ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 649 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์ (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- บทที่ 649 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์ (2)
บทที่ 649 กำลังรบของข้าราชการพลเรือนแห่งศาลสวรรค์? (2)
การทำลายตนเองของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทำให้ราชาปีศาจที่อ่อนแอกว่าจำนวนสามตนถูกฉีกแยกออกจากกันในขณะที่ราชาปีศาจหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ทันใดนั้นเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของปีศาจเฒ่าก็แผ่กระจายออกไปทั่ว “โปรยถั่วเป็นทหาร ทหารถั่วเซียน! ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นร่างจำแลงของเทพวารี ร่างหลักของเขาจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หยุดมองไปรอบๆ”
มีเสียงหัวเราะดังกึกก้องขึ้นบนท้องฟ้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาดบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาพิชิตสวรรค์
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว มีเส้นผมสีขาว หนวดเคราสีขาว และมีเจดีย์ขนาดเล็กที่กำลังหมุนอยู่เหนือศีรษะของเขา และมันกำลังแผ่พุ่งพลังลมปราณเสวียนหวงออกมา
เขายืนเอามือไพล่หลัง บัดนี้เขาถือกระบี่สีทองอร่ามแทนที่แส้หางม้าในมือของเขา เขายืนอยู่ในอากาศอย่างองอาจภาคภูมิ แผ่พลังสยบทั่วหล้า
“เทพเช่นข้าผู้นี้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะทำอะไรข้าได้? ”
ดวงตาของปรมาจารย์เผ่าปีศาจหลายคนต่างเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ปีศาจเฒ่าสองสามตนกัดฟันอยู่พักหนึ่ง และปีศาจเฒ่าตนหนึ่งที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ดั่งเด็กน้อยและมีเส้นผมสีขาวก็ก่นด่าออกมา
“เทพวารี! เจ้าช่างเป็นคนโหดเหี้ยม อำมหิต เลวทรามต่ำช้าน่าชัง และไร้ยางอายยิ่งนัก!
เจ้าเข่นฆ่าเผ่าปีศาจและทำลายโชคของเผ่าปีศาจของข้า เผ่าปีศาจของข้าเคยมีเรื่องเคืองแค้นบาดหมางกับเจ้ามาก่อนหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วเม้มปากและกล่าวอย่างสงบด้วยเสียงที่ไม่แยแสดังก้องไปทั่วหล้าว่า “ในสมัยโบราณ เผ่าปีศาจเกือบจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราแล้ว?
นั่นไม่นับว่าเป็นปฏิปักษ์บาดหมางกันหรอกหรือ?”
“เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นตัวหลักของโลกอยู่แล้ว และที่เผ่าพันธุ์ของข้าได้ถอยร่นไปอาศัยอยู่ในช่องว่างของดินแดนเทวะทั้งห้า นั่นยังไม่เพียงพออีกหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “เจ้าปีศาจที่กล่าวเช่นนั้น เจ้าคิดว่าศาลปีศาจโบราณถูกเผ่ามนุษย์ของข้าล้มล้างเพราะพวกเจ้าเผ่าปีศาจเป็นผู้มอบชัยชนะให้แก่เราเผ่ามนุษย์หรือ?”
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า การล่มสลายของจักรพรรดิปีศาจในอดีตนั้น เป็นเพราะเขาเกิดค้นพบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และเขาก็ได้ฆ่าตัวตายต่อหน้าเผ่าพันธุ์มนุษย์?”
ปีศาจเฒ่าอีกตนร้องคำรามออกมาว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงกำลังใช้ประโยชน์จากความจริงที่มีมหาสงครามเกิดขึ้นระหว่างเผ่าปีศาจและเผ่าเวท
พวกเขาต่อสู้กัน และทั้งสองฝ่ายก็ล้วนได้รับบาดเจ็บทุกข์ทน! แล้วเจ้าจะกล้าพูดอย่างกล้าหาญได้อย่างไร!?!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเย็นชาและกล่าวว่า “ช่างเถิด ในกาลก่อนนั้น เผ่ามนุษย์ยังอ่อนแอ พวกเขารู้เพียงแค่วิธีเจริญพันธุ์โดยไม่รู้วิธีฝึกบำเพ็ญ
เผ่าปีศาจที่รุ่งเรืองสูงสุดแล้ว ได้เข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ แล้วพวกเขาจะกล้าหาญได้อย่างไร?”
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้ดับสลาย พวกเขาทุ่มเททำงานหนัก เหล่าปราชญ์ผู้รอบรู้ทั้งหลายรุ่นต่อรุ่นต่างยืนขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อสำรวจเต๋าใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีด้วยหมายปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างครอบคลุมทั้งหมด!”
“เผ่าปีศาจของพวกเจ้าไม่รู้ชะตากรรมหรือเรื่องใดๆ ดีไปกว่า และยังหยิ่งผยอง ในเมื่อทำเรื่องชั่วร้ายแล้ว ก็ต้องแบกรับผลกรรมที่ตามมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ในฐานะผู้อ่อนแอได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง
ทั้งสามกษัตริย์และห้าจักรพรรดิได้ทุ่มเทพยายามเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงขึ้นทีละขั้น และกลายเป็นตัวเอกของโลกในยามนี้!”
“พวกเจ้าเป็นเพียงสุนัขที่พ่ายแพ้ในสมัยโบราณ เมื่อความคิดชั่วร้ายของพวกเจ้าไม่ดับสิ้น ความคิดดีของพวกเจ้าก็ย่อมยากจะบังเกิดขึ้นได้
พวกเจ้าจะถูกกรรมร้ายพัวพัน และพบว่า ยากที่จะตั้งหลักในโลกนี้ได้ พวกเจ้าจะทำร้ายเผ่าเวท หล่อหลอมและทำลายผู้คนให้เป็นปีศาจชั่วร้าย!
พวกเราจะไม่ทำลายจอมกระบี่สังหารผู้คนที่ไปภูเขาเหยาเซิงในวันนั้นได้อย่างไร?
แล้ววันนี้พวกเจ้ายังกล้ามาพูดเรื่องนี้ที่นี่จริงๆ
พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาโหวกเหวก สร้างความวุ่นวายในสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้า!
ช่างน่าขันยิ่ง!
ว่ากันว่า ยิ่งพวกปีศาจมีอายุมากขึ้น มันก็จะยิ่งมีหนังหนาขึ้น พวกเจ้าคู่ควรกับการเป็นคนในตำนานของเผ่าปีศาจจริงๆ ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”
“เจ้า!”
ใบหน้าของปีศาจเฒ่าที่มีเส้นผมสีขาวและใบหน้าอ่อนเยาว์ราวเด็กน้อยพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและมันก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ปีศาจเฒ่ากระทืบเท้าและก่นด่าว่า “เทพวารี! เจ้าช่างดื้อด้านนัก เจ้าต้องการจะก่อสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์อีกครั้ง เจ้าต้องรับกรรมที่นี่!”
“เจ้ายังไม่เข้าใจ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “เผ่าปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่รวบรวมวิญญาณทั้งดีและชั่วร้ายปะปนกันไปทั้งหมด พวกมันไม่มีรากฐานทางสายเลือด!
ส่วนตัวข้าเองแล้ว ข้าไม่เคยคิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ราชินีจอมปราชญ์หนี่วาผู้ทรงคุณธรรมยิ่งใหญ่และมีใจเมตตากรุณามหาศาลได้เข้าร่วมเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วย
และเผ่าชิงชิวที่ยึดมั่นในความรักและความเท่าเทียมกันก็ยังเป็นสาขาของเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกเช่นกัน
มีเพียงเฉพาะพวกสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่กินและเข่นฆ่ามนุษย์เท่านั้นที่ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตราวกับวัชพืชไร้ค่า เจตนาจะคอยชักใยเพื่อควบคุมบงการพวกเขาและรังแกเผ่าพันธุ์อื่นๆ และผู้ที่คอยช่วยเหลือและกดขี่ข่มเหงพวกเขา ไม่ว่าพวกมันจะเป็นเผ่าปีศาจหรือเผ่ามนุษย์ พวกมันก็ล้วนเป็นศัตรูของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกบรรพกาล!
หากข้าสังหารเผ่าปีศาจได้ ข้าก็จะไม่มีวันไว้ชีวิต ปล่อยให้พวกมันรอดไปได้!
ศาลสวรรค์สามารถกำจัดสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ได้โดยจะไม่ทิ้งปัญหาใดเอาไว้ในภายหน้า!”
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวจบ ทั่วหล้าก็เงียบงันในขณะที่ดวงตาของเหล่าปีศาจจำนวนมากก็ล้วนเต็มไปด้วยความกังขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดวิญญาณหมีก็พึมพำออกมาว่า “แล้วหากข้าจัดการเจ้าไม่ได้ จะเป็นอย่างไรเล่า?”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าสิ่งที่เทพวารีพูดมานั้น…ก็มีเหตุผลเข้าท่า?”
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขา!
เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่ยอมรับพวกเราอย่างแน่นอน!”
ปีศาจเฒ่าร้องคำรามเสียงดัง แล้วปีศาจเฒ่าหลายตัวก็พุ่งเข้าหาหลี่ฉางโซ่วบนท้องฟ้า!
“หลังจากสังหารเทพวารีแล้ว เหล่าปราชญ์ของข้าก็ยังคงเติบโตรุ่งเรืองได้!”
จากนั้น ราชาปีศาจหลายสิบต่างก็เคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กัน พวกมันใช้พลังเวทเพื่อขว้างเครื่องมือเวทของพวกมันออกไป แล้วพวกมันก็กลายเป็นลำแสง พุ่งเข้าใส่ร่างของหลี่ฉางโซ่ว
แต่ในขณะที่พลังลมปราณเสวียนหวงตกลงมา หลี่ฉางโซ่วก็ยืนอยู่ในอากาศอย่างสงบ ร่างของเขายังคงไม่ขยับเขยื้อนใดๆ แม้จะมีการระดมโจมตีของเหล่าปีศาจ
แม้แต่ปู่ใหญ่เจดีย์ที่เคยตื่นเต้นยิ่งนักมาก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนจะเอื่อยเฉื่อย ขาดความสนใจไปในเวลานี้ เขาสงบนิ่งขรึมไปเล็กน้อย…
“อ่อนแอ… น่าเบื่อยิ่ง… คนกลุ่มนี้ยังไม่ได้กินข้าวกันอีกหรือ?”
“ข้าก็รู้สึกว่าการทำร้ายทุบตีพวกมันเป็นความอัปยศสิ้นดีต่อสมบัติศาสตราเวท”
“เจ้าศิษย์น้อย จงรีบสำแดงพลังเวทของเจ้า แล้วสังหารเจ้าพวกนี้เร็วๆ เข้าเถิด”
หลี่ฉางโซ่วรับคำในใจ
เขามองหาเวลาเหมาะสมเพื่อให้คู่ต่อสู้จู่โจมพร้อมเพรียงกัน แล้วปล่อยการโจมตีด้วยการสะบัดมือ แล้วซัดเข็มเงินสีดำสนิทสองเล่มออกไปทันที
………………………………………………………………..