ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 641 ชีวิตจะดีขึ้นสำหรับคนบางคนเท่านั้น (3)
บทที่ 641 ชีวิตจะดีขึ้นสำหรับคนบางคนเท่านั้น (3)
องค์เง็กเซียนในชุดเสื้อคลุมสีขาวยิ้มและกล่าวว่า “เหตุใดไม่ได้เล่า? ข้าไม่ได้คาดว่า สายโลหิตของเผ่าหงส์จะยังคงทำงานอยู่ภายนอก
ทว่า ขุนนางอ๋าวกว่าง เจ้ามีปัญหาใดกับเรื่องนี้หรือไม่?”
“ฝ่าบาท!”
อ๋าวกว่างก้มศีรษะลงและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เผ่าหงส์และเผ่ามังกรถูกเผ่าปีศาจในสมัยโบราณปลุกปั่นจนเป็นผลให้พวกเขาทำลายโลกบรรพกาลในระหว่างสงครามเป็นเวลานานนับตั้งแต่นั้นมา
วันเวลาผ่านไปนานหลายปี และศัตรูของเผ่าหงส์ที่ต่อสู้กลับในตอนนั้นได้เสื่อมสลายไปนานแล้ว เวลานี้ มีสักกี่เผ่าพันธุ์กันที่ยังเหลืออยู่ในโลกใบนี้? แล้วไยยังต้องมีความเกลียดชังกันอีกเล่า?
ฝ่าบาท โปรดทรงช่วยเผ่าหงส์ด้วยเถิด!”
“ขุนนางของข้าช่างใจกว้างยิ่งนัก”
องค์เง็กเซียนกล่าวยกย่องและขยิบตาไปให้หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาและยิ้ม เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า จำนวนวันดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
เขาคิดว่า บัดนี้ บทของเต๋าสวรรค์ที่เสวียนเหนี่ยวให้กำเนิดซางได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด
ก็ไม่น่าจะนานนัก
หลี่ฉางโซ่วยังได้รับบุญมากมายจากบรรดาเทพแห่งน้ำหลายแห่งในดินแดนเทวะทักษิณ
เมื่อพระราชโองการของเทพแห่งน้ำได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เขาก็ได้รับตำแหน่งเทพระดับสามอย่างเป็นทางการในหอสมบัติหลิงเซียวเช่นกัน และกลายเป็นเทพแห่งอำนาจธรรมดาที่มีใบรับรองในศาลสวรรค์ ซึ่งความเร็วที่พระราชโองการของของเทพแห่งน้ำของเผ่ามังกรได้รับการก่อตั้งขึ้นนั้น รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!
และในปีที่สิบสองหลังจากขึ้นมาที่ศาลสวรรค์พร้อมกับราชามังกรแห่งทะเลบูรพา พระราชโองการของเทพแห่งน้ำในดินแดนเทวะทักษิณก็ได้รับการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ภาพฉายของหอสมบัติหลิงเซียว ได้ปรากฏขึ้นในที่ต่างๆ ทั่วทั้งดินแดนเทวะทักษิณ
ในขณะนั้น เหล่ามนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนล้วนตกใจกลัว พวกเขาเพิ่งเคยได้ยินพระนามขององค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์เป็นครั้งแรก
มังกรครามที่มีลักษณะดี ดูดีและมีความเที่ยงธรรมหลายร้อยตัวซึ่งได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ได้ปรากฏตัวขึ้นในส่วนต่างๆ ของดินแดนเทวะทักษิณ เพื่อทำหน้าที่เป็นเทพแห่งน้ำ และพวกเขาก็เริ่มปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับศาลสวรรค์และเผ่ามังกรเอาไว้เบื้องหลังในสถานที่ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานแห่งตำแหน่งทางการของศาลสวรรค์
ตามคำบอกเล่าขององค์เง็กเซียน โชคของศาลสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน
บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วซึ่งเพิ่งกลายเป็นเทพวารีอย่างเป็นทางการนั้น ไม่มีอะไรทำ และเขาก็เริ่มต้นชีวิตในวันหยุดพักผ่อนของเขา
นอกเหนือจากการไปที่หอสมบัติหลิงเซียวเพื่อเข้าร่วมการประชุมในศาลสวรรค์และออกแบบแผนการปฏิรูปของแดนยมโลกเป็นครั้งคราวแล้ว เขาก็ยังไม่ได้เริ่มวางแผนอะไรเลย…
หลังจากนั้น เวลาเจ็ดปีก็ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วได้รับการรู้แจ้งในเต๋าหลอมโอสถบนภูเขา เขาไม่มีอะไรทำและรู้สึกคันไม้คันมือ กระหายในการต่อสู้
เมื่อเขาไม่มีอะไรทำ เขาก็ล่องลอยไปที่ห้องเดินหมากเล่นไพ่และเข้าร่วมการเล่นแข่งขันกันระหว่างพวกเขาที่เป็นผู้เล่นทั้งสี่คน และเขาก็จงใจทำศิลาวิญญาณ และโอสถวิญญาณบางส่วนหายไป
ในเวลาว่าง เขาก็ลงโทษศิษย์น้องหญิง กลั่นแกล้งอาจารย์อา และศึกษาเวทเต๋าเฉียนคุน นอกจากนี้ เขายังเขียนจดหมายถึงเทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งเขายังไม่สามารถส่งพวกมันออกไปได้…
วันเวลาบนภูเขาของเขานั้นมีความสุขอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่รู้ว่า สำนักบำเพ็ญประจิมกำลังวางแผนอะไร แต่เขาก็รู้สึกว่า เขากำลังเผชิญกับความสงบก่อนเกิดพายุร้าย
ในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถติดต่อเหวินจิ่งได้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่า สำนักบำเพ็ญประจิมใช้กลอุบายสกปรกอะไร
แต่หลี่ฉางโซ่วก็กำลังสงสัยว่า ตี้จั้งกำลังซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับและยังทำงานอยู่อย่างแน่นอน เขาต้องสะสมการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อให้สำนักบำเพ็ญเต๋าเสียเลือดบางส่วน…
ส่วนที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหามากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดก็คือ เผ่าปีศาจ ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วดูผ่อนคลาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ลืมที่จะเติมกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขา
เขายังใช้เต๋าใหญ่จินตานเทียมเพื่อเติมเต็มตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินที่เขาสูญเสียไปก่อนหน้านี้
“อย่าลืมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา จงพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ และเมื่อนั้น เจ้าก็จะไร้ความกลัว”
ในช่วงเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วได้เริ่มวางแผนที่จะเปลี่ยนชื่อของวิหารเทพทะเลให้เป็นวิหารเทพวารี และพัฒนาวิหารในตรีสหัสโลกธาตุ
มันไม่ใช่เพื่อสั่งสมบุญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นเป้าหมายหลัก
เมื่อวิหารเทพทะเลสามารถหยั่งรากในตรีสหัสโลกธาตุได้แล้ว มันก็อาจช่วยให้ศาลสวรรค์หาสถานที่เพิ่มเติมสำหรับเหล่าทหารได้มากขึ้น นั่นยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของแผนการของศาลสวรรค์ที่จะผงาดขึ้นมา
แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ในเวลานี้ บรรดาทูตเทวะเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ
เหล่ามนุษย์เวทไม่ได้อุดมสมบูรณ์มากนัก เนื่องจากพวกเขาบินไม่เก่ง จึงดูเหมือนว่า พวกเขาด้อยกว่าเมื่อกำลังจัดการบรรดาวิหารต่างๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองอันสุ่ยออกไปหลายพันลี้
ต่อจากนี้ เขาต้องหาเหล่าทูตเทวะที่ชาญฉลาดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันย่อมจะดีที่สุดหากพวกเขาแข็งแกร่งพอและไม่มีจิตคิดคดทรยศ
เผ่าเวทหรือ?
นั่นสามารถพิจารณาได้ ทว่ามันก็เป็นปัญหาสำหรับพวกเผ่าเวทที่ไม่อาจออกจากดินแดนเทวะอุดรได้ นอกจากนี้ ความฉลาดของพวกเขาก็ยังคงเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้เปิดเผยทักษะใหม่ให้เหล่ามนุษย์เวทและทูตเทวะของเขา ที่ยังแสดงออกมาให้เห็นครั้งหนึ่งในพิธีเทพทะเลที่เขาเพิ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
ชายร่างกำยำหลายสิบคนที่ขี่หลังม้าได้ร้องเพลงแม่น้ำสายใหญ่ไหลไปทางตะวันออก[1] จากนั้นพวกเขาก็ร้องและเต้นเพลง “อยากกอดกอด”
มันเกิดผลกระทบรุนแรงมากทีเดียว บรรดาเซียนทั้งหลายจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่มาเข้าร่วมพิธี ได้กล่าวในภายหลังว่า ปราณวิญญาณของพวกเขากำลังจะแตกระเบิดออกจากกัน
เวลายี่สิบปีค่อยๆ ผันผ่านไปอย่างเชื่องช้า หลังจากที่เขาได้พบกับเทพธิดาอวิ๋นเซียว …
ในช่วงเวลานั้น ความคิดของหลี่ฉางโซ่วอยู่ที่หลี่จิ้ง เขาแอบวาด “การ์ตูนเยาวชน” สองสามเรื่องที่เน้นเรื่อง “ความรักในครอบครัว” และ “การเติบโต” แล้วส่งพวกมันไปให้หลี่จิ้งในรูปแบบของตำราที่เผยแพร่และหมุนเวียนไปภายในสำนัก
เขาได้อ่านบทกวีของราชวงศ์ถังมาแล้วสามร้อยบท แม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีแต่งบทกวี แต่เขาก็รู้วิธีท่องบทกวี
ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของจอมปราชญ์หนี่วา ที่ทำให้การควบคุมโครงเรื่อง บท และอารมณ์ของหลี่ฉางโซ่วนั้นเชี่ยวชาญจนถึงระดับปรมาจารย์มือสมัครเล่น มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสร้างผลงานสองชิ้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกแปลกใจมากก็คือ…
หลังจากที่หลี่จิ้งอ่านตำราเล่มหนาสองเล่มนี้จบแล้ว พวกมันก็วนเวียนไปในสำนักได้สองสามเดือน จากนั้นพวกมันก็หายไปอย่างแปลกประหลาด!
กฎห้ามทำลายตัวเองที่เขาแอบวางเอาไว้นั้น ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย!
ศิษย์หญิงที่เพิ่งยืมตำราทั้งสองเล่มนี้ไป รู้สึกหวาดกลัวจนน้ำตาไหล ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว ตำราภาพหนาทั้งสองเล่มนี้ก็เป็นสมบัติของสำนักตู้เซียนแล้ว
‘พระมารดาศักดิ์สิทธิ์เป็นคนลงมือหรือ?’
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่า นั่นคือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อเขาตระหนักว่ามีดินซีรังเก้าสวรรค์จำนวนเล็กน้อยอยู่บนโต๊ะในห้องลับใต้ดิน เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
วันหนึ่ง หลี่ฉางโซ่วกำลังคิดว่าจะเขียนจดหมายฉบับที่สองถึงเทพธิดาอวิ๋นเซียว ทว่าหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ และเจตจำนงวิญญาณของเขาก็กระเพื่อมขึ้น
เขาหลับตาและได้ยินเสียงเหล่ามนุษย์หลายคนร้องไห้และตะโกน เขาจึงส่งเจตจำนงวิญญาณออกไปและเห็นว่า ในเวลานี้ เมืองต่างๆ ที่ชายแดนของดินแดนเทวะทักษิณถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิง และมีไอปีศาจพุ่งทะยานสูงยิ่ง!
มันกำลังมา
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาเล็กน้อย และกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็รีบพุ่งไปช่วยชีวิตผู้คนและกำจัดปีศาจทันที
บัดนี้ ที่ประตูสวรรค์ทักษิณของศาลสวรรค์ มีเสียงกลองศึกดังขึ้นกึกก้อง!
อืม มั่นคง
เขาไปหาเสือดำทันทีเพื่อดื่มสุรากับเขาและให้เขาได้สวดอธิษฐานเพื่อ… เผ่าปีศาจอีกครั้ง
………………………………………………………………..
[1] คำพรรณนาความรู้สึกของชาวจีน ต่อเหตุการณ์สงครามแปดปี ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นรุกรานจีน