ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 91.1 กองทัพกระดาษโจมตี! (1)
วันนี้ จู่ๆ ลมในวังดุสิตพลันส่งเสียงดังกะทันหัน…
เหตุใดมีคนร้องไห้อยู่ข้างหูของข้า
ใต้ต้นไม้ตรงมุมสนามหลังวังดุสิต ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขณะกำลังเข้าฌาน เขาก็มองไปที่ภาพพร่าเลือนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
นักพรตเต๋าร่างเตี้ย สูงห้าถึงหกฉื่อเอนกายสะอื้นไห้ และที่ข้างๆ เขา ก็มีศิษย์หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าโศกเศร้าน่าสงสารอีกคน
ชายหนุ่มยิ้มขื่นแล้วถอนหายใจ
ท่านอาจารย์ทำเช่นนี้อีกแล้ว
ในเมื่อท่านไม่อยากออกไป ศิษย์ก็อยากฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุขเช่นกัน
พวกเขาคงบูชารูปเหมือนของท่านอาจารย์ เพราะพวกเขาไม่มีรูปเหมือน หรือรูปปั้นที่สืบทอดมาจนถึงยุคบรรพกาล
ท่านอาจารย์ ขอบเขตของท่านอาจารย์ช่างลึกลับและน่าพิศวงอย่างยิ่งจริงๆ ท่านทำให้กรรมของท่านลื่นไหลลงมาที่ศิษย์ของท่าน…
“แต่พวกเจ้าก็เก่งกาจมากที่สามารถปลุกท่านอาจารย์ที่ไม่ชอบถามสิ่งใดเลย พวกเจ้าช่างน่าประทับใจจริงๆ…”
นักพรตเต๋าหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
เขาบีบนิ้วคำนวณและสรุปเรื่องตามคำแนะนำที่อาจารย์ให้ไว้ แล้วก็เข้าใจบางอย่างทันที
เขากล่าวเบาๆ ว่า “ดังนั้นจึงมีศัตรูภายนอกที่มาหาเรื่องกับสำนักตู้เซียน และสำนักตู้เซียนก็กำลังประสบปัญหาอย่างไร้เหตุผล…”
ข้า สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ไม่คิดเริ่มสร้างปัญหา แต่มีบางคนต้องการใช้สำนักของข้าเพื่อสร้างความบาดหมางระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋า?
เหอะ ข้าต้องจัดการเรื่องนี้
“คราวที่แล้วที่ข้าอยู่ในตำหนักของเทพเฒ่าจันทรา ข้าทำลายรูปปั้นดินเหนียวครองคู่ของเด็กจากสำนักตู้เซียน ครั้งนี้ข้าไปช่วยสำนักตู้เซียน ข้าก็จะถือว่าได้ตัดกรรมนี้ไปด้วย”
กล่าวยังไม่ทันจบดี เขาก็ก้าวไปข้างหน้า และไปปรากฏตัวนอกวังดุสิตทันที
หลังเดินไปอีกสองสามก้าว เขาก็มาถึงประตูสวรรค์ประจิมและลอยออกไปโดยที่กองทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ที่เฝ้าประตูอยู่นั้นไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย…
จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็ออกจากวังสวรรค์เก้าชั้น และกำลังมองลงมายังโลกบรรพกาลอันงดงามจากฟากฟ้า
“สำนักตู้เซียนเป็นมรดกที่สหายเต๋าตู้เอ้อร์ได้สืบทอดมา ข้าสามารถนำสหายเต๋าตู้เอ้อร์ไปด้วยและขอให้เขาดำเนินการได้ และด้วยวิธีนี้ จะมีกรรมน้อยกว่ามาก ทว่ามีปัญหาอีกเรื่องที่ลำบากใจ…”
“แม้สหายเต๋าตู้เอ้อร์จะเป็นเพียงศิษย์ในนามของท่านอาจารย์ของข้า แต่ข้าก็ได้ยินอาจารย์พูดถึงเขาหลายครั้งก่อนที่ข้าจะเข้าสู่สำนัก เช่นนั้นข้าควรเรียกเขาว่าศิษย์พี่”
“แต่ข้าก็เป็นศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของอาจารย์ ส่วนเขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ในนาม ดังนั้นเขาจึงสมควรต้องเรียกข้าว่า ศิษย์พี่…แล้วข้าควรจะเรียกเขาว่าอย่างไรดี”
นักพรตเต๋าหนุ่มตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะที่ร่างของเขาลอยไปไกลถึงทางแยกระหว่างดินแดนเทวะประจิม ดินแดนเทวะอุดร และภูเขาเซียนคุนหลุนของดินแดนเทวะมัชฌิมา
หลังจากบินได้สักพัก ก็มองเห็นภูเขาคุนหลุนแล้ว จากนั้น ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งก็ตระหนักอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ตู้เอ้อร์ คฤหาสน์ถ้ำที่ท่านฝึกฝนอยู่ในส่วนใดของภูเขาคุนหลุน”
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูบีบนิ้วหยั่งรู้ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“โชคดีที่สำนักตู้เซียนมีลมปราณมากจึงสามารถอยู่ได้นาน และจะไม่ถูกทำลายไปในเร็วๆ นี้ ภัยพิบัติครั้งนี้ดูเหมือนจะถูกลิขิตเอาไว้แล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน…ไปหาศิษย์พี่ตู้เอ้อร์ก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้น หากเราไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี ท่านอาจารย์ก็จะขังเราไว้เป็นพันๆ ปี…”
แล้วร่างของปรมาจารย์เต๋าหนุ่มก็หายตัวไปจากภูเขาคุนหลุนพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่เขาวนรอบวังอวี้ซวีเพื่อค้นหาบรรพาจารย์ที่ดูแลสำนักตู้เซียนไปได้ครึ่งทางแล้ว
…
เมื่อครู่ก่อน สำนักตู้เซียน
มันมีประโยชน์!
ท่านบรรพชนจอมปราชญ์มีปฏิกิริยา แค่กๆ รูปเคารพของบรรพชนจอมปราชญ์ตอบสนองแล้ว!
มีปัญหาเรื่องอารมณ์นั่นเอง!
บัดนั้น จิ่วอูพลันรู้สึกตื่นเต้นในขณะที่โหย่วฉินเสวียนหย่าถอนหายใจอย่างโล่งอก…
แต่หลี่ฉางโซ่วไม่สบายใจนัก ในเวลานี้ เขากลับนึกถึงตัวเองแทน
ก่อนหน้านี้ข้าไม่ค่อยใส่ใจ ข้าขอให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมอบถุงผ้าแก่อาจารย์ลุงจิ่วอูและให้เขาทำท่าทางน่าสมเพช แต่ข้าละเลยรายละเอียดมากเกินไป รวมทั้งวัตถุประสงค์หลักของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
เมื่อกี้ อาจารย์ลุงจิ่วอูร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าบรรพชนจอมปราชญ์จะสัมผัสได้หรือไม่ แต่แม้ว่าท่านจะสัมผัสได้ ก็ยังยากที่ท่านจะมองดูพวกเขา…
หลังจากวิเคราะห์คำพูดของอาจารย์ลุงจิ่วอูอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนจะหมายความว่าเขาต้องการให้ผู้นำสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมาช่วยเขาก่อนที่สำนักจะถูกทำลาย
นั่นหมายความว่า สำนักตู้เซียนกำลังสร้างกรรมกับผู้นำสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกตัวและหาผู้ร้องไห้คนที่สองได้ทัน จึงคลี่คลายสถานการณ์ได้ เขาทำให้โหย่วฉินเสวียนหย่าใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับอารมณ์ของนางและชื่อของบรรพชนจอมปราชญ์
ก่อนอื่นให้นางชี้แจงว่า สำนักตู้เซียนเป็นเชื้อสายของตู้เอ้อร์เจินเหริน จากนั้น นางก็อ่านพระสูตรนิรกรรม และขอให้บรรพชนจอมปราชญ์ตรวจสอบและยืนยันว่าพวกเขาเป็นผู้สืบทอด ได้รับการสั่งสอนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจริงๆ
ด้วยวิธีนี้ จึงเป็นผลให้มันดูเหมือนว่าศัตรูภายนอกกำลังบุกรุกสำนักตู้เซียน และเพิ่มกรรมให้กับผู้นำสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
รูปเคารพของบรรพชนจอมปราชญ์ตอบสนองทันที!
อย่างไรก็ตาม อักขระเต๋าบนรูปเคารพของบรรพชนจอมปราชญ์คืนกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบรรพชนจอมปราชญ์หรือปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินรู้เรื่องนี้แล้ว
ยังไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปแทรกแซงและจัดการให้เมื่อใด
หลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
โอกาสที่ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะมาปรากฏตัวหลังจากนี้น่าจะสูงถึงเจ็ดในสิบส่วน อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะบอกว่าพวกเขาจะสามารถช่วยได้ทันเวลาหรือไม่
ข้าไม่สามารถหวังความช่วยเหลือจากภายนอกได้
ข้าได้ทำสิ่งที่สามารถทำได้ในการเรียกผู้ทรงอำนาจมาแล้ว ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องทุ่มเทมากขึ้นอีก
แต่เพื่อความปลอดภัย ข้ายังต้องยึดตามแผนการที่ข้าวางไว้
หากตึกถล่มเข้าจริงๆ ข้าก็จะวิ่ง…เมื่อข้าต้องทำ
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปที่ โหย่วฉินเสวียนหย่าอีกครั้งว่า “เสร็จแล้ว ศิษย์น้องหญิง ข้าขอให้เจ้าจงอย่าพูดถึงเรื่องนี้กับคนอื่นเด็ดขาด”
โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้าเบาๆ ดูเหมือนนางจะอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเล
หลังจากนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วได้ออกไปจากสถานที่นี้ แล้วเขาก็หันไปมุ่งเน้นที่การควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์…
ก่อนหน้านี้ มีความล่าช้าอยู่บ้างในหอไป่ฝาน ขณะที่การสู้รบทางตะวันตกเฉียงใต้และทางเหนือก็ดำเนินไปอย่างดุเดือดเต็มที่แล้ว
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันตลอดทางจากบริเวณด้านนอกของประตูสำนักภูเขาไปจนถึงยอดเขาสองสามยอด
เซียนจากสำนักตู้เซียน ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า เซียนเทียนและเซียนเสิ่นมากกว่าครึ่งต่างได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่มีเซียนเสิ่นหลายสิบคนต้องเสียชีวิต โชคยังดีที่มีเซียนเทียนเพียงสองคนเท่านั้นที่ตกตาย
ในทางกลับกัน แม้ว่าหุ่นเชิดยุงจะดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกมันก็สูญเสียความแข็งแกร่งในการต่อสู้ไปไม่น้อย
และมีปีศาจเซียนเทียนสามตัวถูกผู้อาวุโสว่านหลินหยุนสังหารทิ้ง!
หากนับผลการรบ รองชนะเลิศที่ตามมาอย่างใกล้ชิดก็คือปรมาจารย์ผู้สูงส่งหว่างฉิง เขาได้ฆ่าหนึ่งเซียนเทียนมนุษย์และหนึ่งปีศาจเซียนเทียน ซึ่งทำให้เขาอยู่ในอันดับที่สองรองจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
ยังมีผู้อาวุโสเซียนเทียนสองสามคนที่มีผลงานของตนเองเช่นกัน…
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมก็ยังไม่เป็นไปด้วยดีนัก
ในขณะนั้นผู้อาวุโสว่านหลินหยุนรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับไปสู่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อหมื่นปีก่อน จิตวิญญาณที่กล้าหาญของเขาเพิ่มขึ้น และเขาก็ได้ต่อสู้เพียงลำพังตลอดมา!
แต่ชายชราผู้นี้ก็แอบรู้สึกหดหู่ใจ…