ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 82.2 เตรียมพร้อมรบ (2)
จากนั้นเขาก็วาดหัวลูกศรสองดอก หนึ่งในนั้นเป็นเส้นตรง และต่อมาเขาก็ยังคงเขียนต่อไปว่า ‘การโจมตีไม่เกี่ยวข้องกับการสนทนาหารือกับผู้บำเพ็ญจากเกาะเต่าทองเมื่อก่อนหน้านี้’
ส่วนหัวลูกศรอีกดอกนั้น ชี้ไปยังพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ด้านล่าง และจากนั้น เขาก็เขียนว่า ‘มันเกี่ยวข้องกับการสนทนาหารือเต๋าระหว่างเหล่าเซียนจิน’
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง เขาก็วาดลูกศรจำนวนหนึ่งจากแต่ละประเด็นทั้งสองเพื่อระบุวิถีทางที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่เรื่องนี้อาจบานปลายและวิเคราะห์พวกมันทีละทาง…
ครั้งนี้ เขาไม่อาจปล่อยให้ความเป็นไปได้ใดๆ ผ่านไป ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม!
“แต่ในเวลานี้ เรายังไม่มีข้อมูลมากนัก”
เขารู้เพียงว่าผู้คนจากสำนักตู้เซียนมีทรัพยากรมั่งคั่ง พวกเขามีความสามารถในการควบคุมพลังและทักษะเวทของเหล่าเซียนเทียนและเซียนเสิ่นก็สามารถฆ่าหุ่นเชิดเหล่านี้ได้ทันที
แรงจูงใจน่าจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน
พวกเขาอาจมีความบาดหมางกับสำนักตู้เซียนและกำลังวางแผนครองความมั่งคั่งของสำนักตู้เซียน…
แต่หลี่ฉางโซ่วเน้นไปที่แรงจูงใจของศัตรูที่เป็นไปได้มากที่สุด นั่นคือ ขัดขวางการเตรียมการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและยุยงให้เกิดความบาดหมางกันระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋า
เขาวิเคราะห์แหล่งที่มา และตรวจสอบผลลัพธ์โดยไม่ละเลยห่วงโซ่เชื่อมโยงแห่งตรรกะใดๆ
หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงเพื่อเขียนและวาด ขณะที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็กวาดปกคลุมออกไปทั่วทั้งยอดเขาหยกน้อย และดินสอถ่านในมือของเขาก็สั้นลงเรื่อยๆ
สามวันต่อมา
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกขณะนั่งอยู่หลังโต๊ะในห้องลับใต้ดินเป็นเวลานาน เบื้องหน้าเขาคือ ‘ฉากสีดำ’ ที่เขาใช้พลังเซียนของเขาร่ายเวทออกมา
บนนั้นเต็มไปด้วยถ้อยคำ สัญลักษณ์ หัวลูกศร และภาพร่างที่อัดอยู่อย่างหนาแน่น
มี ‘เค้าโครง’ ที่เป็นไปได้นับสิบและมีสถานการณ์ที่เป็นไปได้นับร้อย…
แม้จะยังไม่รู้ว่าตัวการเป็นผู้ใด แต่เขาก็จะสามารถค้นหา ‘เค้าโครง’ ที่สอดคล้องกันในภายหลังได้ หากอีกฝ่ายดำเนินการขั้นต่อไป!
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้มองหาตัวการ มันไร้ความหมาย
เป็นเพราะอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนที่เขาไม่อาจสัมผัสได้ในขณะนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องตาย หากสัมผัสมัน
หลี่ฉางโซ่วต้องการตอบสนองฉับไวและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องทันทีที่เขาตรวจพบว่าอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนไหวบางอย่าง…
หากเขาเปิดเผยขอบเขตพลังการฝึกบำเพ็ญของเขา มันจะเป็นเพียงการเพิ่มพลังการต่อสู้ของสำนักตามระดับของผู้อาวุโสเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีประโยชน์มากนัก
มีผู้อาวุโสบนยอดเขาเพียงพอแล้ว
ภายในระยะเวลาอันสั้น สำนักตู้เซียนนี้เขาย่อมไม่มีอำนาจพอจะพูดสิ่งใดออกมาได้
ดังนั้น เขาจะซ่อนไม้เด็ดในการปกปิดขอบเขตพลังการฝึกบำเพ็ญเพื่อคอยลอบปกป้องตัวเองและสำนักอย่างดีที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น การซ่อนตัวในที่มืดเช่นนี้ ย่อมมีประโยชน์จะทำอะไรได้มากกว่า
หลี่ฉางโซ่วหยิบแผ่นไม้สามแผ่นออกมา และหยิบมีดแกะสลักออกมาก่อนจะก้มศีรษะลงและวาดลงไป
เขาใช้น้ำยาที่จะหายไปหลังจากที่ได้เห็นมันต่างหมึก และเขียนแผนสามแผนออกมา จากนั้นก็วางแผนหนึ่งเอาไว้ในถุงผ้าแต่ละใบรวมสามใบ
แผนที่หนึ่งคือ ร้องไห้
เขาได้วางไพ่เด็ดเอาไว้ในที่พักของอาจารย์ลุงจิ่วอูแล้ว และอาจารย์ลุงจิ่วอูจะไปหาผู้อาวุโสว่านหลินหยุนในภายหลัง
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจะส่งถุงผ้าชุดนี้ไปให้อาจารย์ลุงจิ่วอู นอกจากนี้เขายังจะสั่งให้อาจารย์ลุงจิ่วอูอยู่ในสำนักอย่างเคร่งครัด หากสำนักถูกโจมตีและค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาถูกทำลาย เขาจะต้องแน่ใจว่า อาจารย์ลุงจิ่วอูจะเปิดคำแนะนำในถุงผ้าใบนี้
การ ‘ร้องไห้’ นั้น อาจารย์ลุงต้องร้องไห้จริงๆ ไม่ใช่แค่ร้องไห้อย่างไร้เหตุผล
หลี่ฉางโซ่วเขียนบนป้ายไม้นี้ว่า
“ไปที่หอไป่ฝาน มองหารูปบรรพชน แล้วร้องไห้จากก้นบึ้งของหัวใจ มีการกล่าวกันว่า บรรพชนไท่ชิงของสำนักตู้เซียนเลิศล้ำปัญญายิ่ง เดิมทีก็ไม่ได้ขัดแย้งกับโลก แต่มีผู้อื่นใช้เขา พวกเขามีเจตนาต้องการทำลายสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักตู้เซียนเพื่อสร้างความบาดหมางระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสาม และขอความช่วยเหลือจากบรรพาจารย์…”
ส่วนแผนที่สอง เขาตัดสินใจมอบถุงผ้าใบที่สองให้กับอาจารย์อาจิ่วจิ่ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจมอบให้นางได้ทันที จะทำได้หลังจากเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นแล้วเท่านั้น
ส่วนแผนที่สามนั้น ถุงผ้าใบที่สามจะมีไว้สำหรับอาจารย์ของเขา และมันระบุว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากอาจารย์เพื่อปกปิดสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเขา แต่ความจริงแล้ว เขาต้องการให้อาจารย์ปกป้องหลิงเอ๋อร์และพานางจากไป
หากเกิดสงครามในสำนัก อาจารย์ของเขาจะต้องเป็นผู้นำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเขาต้องจัดการเรื่องนี้ก่อนล่วงหน้า
สำหรับตัวหลี่ฉางโซ่วเองนั้น เขาไม่ต้องการให้ผู้ใดปกป้อง หลังจากค้นพบสัญญาณต่างๆ แล้ว ร่างหลักของเขาย่อมต้องอยู่ในสถานที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน…
หลังจากปิดผนึกถุงผ้าที่ใส่คำแนะนำแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ร้องตะโกนว่า “กองทัพทั้งหมดเตรียมพร้อมรบ!”
เอ่อ…ดูเหมือนว่า ในกองทัพทั้งหมด จะมีเขาอยู่คนเดียว
เขากวาดโต๊ะง่ายๆ และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองแถวก็กระโดดออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นพวกมันก็โค้งคำนับให้กับหลี่ฉางโซ่วพร้อมกัน
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มและคำนับให้พวกมันเช่นกัน
“กองทัพทั้งหมด เตรียมพร้อมรบ!”
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งหมดกวัดแกว่งมือพร้อมด้วยเจตนาสังหารของพวกมันที่แผ่ออกมาในทันที
ข้าจะไม่ล้อเล่นอีกต่อไป
มีสามสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ข้าต้องทำในเวลานี้
ข้าต้องขยาย ‘คลังเวทจัดเก็บอาวุธเวทกระตุ้นพิษ’ อย่างรวดเร็วและเพิ่มปริมาณผงพิษอย่างไม่มีขีดจำกัด
การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ เพื่อให้ข้าสามารถแยกจิตออกไปได้ ข้าไม่อาจเพ่งจิตทั้งหมดไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ตลอดเวลา
ข้าต้องเป็นที่ไว้วางใจของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอย่างมาก ท่านเป็นกำลังที่ทรงพลังซึ่งไม่ด้อยไปกว่าเซียนจิน!
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ลุกยืนขึ้นและมองดูคำว่า ‘ตัวการหลัก’ ที่อยู่ตรงกลางบนพื้นฉากสีดำข้างหน้าเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ข้าไม่สนใจ ไม่ว่าเจ้าจะมาจากทิศตะวันตกหรือทางเหนือ หรือเจ้าจะมีความบาดหมางกับสำนักตู้เซียน หรือกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน กระทั่งไม่อยากให้ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเข้ากันได้ดีดังเดิม…
แต่หากเจ้ากล้าลงมือ!
เหอะ!
ข้าก็กล้าวิ่งหนี…
…
ครึ่งปีถัดมา ณ สำนักจินกง ในดินแดนเทวะมัชฌิมา
ในเวลานี้ มีร่างสามร่างบินออกจากเกาะอมตะ พวกเขาเป็นผู้บำเพ็ญสามคนของเกาะเต่าทอง ซึ่งตกลงกันว่าจะกลับสู่เกาะเต่าทอง เพราะเบื่อจะอยู่ที่นั่นแล้ว
และสามคนนี้ก็บังเอิญเป็นคนที่ไปสำนักตู้เซียนในวันนั้น
เมื่ออีกสองคนได้ยินคำบ่นของนักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อ และรู้สึกแบบเดียวกัน พวกเขาจึงตัดสินใจกลับเกาะเต่าทองเพื่อฝึกบำเพ็ญ
การกลับไปใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลย่อมดีกว่าอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาไปเปล่าๆ!
เวลานี้ เมฆขาวบินออกไปไกลนับหลายพันลี้ ในขณะที่นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อยืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “สหายเต๋าทั้งสอง…”
ทั้งสองคนหันกลับมามอง และทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังหึ่งๆ ของยุง แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบโต้จู่ๆ พวกเขารู้สึกเจ็บที่ด้านหลังคอและกำลังจะล้มลง
หลังจากนั้น นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อก็ยกชายวัยกลางคนทั้งสองคนให้นั่งเอาไว้ และยังคงขับเมฆไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และอีกครึ่งเดือนต่อมา
นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อก็ขับเมฆสีขาวนี้และหยุดอยู่ในป่าทึบบนดินแดนของเผ่าปีศาจตรงชายแดนระหว่างดินแดนเทวะมัชฌิมาและดินแดนเทวะบูรพา
และราวกับว่าพวกเขาได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ปรากฏร่างเงาสีดำมารวมตัวจากทั่วผืนป่า ล้อมรอบพวกเขาทั้งสามที่คุกเข่าลงเอาไว้
ร่างเหล่านี้เป็นทั้งปีศาจ มนุษย์ และวิญญาณ ทั้งหมดล้วนสวมเสื้อคลุมสีดำ และใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกปิดลมปราณของพวกเขาเอาไว้อย่างเต็มที่
สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือ มีบาดแผลที่คอซึ่งมองเห็นไม่ชัดและหายเป็นปกติแล้ว
ในขณะนั้น มีปีศาจถือถาดสามถาดออกมาข้างหน้าและคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาทั้งสาม ในถาดนั้น มีประกายเลือด และมีดอกบัวสีเลือดสามดอกขนาดเท่ากำปั้น แต่ละดอกล้วนมีเจ็ดกลีบ
เวลานี้ มีเพียงนักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อ และอีกสองคนเท่านั้นที่มองเห็นร่างเงาสีเลือดริบหรี่ที่ลอยอยู่รอบตัวพวกเขา…
ร่างนี้มีใบหน้าพร่ามัว และเรือนร่างของนางช่างดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
นางกระซิบบางอย่างที่หูของพวกเขาและดูเหมือนว่า เสียงนุ่มนวลของนางนั้น จะเข้าไปในหัวใจของพวกเขาทั้งสามคน
“เอาไป…กินมันไปเสีย…นี่คือความเป็นอมตะที่พวกเจ้าแสวงหามาตลอด…”
“เดิมทีการการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋านี้มีขึ้นเพื่อปราบปรามทั้งสำนัก ในตอนนี้ พวกเจ้ามีวิธีที่จะหยุดมันได้…มีเพียงพวกเจ้าเท่านั้นที่จะหยุดมันได้…จงรีบกำจัดสำนักตู้เซียนโดยเร็ว สำนักตู้เซียน…”
ในขณะนี้สามผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองที่นำโดยนักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อนั้น แต่ละคนล้วนถือดอกบัวเลือดเจ็ดกลีบ และกล่าวพร้อมกันว่า “ขอรับ นายท่าน!”
“คราวนี้พวกเราจะไม่ให้พลาดเด็ดขาดขอรับ!”
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะ พลันหยักยิ้มเย้ยหยัน
นางไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก จากนั้นจึงหันหลังกลับแล้วบินตรงไปทางทิศตะวันตก
นางควบคุมผู้บำเพ็ญของสำนักและเตรียมจัดหุ่นเชิดเหล่านั้นให้ทำการโจมตีเซียนทั้งห้าของสำนักจินกงเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว
หลังจากนี้นางก็จะมีผู้บำเพ็ญของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งปลอมตัวเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเซียนและร่วมมือกับปีศาจเพื่อทำลายสำนักตู้เซียนเล็กๆ…
แล้วแผนของนางก็จะสำเร็จ
สำหรับนางแล้ว นี่เป็นแค่อุบายเล็กๆ และผู้บำเพ็ญทั้งสามคนของเกาะเต่าทองก็จะเป็นตัวปลอมที่นางจัดเตรียมไว้
หากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่ย่อมจะเพิ่มรอยร้าวระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าให้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
มันไม่ใช่แค่การสมรู้ร่วมคิดเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องอัปยศอีกด้วย
ส่วนนาง…
นางจะปรากฏตัวได้อย่างไร หากบังเอิญนางเผลอไปยั่วยุผู้อาวุโสคนนั้นจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน นางคงไม่มีความมั่นใจที่จะหนี
เป็นการดีที่จะออกจากความวุ่นวายนี้ก่อนเกิดเหตุ และกลับไปที่สำนักบำเพ็ญประจิมเพื่อเฝ้าชมการแสดงดีๆ เช่นนี้จากระยะไกล และนั่นย่อมจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดที่สุด
ไม่ว่าทั้งสามคนนี้จะทำสำเร็จหรือล้มเหลว ข้าก็จัดการพวกเขาให้เป็นเถ้าถ่านโดยทิ้งร่องรอยที่ชี้ไปยังสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน จากนั้นทุกอย่างก็จะจบลง
คราวนี้ หากข้าทำสำเร็จ รองเจ้าสำนักต่ำช้านั้นจะให้รางวัลอะไรกับข้านะ
เหอะ พวกมันจะให้อะไรเป็นเกียรติแก่ราชินีเช่นข้า!!
ไอ้พวกขี้ขลาดเหล่านี้ หากไม่ใช่เพราะปรมาจารย์เฒ่าทั้งสองจะปกป้อง…
ไม่ช้าก็เร็ว ข้าก็จะดูดพวกเจ้าทั้งหมด!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเยาะเย้ยก่อนจะหายตัวไป เหลือไว้เพียงเสียงยุงเมื่อนางจากไปเท่านั้น