ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 631 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- บทที่ 631 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (1)
บทที่ 631 ไข่มุกเทพปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ กงหมิงเผชิญข่งเชวี่ยน (1)
เป็นเรื่องยากที่หลี่ฉางโซ่วจะเชิญเขา จ้าวกงหมิงจึงไม่ปฏิเสธเขาเลย เขานำร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่ว และเรียกน้องสามของเขา เขานำไข่มุกเทพทะเลยี่สิบสี่เม็ดและมุ่งตรงไปยังทะเลทักษิณ!
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่มีการหลอกตบทรัพย์เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้อย่างเงียบๆ ฉยงเซียวหยิบถุงทรายดูดสีเขียวออกมาและเริ่มแกะรอยและติดตามพวกเขาไปทันที
จ้าวกงหมิงซึ่งเปลี่ยนเป็นสวมชุดเกราะแล้ว ลูบเคราพลางแย้มยิ้ม และกล่าวว่า “เกิดอันใดขึ้น? พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก[1]หรือไม่? น้องชาย บางครั้ง เจ้าก็เป็นคนที่เด็ดขาดยิ่ง”
“จงเลือกสิ่งที่เลวร้ายน้อยกว่าระหว่างตัวเลือกทั้งสองอย่างเสมอ[2] ครั้งนี้ ข้าเพียงแค่คิดลองดูเท่านั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “หากเราไล่ตามเขาได้ทัน มันก็ไม่สำคัญว่าจะไม่อาจกำจัดเขาได้ เราเพียงแค่กำจัดสุนัขขนสีเขียวของเขาก็ได้!”
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเข้าใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวว่า “กลายเป็นว่า เจ้ากลัวพลังของสัตว์เทพตัวนั้น”
ฉยงเซียวแค่นเสียงหยันและกล่าวว่า “เขาเป็นเพียงสัตว์ร้ายที่สามารถฟังความคิดของสิ่งมีชีวิตได้ จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากใช้วิชาเวทเล็กน้อยเพื่อซ่อนปราณวิญญาณ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เทพธิดา หากเราไม่ซ่อนตัวเองในตอนนี้ ปลารอบเกาะและภูตวิญญาณในทะเลก็จะเห็นร่องรอยของเจ้าและข้า แล้วตำแหน่งที่อยู่ของเราจะไม่ปรากฏให้ตี้ทิงรับรู้หรอกหรือ?”
ฉยงเซียวกะพริบตา “นั่นก็มีเหตุผลเช่นกัน… ทางนี้ก็ใช้ได้”
ทันทีที่นางกล่าวจบ ทรายดูดที่กำลังพลิ้วไหวตามสายลมอยู่ตรงหน้านางก็กลายเป็นเมฆสีเขียวที่เคลื่อนตัว มุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของทะเลทักษิณ
จ้าวกงหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “น้องสาม พาร่างจำแลงของฉางเกิงตามหลังมา ข้าจะไปพบเขาก่อน!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น ก็มีแสงเซียนสีน้ำเงินเปล่งประกายสว่างวาบอยู่รอบๆ กายจ้าวกงหมิง แล้วร่างของเขาก็กลายเป็นสายลมโชยเบาๆ และหายไป…
ฉยงเซียวเม้มปากและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วเงียบๆ
นางแค่นเสียงกล่าวว่า “พี่ใหญ่กังวลในเรื่องที่เจ้าพูดมาก เขายังใช้พลังเวทที่เขาไม่ได้เปิดเผยมาหลายปีแล้วอีกด้วย”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์
ฉยงเซียวชี้นิ้วไปอย่างสบายๆ แล้วเชือกสีทองก็พันรอบแขนของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นนางก็ขี่เมฆและไล่ติดตามเขาไป แต่นางไม่ได้เชิญให้หลี่ฉางโซ่วเดินทางไปบนเมฆกับนาง
เมื่อสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนต่างมีท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วจึงเริ่มเอ่ยถามว่า “ไม่นานที่ผ่านมานี้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อืม ข้าเข้าปิดด่าน” ฉยงเซียวตอบอย่างกันเอง
จากนั้นนางก็หันไปหาหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ข้างหลังนาง
“เจ้า… ช่างมันเถิด”
“เทพธิดา เจ้าพูดในสิ่งที่เจ้าคิดออกมาตรงๆ มาเถิด”
ฉยงเซียวแค่นเสียงกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า พี่สาวของข้าชอบดื่มสุราแบบใด? เจ้ารู้หรือไม่ว่า นางชอบแต่งตัวเช่นใด?
ดูสิว่า เจ้าวิ่งวุ่นไปที่ศาลสวรรค์ทั้งวัน ราวกับว่าเจ้าไม่สนใจเรื่องพี่สาวของข้าเลย หรือว่า เจ้าเพียงกำลังรอให้พี่สาวของข้าเชิญเจ้าไปก่อนเท่านั้น เจ้าถึงจะเดินทางไปเกาะซานเซียนของเราอย่างนั้นหรือ?
เจ้าไม่ได้คิดช่วยเริ่มก่อนกับปรมาจารย์ผู้ดำรงอยู่เซียนเทียน[3]ที่งดงามและอ่อนโยนเฉกเช่นพี่สาวของข้าเลยจริงๆ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยพี่สาวของข้าให้ข้ามผ่านทัณฑ์แห่งความรักได้จริงๆ หรือ?”
“นี่…”
หลี่ฉางโซ่วพูดอะไรไม่ออก และในขณะที่เขากำลังจะชี้แจงว่า เขาและเทพธิดาอวิ๋นเซียวยังไม่ได้ไปถึงขอบเขตรุ่มร้อน แล้วจู่ๆ ท้องฟ้าเบื้องหน้าพวกเขาก็มืดมิดลงทันที
จักรวาลสั่นสะเทือนและเต๋าใหญ่ก็พุ่งพล่านขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
“พี่ใหญ่กำลังต่อสู้กับใครบางคน!”
ดวงตาของฉยงเซียวเปล่งแสงสว่างวาบ นางรีบกล่าวว่า “ไปกันเร็วเข้า หากเราไปช้า ก็จะไม่มีโอกาสต่อสู้!”
กล่าวจบ ฉยงเซียวก็คว้าหลี่ฉางโซ่วไปทันทีและเร่งความเร็วขึ้น แต่นางก็จำได้ว่า ร่างจำแลงของ หลี่ฉางโซ่วนั้นไม่แข็งแกร่งพอ
นางจึงกล่าวว่า “เจ้าค่อยๆ บินไปช้าๆ ส่วนข้าจะช่วยเรื่องการต่อสู้เอง”
จากนั้นนางก็กลายเป็นลูกมวลแสงสีทองและพุ่งไปข้างหน้า
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงคำรามของมังกรดังขึ้น และมีมังกรทองสองตัวเหินบินขึ้นลง ดาวยี่สิบสี่ดวงลอยอยู่ที่ริมทะเลทักษิณ พวกมันได้ผนึกพื้นที่ขนาดใหญ่ของจักรวาล!
ตี้จั้งมีพลังถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? เขาสามารถทำให้อาจารย์ลุงจ้าวต้องใช้พลังเกือบทั้งหมดของเขาโจมตีอย่างเต็มที่ได้!
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มาช่วย ทันใดนั้นก็มีแสงห้าสายพุ่งออกมาจากท้องฟ้า พวกมันต้องการที่จะฝ่าทำลายผนึกของไข่มุกเทพทะเล
รังสีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น มีสีดำ ขาว เขียว เหลือง และแดง พวกมันเกี่ยวพันและผสานรวมกัน กลายเป็นมือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วแผ่นฟ้า และทำท่าราวกับว่ามันกำลังจะฉีกพยายามท้องฟ้าสีครามออกจากกันเป็นชิ้นๆ!
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี?!
หลี่ฉางโซ่วอดจะจ้องมองไม่ได้
เหตุใดอาจารย์ลุงจ้าวถึงต่อสู้กับพี่สาวเซวี่ยน แค่กๆ ข่งเซวี่ยนได้?!
ในขณะนั้น มังกรทองสองตัวร้องคำรามและพุ่งเข้าปะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีตรงๆ ทำให้มือขนาดใหญ่นั้นแตกสลายไปทันที
ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดยังคงส่องแสงกะพริบอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนทิศทางบนท้องฟ้า พวกมันกำราบแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะก่อให้เกิดคลื่นอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
นี่…
จ้าวกงหมิง ฉยงเซียว ไข่มุกเทพทะเลและกรรไกรมังกรวารีทองได้รวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งเซวี่ยน?
เขาไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วรีบพุ่งออกไปข้างหน้าทันทีและใช้วิชาหลีกลมเร้นกาย เขารีบพุ่งไปยังสมรภูมิรบที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
ไม่ว่าเวทหลบหนีของเขาจะรวดเร็วเพียงใด เขาก็ยังต้องการช่วงเวลาสั้นๆ
ฉวยประโยชน์จากการการเปิดช่วงเวลานี้ จ้าวกงหมิง และน้องสาวของเขาก็ได้ประมือกับข่งเซวี่ยนไปหลายรอบแล้ว!
ไข่มุกเทพทะเลที่สงบนิ่งได้เปิดใช้งานพลังของมันและสยบลำแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเอาไว้ได้ชั่วคราว โดยป้องกันไม่ให้แสงศักดิ์สิทธิ์ได้สัมผัสกับไข่มุกเทพได้
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงถือแส้ไม้สีทองและข่งเซวี่ยนถือกระบี่ยาว ร่างของพวกเขาทั้งสองยังคงต่อสู้กันอยู่บนพื้นผิวน้ำทะเลโดยที่ต่างคนต่างก็ทิ้งร่องรอยบาดแผลเอาไว้บนพวกเขา และการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงนั้น ก็ก่อให้เกิดคลื่นลูกมหึมา!
โชคดีที่ไข่มุกเทพทะเลของจ้าวกงหมิงมีความสามารถในการปิดกั้นจักรวาลได้ ไม่เช่นนั้น จักรวาลจะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ฉยงเซียวจับนิ้วกระบี่ของนางเข้าด้วยกันและควบคุมกรรไกรมังกรวารีทองเพื่อหลีกเลี่ยงแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกำลังจะปิดตัวลง นางก็ทำให้กรรไกรมังกรวารีทองได้เผยมังกรวารีสีทองออกมาทันที จากนั้นนางก็หันศีรษะไปฟาดฟันจนแสงศักดิ์สิทธิ์แตกกระจายไป
แม้เป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสอง แต่ก็ดูเหมือนว่า ข่งเซวี่ยนจะไม่ได้แสดงความพ่ายแพ้ใดๆ เลยและเขายังใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเพื่อยับยั้งไข่มุกเทพทะเลของจ้าวกงหมิง และบีบบังคับให้ฉยงเซียวไม่กล้าเข้าไป …
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ ฉยงเซียว และร้องตะโกนออกไปทันทีว่า “พี่ชาย! นักพรตเต๋าข่งเซวี่ยน! ได้โปรดหยุดเถิด!”
ทว่าเสียงของเขาซึ่งเสริมด้วยพลังเซียนก็ถูกพลังวิญญาณที่สั่นสะเทือนในสมรภูมิรบทำลายเป็นเสี่ยงๆ …
“ไม่ต้องกลัว” ฉยงเซียวยิ้มและกล่าวว่า “พี่ใหญ่รับมือเองได้”
ขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วคิดถึงบางสิ่งและตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าว่า “ศิษยพี่! ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใดขอรับ!?!”
เพียงทันทีที่เขากล่าวจบ เขาก็เห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีฉายแสงกะพริบอย่างรวดเร็ว มันโอบล้อมรอบร่างของข่งเซวี่ยน แล้วพุ่งออกไปในระยะไกล แยกตัวออกจากการห่อหุ้มของไข่มุกเทพทะเลและอยู่ห่างออกไปนับพันลี้
“พี่ชาย! พี่ชาย!”
หลี่ฉางโซ่วรีบพุ่งออกไปข้างหน้า หยุดจ้าวกงหมิงที่กำลังจะไล่ตามเขาขึ้นไปให้ทัน แล้วแผ่พลังลมปราณของเขาออกมาเอง
ห่างออกไปนับพันลี้ ข่งเซวี่ยนซึ่งสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียว ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นเขาก็แค่นเสียงเย็นชาแล้วขี่เมฆจากไป
หลี่ฉางโซ่วดึงแขนของจ้าวกงหมิงไว้ และถามว่า “พี่ชาย ท่านมีความแค้นก่อนเก่ากับสหายเต๋าข่งเซวี่ยนหรือไม่?”
“ความแค้นเก่าอันใดกัน? ข้าเพิ่งเคยพบเขา?”
จ้าวกงหมิงโกรธจัดจนเป่าเครา “ข้ากำลังตามหาตี้จั้งอยู่ และพบเกาะแห่งหนึ่ง เมื่อข้าเห็นเขายืนอยู่เหนือเกาะอมตะ ข้าก็อยากจะถามว่า เขาเคยพบเห็นหรือไม่
ข้าสุภาพและเป็นมิตร ข้าขึ้นไปและเรียกเขาว่า พี่ชายเต๋า ผู้ใดจะรู้ว่า เขาจะจ้องมองมาที่ข้าและตวาดใส่ข้า? เขาถามว่า เขามีส่วนใดที่ดูเหมือนบุรุษ จึงเห็นเขาเป็นพี่ชาย
ข้าจึงคิดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า…
เฮ้ นี่ข้าดูผิดไปหรือไม่? หากข้าเห็นอะไรผิดไป ข้าก็ยอมรับผิด ดังนั้น ข้าก็เลยเปลี่ยนวิธีเรียกชื่อเขา และเรียกเขาว่า เทพธิดา ข้ายังขอโทษด้วยซ้ำ
แต่ไม่คาดคิดว่า เขากลับถลึงตาจ้องมองข้าและตวาดใส่ข้าอีกครั้ง เขาถามข้าว่า ข้ามองอย่างไร เขามีส่วนใดที่ดูเหมือนเทพธิดา จึงเห็นเขาเป็นเทพธิดา!
ข้าจึงเพิ่งถามอะไรบางอย่างกับเขาไปว่า เช่นนั้น จริงๆ แล้ว เขาจะเป็นพี่ชายหรือเทพธิดา[4] หรือไม่เป็นทั้งพี่ชายและเทพธิดา แล้วหลังจากนั้น เขาก็เข้ามาหาและต้องการจะทุบตีข้า!”
“พรึ่ด… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฉยงเซียวอดจะหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ นางแทบจะทรุดลงไปบนก้อนเมฆ
………………………………………………………………..
[1] เป็นการเปรียบถึงสิ่งที่พูดถึงเมื่อผู้พูดรู้สึกว่า สิ่งที่พูดนั้นจะไม่เกิดขึ้น หรือเป็นความรู้สึกประหลาดใจเมื่อเกิดบางสิ่งที่เหลือเชื่อขึ้น
[2] เป็นการเปรียบเทียบถึงอันตรายสองสิ่ง หรือสิ่งเลวร้ายสองสิ่ง แล้วเลือกสิ่งที่ส่งผลร้ายน้อยกว่า
[3] ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขอบเขตพลัง แต่หมายถึงนางเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียน
[4] หมายนัยถึงเขาจะเป็นบุรุษหรือสตรี