักที่เขาพบภายในนั้น ถูกทำลายด้วยทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียน…
อย่างไรก็ตาม การทะยานขึ้นสู่เซียนนี้ ไม่สามารถทำลายพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขารับรู้ผ่านม้วนคัมภีร์หนังสัตว์ชิ้นหนึ่งซึ่งมีวิธีการเขียนพระสูตรที่เขาเข้าใจได้
ในเวลานี้มีศิษย์หลายสิบคนที่ห้องโถงด้านนอกของหอพระสูตรเต๋า
สิ่งที่น่าสนใจคือมีคนมากกว่าสิบคนมารวมตัวกันข้างชั้นวางตำราที่จัดเก็บตำราเกี่ยวกับเวทหลบหนี พวกเขากำลังอ่านเกี่ยวกับเวทหลบหนีแห่งเบญจธาตุที่ไม่มีใครสนใจ รวมทั้งเวทหลบหนีแปลกๆ แหวกแนวอื่นๆ…
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้มองอะไรมากนัก เขาก้มศีรษะลงและเดินไปยังส่วนลึกที่สุดของห้องโถงชั้นนอก และพบประตูสองบานที่ฝังอยู่ในกำแพงหินและเปล่งแสงระยิบระยับ…
ไข่มุกราตรีเรืองแสงเปล่งแสงอ่อนๆ ในขณะที่มีผู้อาวุโสคนหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะนั่งสมาธิหน้าประตูและหลับตาลง
ผู้อาวุโสผู้นี้ไม่สูงเกินไป ใบหน้าของเขาผอม เส้นผมยาวของเขาเป็นสีขาวอมเทา ใบหน้าของเขาไม่มีรอยย่น แต่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาแก่ชราแล้วอย่างไม่อาจอธิบายได้
‘ผู้อาวุโสฉีหลิง เป็นปรมาจารย์ในสำนัก ไม่มีใครรู้ขอบเขตพลังของเขา เขาปกป้องหอพระสูตรเต๋าตลอดทั้งปี แทบไม่ได้ออกไปที่ใดและไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเขา’
หลี่ฉางโซ่วเคยได้ยินชื่อของผู้อาวุโสคนนี้จากอาจารย์อาจิ่วจิ่วเมื่อยามที่เขาไปเยือนดินแดนเทวะอุดร
หลี่ฉางโซ่วถือกระบี่สีขาวเงินด้วยมือทั้งสองข้างและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “เรียนท่านผู้อาวุโส ศิษย์อยากเข้าไปชั้นในเพื่ออ่านตำราโบราณของสำนักขอรับ”
ผู้อาวุโสฉีหลิงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาเพียงจ้องไปที่กระบี่สีขาวเงินเล่มเล็กในมือของหลี่ฉางโซ่ว โดยไม่ได้มองหลี่ฉางโซ่วมากนัก
“เข้าไปหรือ”
“ขอรับ”
จากนั้น ท่ามกลางเสียงเสียดสีแผ่วเบาที่เกิดจากแรงเสียดทาน ประตูโถงชั้นในของหอพระสูตรเต๋าก็เปิดออกอย่างช้าๆ แล้วทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ก้าวเข้าไปและหายตัวไปในพริบตา
ในที่สุด…
บัดนี้เขาได้เข้ามาแล้ว…
…
ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วเพิ่งเข้าไปในห้องโถงด้านในของหอพระสูตรเต๋า
ในเวลาเดียวกันนั้น อีกด้านหนึ่งของยอดเขาพิชิตสวรรค์ที่จิ่วเซียนทั้งเก้าอาศัยอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น เมื่อมีสายฟ้าฟาดพร้อมสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ค่ายกลภายนอกก็สลายกระจัดกระจายไปในทันที ทันใดนั้นก็มีร่างผอมเพรียวบางค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ศิษย์รับใช้สองสามคนที่ยุ่งกับงานบ้านอยู่เสมอ ล้วนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าชื่นชมยินดี
เซียนสตรีที่ลอยอยู่ในอากาศถูกล้อมรอบด้วยแสงเซียนที่ส่องประกาย ทำให้ใบหน้าของนางดูสว่างไสวน่าหลงใหลยิ่งนัก
เส้นผมของนางปลิวไสวไปตามสายลม แต่เสื้อผ้าป่านของนางยังคงรัดแน่นอยู่ และชายกระโปรงสั้นก็พลิ้วไหวเบาๆ ในขณะที่นางเอาเท้าราวหยกที่เปลือยเปล่าร่อนลงมาด้านล่าง…
ไม่นานนักนางก็ลืมตาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีรอยยิ้มมั่นใจปรากฏขึ้นตรงมุมปากของนาง
เซียนเสิ่นขั้นสูง!
ขณะนี้ ข้าแซงหน้าศิษย์พี่ห้าและศิษย์พี่หญิงหกในคราวเดียวแล้ว!
ข้าไม่คิดว่าจะมีความก้าวหน้าครั้งใหญ่ขนาดนี้! ข้าอยู่ในสถานะเฉิงเต๋ามาโดยตลอด และเวลาก็ผ่านไปนานมากโดยไม่รู้ตัว!
นางยืนเท้าเอวขณะที่รู้สึกพอใจและภูมิใจอยู่ครู่หนึ่งและเก็บมันเอาไว้!
ฮิฮิฮิ ศิษย์พี่ห้าอยู่ที่ใดกันหนอ
เสี่ยวโซ่วโซ่วเป็นอย่างไรบ้างนะ
ไม่มีใครออกมาต้อนรับข้าเลยหรือนี่
ทันใดนั้น จิ่วจิ่วก็เอื้อมมือไปคว้าน้ำเต้าเล็กและถือมันเอาไว้
อันที่จริง ในการปิดด่านครั้งนี้ ข้าได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ท่านอาจารย์จะต้องชมเชยข้าแน่ๆ…
“เอ่อ!”
จิ่วจิ่วมองลงไปที่น้ำเต้าสุราอันเป็นที่รักของนางพร้อมทั้งเขย่าเบาๆ และพบว่าไม่มีเสียงน้ำอยู่ข้างในเลย
โอ ไม่!
ข้าดื่มสุราจนหมดก่อนจะเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญเพียร และในตอนนั้นข้าซึ่งรู้สึกเหมือนได้ฝ่าทะลุจุดตีบตันก็เข้าสู่ห้วงสถานะเฉิงเต๋า!
หลังจากสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ จิ่วจิ่วก็ไม่สนใจวางท่าอีกต่อไป นางรีบกลับไปที่บ้านพักของนางโดยเร็ว นางได้ยินเสียงเหมือนมีใครบางคนกำลังคุ้ยหาของภายในห้องนั้น
บัดซบ ข้าจะมีข้าวของอันใดกัน!
สุราของข้า!
“ศิษย์พี่ห้า!”
“ช่วยด้วย!”
จิ่วจิ่วรีบออกจากบ้านและรีบไปที่บ้านของจิ่วอู แต่มองจากระยะไกล นางก็เห็นว่าบริเวณโดยรอบบ้านของจิ่วอูนั้นเปิดค่ายกลไว้และมีป้ายไม้เขียนว่า ‘ข้ามีธุระออกไปข้างนอก’ อยู่ข้างหน้าประตู
“โอ้! เสี่ยวโซ่วโซ่ว! เจ้าจ่ายเงินเดือนให้ข้าก่อนล่วงหน้าได้หรือไม่”
ฉับพลันนั้น จิ่วจิ่วเรียกน้ำเต้ายักษ์ออกมาอย่างรวดเร็วและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่ถือน้ำเต้าและรีบตรงไปที่ยอดเขาหยกน้อย
ความเร็วของนางเร็วราวกับแสงวาบผ่าน ทำให้สหายร่วมสำนักบางคนที่เดินผ่านมาพากันตกตะลึง
ครู่ต่อมา ในยอดเขาหยกน้อย ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่เงียบๆ ก็ได้ยินเสียงของหนักๆ ตกลงมานอกกระท่อมมุงจาก
หลิงเอ๋อร์ตื่นตัวทันทีในขณะที่แผ่พลังปราณสัมผัสรับรู้ของนางออกไปสำรวจด้านนอกและถือขวดกระเบื้องเคลือบเอาไว้ในมือ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางกำลังจะยืนขึ้นตรวจสอบ นางก็พบว่าค่ายกลของนางด้านนอกกระท่อมมุงจากถูกพลังทำลายแล้ว!
และทันใดนั้น ก็มีเงาสีเทาพุ่งเข้ามาที่ประตู ร่างโอนเอนไปมาก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้น หลิงเอ๋อร์ตกใจมากจนเกือบโยนขวดกระเบื้องในมือออก…
นั่นไม่ถูกต้อง ขนาดพลังใหญ่มากจนน่ากลัว และค่ายกลก็ยืดหยุ่นจนคนอื่นกระเด็นออกไป…
“อาจารย์อาจิ่ว?”
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าคะ!”
หลิงเอ๋อร์รีบพุ่งไปข้างหน้าขณะร้องตะโกนอย่างเป็นกังวล
เวลานี้ จิ่วจิ่วหมดแรงนอนอยู่บนพื้น นางค่อยๆ หันศีรษะช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าเศร้าโศกซึ่งคล้ายกับมนุษย์กำลังใกล้ตายในทะเลทรายจากความกระหายน้ำ…
หลิงเอ๋อร์พลัดตกตะลึง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า
“อาจารย์อาจิ่ว อย่าทำให้ข้ากลัว! ศิษย์พี่ของข้าเพิ่งไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์เจ้าค่ะ!”
“เร็วเข้า…”
พร้อมด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา ทันใดนั้น จิ่วจิ่วก็ยื่นมือเล็ก ๆ ไปทางหลิงเอ๋อร์อย่างเต็มไปด้วยความหวัง
และราวกับว่านางได้ใช้พลังงานเฮือกสุดท้ายที่รวบรวมได้เปล่งถ้อยคำเหล่านั้นออกมาว่า…
“สุรา….”