ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 99.1 ความกลัวของเทพนอกรีต (1)
ยอดเขาพิชิตสวรรค์ ส่วนที่พักอาศัยของเซียนจิ่ว
เมื่อหลี่ฉางโซ่วกลับมาจากโถงตู้เซียน เขาก็ไม่เห็นจิ่วอู และจิ่วซือ และเซียนจิ่วคนอื่นๆ
พวกเขาล้วนมีงานยุ่งไปทุกที่ตามส่วนต่างๆ ของสำนัก
อาจารย์อาน้อยยังคงเมาและหลับสนิทอยู่ข้างเตียง แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้รบกวนนาง
ข้าควรจะอุ้มอาจารย์อาน้อยขึ้นจากพื้นไปวางบนเตียงดีหรือไม่
แน่นอนว่า โดยปกติแล้ว เขาจะไม่ทำอะไรเกินเลยที่ทำให้เข้าใจผิดได้ง่าย
ไม่เพียงเท่านั้น หลี่ฉางโซ่วยังได้ศึกษาบริเวณโดยรอบที่พำนักของอาจารย์อาน้อยอยู่พักหนึ่ง และในไม่ช้าเขาก็เข้าใจหลักการที่อยู่เบื้องหลังของการจัดวางค่ายกลป้องกันที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วเชื่อมโยงรากฐานค่ายกลของค่ายกลที่นั่นกับค่ายกลที่รอบๆ ที่พำนักของนาง เพื่อปกป้องท่าทางสุดแสนสบายไร้การยับยั้งของนางในขณะกำลังหลับใหล…
เมื่อมองแวบแรกก็เห็นได้ชัดว่า อาจารย์ลุงจิ่วอูจะต้องเป็นผู้จัดวางค่ายกลในสถานที่นี้ เพราะมันอยู่ในรูปแบบของ ‘นักพรตเต๋าร่างเตี้ย’
ต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็พบศิษย์คนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงานเบ็ดเตล็ด และหยิบโอสถสร้างวิญญาณสองขวดมาจากเขา
หลังจากการพูดคุยกันเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วก็บอกให้เขาบอกจิ่วจิ่วหลังจากที่นางตื่นขึ้นแล้วว่า เขาและหลิงเอ๋อร์ได้กลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยแล้ว หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พาและหลิงเอ๋อร์ไปด้วยและปล่อยให้นางนอนหลับอยู่บนก้อนเมฆในขณะที่เขาบินไปในระดับความสูงที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดเพื่อตรงไปยังยอดเขาหยกน้อย
ความจริงแล้วการดำรงอยู่ของยอดเขาหยกน้อยนั้น ไร้ความสำคัญใดจริงๆ
แม้หลี่ฉางโซ่วจะพอใจมาก…แต่เมื่อไม่มีผู้ใดในสำนักแวะมาถามเขา! นั่นก็ทำให้รายละเอียดที่หลี่ฉางโซ่วเตรียมไว้นั้น ไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง!
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ต้องใช้มัน…
โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วไม่พบชื่ออาจารย์ของเขาบนศิลาพลีชีพที่เพิ่งสร้างขึ้นในโถงของหอไป่ฝานนั้น ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้อาจารย์ของเขาฟังอย่างไรจริงๆ
ไม่ว่าจะบูชารูปปั้นของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามตัวยาวนานเพียงใด ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีก
‘อนุสรณ์สถาน’ เป็นเพียงรูปแบบของการรำลึกถึงอย่างหนึ่งเท่านั้น ย่อมไม่มีบุญได้จากการเผาเครื่องสักการะบูชา…
และเมื่อกลับไปที่กระท่อมบ้านมุงจาก หลี่ฉางโซ่วก็ปลุกหลิงเอ๋อร์ให้ตื่นขึ้นก่อน
หลังจากพูดคุยกันพักหนึ่ง ศิษย์พี่น้องทั้งสองคนก็ตัดสินใจที่จะทำตามแผนแรกที่พวกเขาวางไว้ก่อนหน้านี้เพื่อ ‘ทำให้ท่านอาจารย์สงบลง’
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วเอนหลังลงนอนบนเตียงด้วยริมฝีปากแห้งและดวงตาหมองคล้ำขณะที่มีความคิดถึงโหยหาอยู่ในดวงตาของเขา
ในขณะนั้น หลานหลิงเอ๋อร์ก็วิ่งไปที่กระท่อมมุงจากของท่านอาจารย์ของนาง จากนั้นคุกเข่าลงบนเบาะนั่งสมาธิและ…ปล่อยท่านอาจารย์ออกมา
“มันผู้ใดกล้าวางแผนทำร้ายข้า!!”
“จงดูอาวุธเวทของข้าเสียก่อน!”
ทันใดนั้น ฉีหยวนเฒ่าก็กระโดดออกมาจากถุงพลางชูแส้หางม้าขึ้นของเขาขึ้นและมองไปรอบๆ อย่างเดือดดาล ก่อนจะก้มศีรษะลงและเห็นศิษย์ตัวน้อยกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
ในขณะนั้น ดวงตาของหลิงเอ๋อร์พลันแดงก่ำพลางกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ก่อนจะแอบบีบต้นขาของนางอย่างลับๆ แล้วใช้ทักษะการฝึกฝนที่แท้จริงบางอย่าง
“ท่านอาจารย์…”
ฉีหยวนตกตะลึง และจากนั้นก็จำได้ว่าเขาถูกศิษย์ทั้งสองคนวางยา
ฉีหยวนกวาดพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปทั่วเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมและเห็นศิษย์คนโตของเขากำลังนอนอยู่ในกระท่อมมุงจากที่อยู่ข้างๆ จึงรีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาถามว่า “หลิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป และศิษย์พี่ของเจ้า…เกิดอันใดขึ้นกับศิษย์พี่ของเจ้า!”
“ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้มีปีศาจจำนวนมากบุกเข้ามาในสำนัก และศิษย์พี่ก็กังวลว่าท่านจะรีบไปต่อสู้กับพวกปีศาจ ดังนั้น เขาจึงพาท่านอาจารย์และข้าออกไป…แล้วระหว่างการต่อสู้ในศึกครั้งนี้ ศิษย์พี่…”
และก่อนที่หลิงเอ๋อร์จะทันได้กล่าวจบ ฉีหยวนก็รีบพุ่งพรวดไปที่ข้างเตียงของหลี่ฉางโซ่วแล้ว
เมื่อมองดูศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉีหยวนก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง แล้วรีบหยิบขวดโอสถออกมา ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้โอสถชนิดใดดี ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววมึนงงแล้วกล่าวกระซิบเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์”
“โอ อาจารย์อยู่นี่แล้ว!” ฉีหยวนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อาจารย์อยู่ที่แล้ว หากเจ้ามีอะไรก็แค่บอกมา” “ข้าไม่เป็นไรขอรับ” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจพลางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้ ศิษย์ทำให้ท่านหมดสติ…”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา เจ้าแค่คิดเพื่อช่วยอาจารย์ แล้วข้าจะไม่เข้าใจเจ้าได้อย่างไร”
ทันใดนั้นฉีหยวนก็นั่งข้างเตียงแล้วคว้าข้อมือของหลี่ฉางโซ่วมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด
แล้วจู่ๆ สีหน้าของนักพรตเต๋าชราก็เปลี่ยนไปทันที พลังเซียนในร่างของศิษย์คนโตของเขานั้นบริสุทธิ์และชัดเจนกว่าของเขามากนัก นี่เป็นพลังเซียนของเซียนหยวน
แต่ในสัมผัสรับรู้ของฉีหยวนในขณะนี้ พลังเซียนเหล่านี้ยังมีน้อยมาก
ในขณะนั้น ลมปราณในร่างกายของหลี่ฉางโซ่วนั้นวุ่นวายยุ่งเหยิงมาก ชีพจรของเขาสั่นดังดุจเสียงกลองรัว และเมื่อตรวจสอบอย่างถ้วนทั่ว ฉีหยวนก็พบว่าจริงๆ แล้วมันมี…มีสัมผัสจังหวะเหมือนการเล่นดนตรีตีกลองอย่างยิ่ง!
หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างหนักแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่เป็นไร ท่านอาจารย์โปรดอย่าห่วงไปเลยขอรับ”
ดวงตาของฉีหยวนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาถอนหายใจเขาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “โอ้ ข้ามันไร้ความสามารถ ในฐานะอาจารย์ ข้ากลับไม่อาจปกป้องเจ้าและหลิงเอ๋อร์ได้ และยังทำให้เจ้าและหลิงเอ๋อร์ต้องลำบากอีกด้วย”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์เป็นคนวางยาทำให้ท่านหมดสติไปก่อน ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องสามารถ…แค่กๆ” ฉีหยวนกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ข้าไม่โทษเจ้า”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอเบาๆ แล้วฝืนยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ แต่ข้าก็ไม่อาจมีอะไรแน่ใจในเรื่องนี้ได้อีกแล้ว ศิษย์ละอายใจจริงๆ ขอรับ”
“ข้า…ใช่แล้ว อาจารย์สาบานว่าจะไม่ตำหนิเจ้าในครั้งนี้!”
“ท่านอาจารย์ ท่านจะสาบานอะไรขอรับ” “แน่นอนว่า ต้องเป็นปฏิญญาต้าเต๋านะขอรับ…”
“ท่านอาจารย์ หากท่านไม่สวด ‘คาถากตัญญุตา’ เต๋าอันยิ่งใหญ่ก็จะไม่อาจตรวจพบมันนะขอรับ”
“ก็ได้ อาจารย์จะทำ! เอ๋?”
ฉีหยวนเฒ่าพลันตื่นตกใจเมื่อมองไปยังหลี่ฉางโซ่วที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
ในเวลานั้น นัยน์ตาของอีกฝ่ายหลุบต่ำลงครึ่งหนึ่ง เขาแทบจะหายใจไม่ออกขณะกระแอมไอเบา ๆ อีกครั้ง ในขณะที่นักพรตเต๋าชรามองไปที่หลิงเอ๋อร์ซึ่งซ่อนตัวอยู่นอกกระท่อมมุงจาก และพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็วนเวียนอยู่รอบๆ ยอดเขาหยกน้อย ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาจากอาการตื่นตกใจทันที
ฉีหยวนกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ฉางโซ่ว ดูเหมือนว่า คาถาสงบลมปราณเต่าของเจ้า จะไม่เพียงแค่ปกปิดระดับการฝึกฝนของเจ้าเท่านั้น”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์…”
“เพ้ย!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างนอกประตู มันเป็นเสียงที่หัวเราะออกมาหลังจากพยายามอดกลั้นเอาไว้ของหลิงเอ๋อร์
ฉีหยวนเงียบงันในทันใดในขณะที่ใบหน้ายังคงมืดทะมึน
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอแล้วนั่งเงียบๆ ขณะแย้มยิ้มให้อาจารย์ของเขาอย่างจริงใจ
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่เป็นไรจริงๆ ขอรับ”
“เจ้าสารเลว!”
ฉับพลันนั้น ฉีหยวนก็หยิบแส้หางม้าของเขาขึ้นมาแล้วฟาดใส่ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วฉวยโอกาสหลบหนีทันที ทว่าเมื่อมาถึงประตู เขาก็ถูกเจ้าแมวน้อยตัวร้ายจู่โจมขณะที่หลิงเอ๋อร์พุ่งตัวเข้ามาหาเขาอย่างกะทันหัน!
“ศิษย์พี่ อย่าโทษข้าที่โหดร้ายเลยนะเจ้าคะ!”
หลิงเอ๋อร์หรี่ตาแล้วยิ้มเผล่ก่อนจะรีบตะโกนเข้าไปหาฉีหยวนที่อยู่ข้างในว่า “ท่านอาจารย์ ข้าจับศิษย์พี่ได้แล้วเจ้าค่ะ! ศิษย์พี่ ! ศิษย์พี่บังคับให้ข้าทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ! ท่านอาจารย์ เดิมทีข้าเคยพูดว่าท่านสามารถทำหน้าที่ออกไปสังหารศัตรูได้ในฐานะผู้บำเพ็ญของสำนักตู้เซียนเจ้าค่ะ แต่เป็นศิษย์พี่ที่บอกว่าท่านจะออกไปสู้กับพวกที่มีขอบเขตพลังสูงกว่าโดยไม่มีกลยุทธ์ใดๆ เจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วจ้องมองหลิงเอ๋อร์ในขณะที่ฉีหยวนรีบวิ่งมาจากด้านหลังแล้วยกแส้หางม้าขึ้นฟาดลงบนหลังของหลี่ฉางโซ่วขณะร้องตะโกนเสียงดังออกมา
หากหลี่ฉางโซ่วต้องการหนีจริงๆ เขาย่อมสามารถหลบหนีได้
แต่ในเวลานี้ เขาแค่ต้องยอมถอยให้อาจารย์ก้าวหนึ่ง และปล่อยให้ท่านอาจารย์มีโอกาสระบายโทสะ
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตบป้าบเบาๆ แล้วส่วนที่คุ้นเคยของร่างกายของเขากลับกลายเป็นสีแดงบวมเป่งขึ้นอีกครั้ง…