ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 88.1 บริการจัดงานศพ (1)
ฉีหยวนมองหลี่ฉางโซ่วซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ และตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปจ้องมองหลิงเอ๋อร์
“เจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าศิษย์พี่ของเจ้าหมดสติ แต่เขายังสบายดีอยู่ ใช่หรือไม่!!”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตา และทันใดนั้นก็ชี้ไปที่จุดหนึ่งทางด้านหลังของฉีหยวนทันที แล้วกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ ดูนั่นสิ! ปราณวิญญาณของศิษย์พี่ออกจากร่างของเขาไปแล้วเจ้าค่ะ!”
“หือ?”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนหันกลับมาและเห็นศิษย์คนโตของเขายิ้มให้เขาอย่างขอโทษ
ในขณะนั้น กลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยมาที่ปลายจมูกของผู้เฒ่าฉีหยวน และก่อนที่เขาจะทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ฤทธิ์ยาก็มีผลกับปราณวิญญาณของเขาแล้ว
และจู่ๆ ฉีหยวนซึ่งเป็นเซียนจั๋วที่มีรากฐานอ่อนแอกว่า ก็เหลือกตาก่อนจะค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้นกะทันหัน…
ทันใดนั้น‘หลี่ฉางโซ่ว’ ก็ปฏิบัติการฉับไว เขาดึงถุงหนังสัตว์ออกมาและนำร่างอาจารย์ของเขาใส่ไว้ข้างในนั้น
จากนั้นเขาก็ร้องเบาๆ ว่า “เล็ก!”
มันเป็นกระสอบสั่งทำพิเศษเฉพาะตัวของอาจารย์ของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งทำจากหนังสัตว์วิญญาณมากกว่าสิบชนิด จากนั้นมันก็เปลี่ยนขนาดเป็นกระเป๋าขนาดเท่ากระเป๋าเงินทันทีก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะส่งให้หลิงเอ๋อร์
หลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ปิดผนึกขวดในมือของนางพลางกล่าวอย่างกังวลใจว่า “ศิษย์พี่ ท่านคิดว่า หลังจากนี้ ท่านอาจารย์จะดุพวกเราที่ใช้อุบายทำร้ายท่านเช่นนี้หรือไม่เจ้าคะ”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยืนเอามือไพล่หลังและกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า
“เจ้าก็รู้จักนิสัยของอาจารย์ หากมีศัตรูที่แข็งแกร่งเข้ามาโจมตี อาจารย์จะเป็นคนแรกที่จะออกไปต่อสู้กับพวกมันอย่างแน่นอน แล้วข้าจะอธิบายให้ท่านอาจารย์ฟังในภายหลังเอง”
“ศิษย์น้องหญิง จงรอข้าที่นี่ เหมือนตอนฝึกซ้อมครั้งก่อน อีกสักพัก ระฆังในสำนักจะดังขึ้น เมื่อเหล่าศิษย์รีบไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ เจ้าจงใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย นำอาจารย์และข้าไปยังเส้นชีพจรปฐพี ข้าต้องใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มาช่วยข้าต่อสู้ จิตของข้าจะไม่ได้อยู่ที่นี่”
หลิงเอ๋อร์เผยท่าทีจริงจังขณะกล่าวว่า “เจ้าค่ะ! ศิษย์พี่วางใจเถิด! ข้าจะดูแลท่านและท่านอาจารย์อย่างดี!”
“อย่ากังวลมากนัก ข้าจะอยู่กับเจ้าและอาจารย์เสมอ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ต่อให้คราวนี้ข้าจะไม่อาจปกป้องสำนักตู้เซียนได้ แต่ข้าก็จะปกป้องพวกเจ้าทั้งสองคนให้ได้”
หลิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากพลางถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ ข้ายังรู้สึกไม่สบายใจ…ตอนนี้ท่านอยู่ในขอบเขตใดแล้วหรือเจ้าคะ”
หลี่ฉางโซ่วเม้มริมฝีปากพลางกล่าวว่า “คืนกลับอนัตตาขั้นแปด”
“โอ้” หลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแล้วไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะและไม่คิดเสียเวลาต่อไปอีก เพราะยังมีงานหนักอีกหลายอย่างที่เขาต้องใช้ความพยายามมากขึ้น…
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นี้ก็นั่งอยู่หน้าเตาหลอมโอสถแล้วหลับตาลง
หลิงเอ๋อร์คุกเข่าลงข้างศิษย์พี่ของนาง จากนั้นนางก็ผูกถุงผ้าที่ใส่ร่างอาจารย์เอาไว้ที่เอวของนาง และรอคอยเสียงระฆังที่อาจดังขึ้นอย่างเงียบๆ
แม้เวลานี้นางจะไม่รู้ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งนั้นเป็นเช่นใด แต่นางก็รู้สึกว่า สิ่งที่ศิษย์พี่ของนางกล่าวนั้นถูกต้องกว่าแปดในสิบส่วน…
ส่วนอีกสองส่วนนั้น…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าศิษย์พี่อยากทดสอบข้า!
…
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองพี่น้องทำงานร่วมกันเพื่อทำให้อาจารย์สลบนั้น กองกำลังของศัตรูทั้งสองกองก็พุ่งเข้าโจมตีจากทั้งสองทิศทางแล้ว และบุกเข้ามาในพื้นที่ที่ห่างออกไปสามพันลี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่ายกลพิษอยู่หนาแน่นที่สุด
ซึ่งหากมองลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาก็จะได้เห็นฉากแปลกๆ บางอย่าง
มีเงาดำสองกลุ่มบินมาใกล้พื้นดินราวกับตั๊กแตน แต่พวกมันก็ยังคงทั้งเคลื่อนไหวและหยุดลง และค่ายกลของพวกเขาก็ถูกรบกวนเป็นครั้งคราว
ในภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งสองด้าน มักจะมีหมอกหนาทึบพวยพุ่งออกมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าตลอดเวลา
แม้ว่าพวกเขาจะเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่ก็ยังล้มลงกับพื้นทุกครั้งที่ค่ายกลพิษระเบิดออกมา
ทำให้หลี่ฉางโซ่วเองก็รู้สึกทึ่งเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้เช่นกัน…
ในเวลานี้ อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว
ตามหลักเหตุผลแล้ว คนเหล่านี้น่าจะรู้สึกว่าพวกเขาถูกเปิดตัวเผยตั้งแต่เมื่อพบกับค่ายกลพิษครั้งแรกแล้ว
สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วเป็นกังวลมากที่สุดก็คือหุ่นเชิดเหล่านั้นจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและโจมตีประตูของสำนักตู้เซียนโดยตรง และค่ายกลพิษที่ตามมาจะไม่มีผลอะไรมากนัก…
แต่ตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่กลายเป็นหุ่นเชิดแล้ว ทั้งปีศาจ มนุษย์ และวิญญาณเหล่านี้จะสูญเสียความสามารถในการคิดส่วนใหญ่ไปและจะรู้แต่เพียงการปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
และนั่นทำให้ค่ายกลพิษมีโอกาสทำงานได้ดีขึ้น
บัดนี้ เมื่อคำนวณระยะห่างระหว่างศัตรูที่ทรงพลังทั้งสองจากประตูสำนัก มันใกล้ถึงสองพันห้าร้อยลี้แล้ว
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ จากนั้น เขาก็ยืมมือของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองแล้วเปิดใช้งานค่ายกลพิษที่เหลือโดยให้หันหน้าไปทางสองทิศทางอย่างเต็มที่
หากเขารู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้น เขาจะตั้งค่าค่ายกลพิษมากกว่านี้เป็นสิบเท่าในสองสามทิศทางไปพร้อมๆ กัน และเขาอาจจะสามารถแก้ไขวิกฤตส่วนใหญ่ของสำนักได้…
ช่างมันเถิด ผู้อาวุโสก็ไม่ได้ให้ยาพิษมามากขนาดนั้น มันไร้ประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีก
เวลานี้ที่ด้านล่างในลำต้นของต้นไม้และสระน้ำ บัดนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นในครึ่งแรกได้หายไปและจากไปชั่วคราวแล้ว
บัดนี้ ในความคิดของหลี่ฉางโซ่ว…
ย้ายไป ‘ระเบิด’ ทันที หมายเลขสาม และหมายเลขห้า!
ในชั่วพริบตา ผู้อาวุโสใบหน้าหน้าเคร่งขรึมสองคนก็บินออกจากป่าและลำธารตามลำดับ ซึ่งห่างจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาไปเพียงไม่กี่ลี้
พวกเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความงุนงงขณะมองลงไปที่สำนักตู้เซียนจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ตำแหน่งที่นักพรตเต๋าทั้งสองคนอยู่นั้น สอดคล้องกับกองกำลังศัตรูที่โจมตีทั้งสองอย่างเหมาะเจาะพอดี!
ลมปราณของพวกเขาสั่นอย่างรุนแรง และพลังเซียนภายในร่างกายของพวกเขาก็พลุ่งพล่านขึ้น
และทันใดนั้น มีพลังเซียนพวยพุ่งออกมาจากสำนักตู้เซียนและถูกผู้บำเพ็ญชราสองคนสังเกตได้ในทันที
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสที่ดูแก่ชราก็พึมพำคำบางคำออกมาซึ่งสอดคล้องกับความคิดของเซียนคนอื่นๆ
“สหายเต๋าทั้งสองคนนี้กำลังทำอะไร เหตุใดจึงเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน…”
แคร่ก!
ในความมืดมิด หลี่ฉางโซ่วดีดนิ้วและดึงความคิดของเขาออกมาจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองตัวอย่างรวดเร็ว
“จงลืมตาของท่านและมองดู!”
และนักพรตเต๋าชราทั้งสองคนนี้ต่างก็เงยหน้าขึ้นร้องคำรามและเปล่งแสงเซียนจากภายในออกมาสู่ภายนอก…
จากนั้นพวกเขาก็ระเบิดออกนอกค่ายกล!
ฉับพลันนั้น เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้องคำราม และพลังเซียนที่ระเบิดออกมาก็กลายเป็นคลื่นอากาศที่พุ่งพล่านออกไปข้างหน้า ทำให้ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง!
ทันใดนั้นเหล่าเซียนจากสำนักตู้เซียน ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้…ต่างพากันสับสนอย่างสิ้นเชิง
เกิดอันใดขึ้น?
จู่ๆ นักพรตเต๋าสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาร้องคำรามและระเบิดตัวเองเพียงเพื่อสั่นสะเทือนค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา?
เพียงเพื่อให้เราได้ยินเสียงหรือ
ทันใดนั้น เจ้าสำนักตู้เซียน พลันตื่นขึ้นจากการเข้าฌานของเขา…
เวลานี้มีพลังสัมผัสเซียนรับรู้ระดับเซียนจินกวาดออกไปในสองทิศทางที่แตกต่างกันอย่างกะทันหัน และพบว่ากลุ่มเงามืดทั้งสองกลุ่มนี้ได้พุ่งเข้าหาสำนักตู้เซียนทันที!
“โอ ไม่นะ!”
ฉับพลันนั้น นักพรตเต๋าวัยกลางคนก็พุ่งออกจากการปิดด่านของเขาในก้าวกระโดดเดียวแล้วไปปรากฏตัวบนยอดเขาพิชิตสวรรค์ เขามองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแล้วกวาดไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก่อนจะร้องตะโกนด้วยเสียงดังกังวานออกไปไกลหลายพันลี้
“เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรถึงมารุกรานสำนักตู้เซียนของเรา!”
“ผู้อาวุโสแห่งยอดเขาทุกคน จงฟังคำสั่งของข้า! จงเตรียมพร้อมรบและปกป้องสำนัก!”
ทันใดนั้นระฆังขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างของห้องโถงหลักก็ถูกกระแทกกับเสา แล้วผู้ดูแลระดับบริหารเซียนเสิ่นสองคนก็พุ่งเข้ามากอดมันเอาไว้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะลั่นระฆังภายในสำนัก!
ในเวลานี้ ผู้ที่เข้าปิดด่าน กำลังฝึกฝน เล่นหมากรุก พูดคุยหยอกล้อ หรือใช้เวลาร่วมกับคู่บำเพ็ญเต๋าภายในสำนัก ล้วนถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงของเจ้าสำนัก!
แล้วร่างจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากแต่ละยอดเขาอย่างกะทันหัน…
อีกทางด้านหนึ่ง ในที่สุด ทั้งสองกองกำลังหุ่นเชิดยุงที่อยู่ห่างออกไปกว่าสองพันลี้ ก็ค้นพบความจริงว่าพวกมันถูกค้นพบร่องรอยแล้ว…
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อผู้สวมหน้ากากไม้ผุพังและอีกสองเซียนจินเหว่ย[1] พลันออกคำสั่งพร้อมกัน!
ทันใดนั้นร่างที่เดิมทีกำลังเร่งไปตามพื้นดิน ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นแถวๆ แล้วพวกเขาก็สร้างเมฆหนาสองก้อนก่อนจะพุ่งตรงไปที่สำนักตู้เซียนพร้อมกัน
[1] เซียนจินเหว่ย เซียนจินแต่ยังไม่ถึงขอบเขตเซียนจินแท้