ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 656 นางเป็นเพียงน้องสาวของข้า...(2)
บทที่ 656 นางเป็นเพียงน้องสาวของข้า…(2)
“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ท่านจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ในภายหลังขอรับ” หลี่ฉางโซ่วตอบผ่านการส่งข้อความเสียง และจากนั้น เขาก็ผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญให้จิ๋วอวี่ซือ
“เชิญท่านอาจารย์อาขอรับ”
“อืม” จิ๋วอวี่ซือรับคำ และก้มศีรษะลงพร้อมกับเดินออกจากศาลา
หลี่ฉางโซ่วเดินตามมาจากด้านหลังโดยรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาเอาไว้หกฉื่อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
พวกเขาทั้งสองคนเดินเล่นที่ขอบของสวนสัตว์วิญญาณ สงหลิงลี่ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการดูแลเมล็ดพันธุ์สัตว์วิญญาณ ก็จับจ้องมองพวกเขาอย่างสงสัยใคร่รู้อยู่พักหนึ่ง แล้วไม่นาน นางก็ก้มศีรษะลงและยังคงก้มหน้าก้มตา ง่วนอยู่กับการทำงานของนางเองต่อไป
ปรมาจารย์เทพแห่งท้องทะเลอยู่กับอวี่ซือตามลำพัง… เช่นนั้นแล้ว เขาต้องกำลังพูดคุยเรื่องสำคัญมากอยู่แน่ๆ
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ใช้พลังเซียนเพื่อปิดกั้นการสนทนาของพวกเขาทั้งสอง เมื่อออกจากศาลาแล้ว เขาก็เดินห่างออกไปอีกร้อยจั้ง
จากนั้น เมื่อมาถึงลำธารในป่าภูเขาที่งดงาม หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวออกมาอย่างอบอุ่นว่า “ตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์อาขึ้นมาบนภูเขา การฝึกบำเพ็ญของท่านมั่นคงดีหรือไม่”
“แน่นอน” จิ๋วอวี่ซือตอบอย่างจริงจัง “วันนี้ เจ้าอยากถามข้าเกี่ยวกับเรื่องศิษย์พี่ฉีหยวนหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วผงะงันไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
เห็นได้ชัดว่า มีคนน้อยคนนักที่หลังจากที่ดื่มสุราเข้าไปเพียงเล็กน้อย แล้วจะทำตัวงี่เง่าเหมือนท่านอาจารย์อาจิ่ว…
“อาจารย์อา ท่านรู้ตั้งแต่เมื่อใดหรือ?”
“ตอนที่ข้าเริ่มฝึกบำเพ็ญในช่วงสองสามปีแรก ข้าก็มักจะฝันบ่อยๆ” จิ่วอวี่ซือกล่าวเบาๆ
“ในยามนั้น ข้าก็พอรู้เหตุผลคร่าวๆ แล้ว ต่อมา เมื่อหลิงเอ๋อร์ถามถึงเรื่องนี้กับข้าอย่างอ้อมๆ ข้าก็ไม่แปลกใจมากนัก
แต่ข้าก็มีนามว่า อวี่ซือ หาใช่เจียงอวี่ไม่…
ต้องขออภัยด้วย”
“ไยท่านถึงต้องขออภัยเล่า?”
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ในตอนแรก พวกเราก็ยังปฏิบัติต่อท่านในฐานะ อวี่ซือ ไม่ใช่เจียงอวี่
ชีวิตในชาติก่อนก็คือ ชีวิตในชาติก่อน ไม่มีอะไรต้องหลีกเลี่ยง
แม้จะไม่ใช่กรรม แต่ก็คือ พันธนาการพันผูกที่มิอาจลบล้างไปได้
ท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้หรอก ในชีวิตชาติก่อนของท่าน ท่านเป็นเพียงว่านเจียงอวี่ ศิษย์คนโตของหลินเจียงซานเหริน[1] ซึ่งรู้จักกันในนาม หลินเจียงเอ๋อร์
ท่านเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะในสายสืบสานของยอดเขาหยกน้อยที่สิ้นชีพไปตั้งแต่ยังเยาว์ และท่านอาจารย์ของข้าก็เป็นเพียงศิษย์น้องของท่านเท่านั้น”
จิ๋วอวี่ซือรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย นางกระซิบว่า “ขอบใจเจ้า…”
“ข้ายังกลัวว่า ท่านจะอายมากเกินไปที่จะพูดในสิ่งที่ท่านคิดอยู่ลึกๆ ในใจเพราะห่วงใยความรู้สึกของทุกคน” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไปบอกเรื่องนี้กับท่านอาจารย์”
“จริงๆ แล้ว…”
จิ๋วอวี่ซือลังเลที่จะกล่าว
หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วขึ้นและกล่าวว่า “อาจารย์อา ไม่เป็นไร ท่านโปรดพูดมาเถิด”
“ข้าคิดว่าศิษย์พี่ฉีหยวนก็ไม่เลวเช่นกัน เขาดูแลข้าอย่างดี และให้คำชี้แนะเรื่องปัญหาในการฝึกบำเพ็ญแก่ข้ามากมาย เขาจะชี้แจงทุกอย่างให้ข้าฟังอย่างอดทน…” จิ๋วอวี่ซือกล่าวพลางถอนหายใจเบาๆ
“ครั้งหนึ่งข้าเคยอยากจะโน้มน้าวใจตัวเองให้พัฒนาความคิดถึงโหยหาที่มีต่อศิษย์พี่ฉีหยวนเหล่านั้น ให้เกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทว่าหลังจากทุ่มเทพยายามอย่างหนักเช่นนี้มากว่ายี่สิบปี ในที่สุด ข้าก็รู้สึกว่า…”
“อย่างไรกัน?”
จิ๋วอวี่ซือกล่าวเบาๆ ราวเสียงยุงว่า “จะดีมากเพียงใดหากเขาเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตของข้าเอง”
ตึ้ง!
ข้าได้รับ ‘ไพ่พี่ชาย’ ในนามของท่านอาจารย์
หลี่ฉางโซ่วมองลงไปที่หินสัมผัสที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขาและพบว่า มันส่องแสงสีม่วง
เห็นได้ชัดว่า ขณะนี้มีคนมากกว่าหนึ่งหรือสองคนกำลังใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อสำรวจตรวจจับสถานที่นี้…
ในตอนนี้ เทพแห่งขุนเขาในท้องถิ่นนั้นน่าจะรู้แล้ว
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ
นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนถือจอกสุราเอาไว้ในมือและดื่มสุราต่อไปเรื่อยๆ เขาเงยหน้าขึ้นและกลืนมันลงไปโดยไม่ได้แตะต้องอาหารสองสามจานเล็กๆ น้อยๆ บนโต๊ะนั้นเลย
เมื่อครู่ที่ผ่านมานี้ เขายังคงเป็นเทพแห่งขุนเขาที่ยิ้มแย้มและบอกว่าเขาสบายดี!
เสียงเพลงโศกเศร้าดังขึ้นมาจากด้านข้าง บัดนี้ ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เป็นสีแดงก่ำ นางดึงเอ้อร์หูออกมาและบรรเลงท่วงทำนองเพลงคร่ำครวญเสียงต่ำและนุ่มนวลอ่อนโยน
จิ่วจิ่วที่รีบเข้าไปปลอบโยนฉีหยวน มองไปที่สุราเซียนชั้นเลิศที่น่าจะเป็นอาหารสำรองของเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
จิ่วจิ่วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลเล็กน้อย นางเพียงต้องการปลอบโยนเซียนจั๋วที่อยากเมามายเพื่อแลกกับสุราธรรมดา
หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ที่ด้านข้าง ในขณะนี้ เขารู้สึกอับจนหนทาง
เขาสามารถวางแผนทุกอย่างได้ ยกเว้นเรื่องความรักระหว่างชายหญิง
“ไม่ใช่ว่า เราไม่ได้พิจารณาถึงผลลัพธ์เช่นนี้มาก่อนนี่” จิ่วจิ่วกล่าว “ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของอวี่ซือ”
“ข้าต้องเคารพการตัดสินใจของอวี่ซือ!”
ฉีหยวนหน้าแดงและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ฉางโซ่ว ห้ามเจ้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!
ไม่ ไม่ถูกต้อง นักพรตเต๋าเฒ่าเช่นข้า ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”
“ท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่าท่านเศร้าใจ” หลี่ฉางโซ่วหยิบไหสุราขึ้นมาและดื่มมัน
ไม่ว่าอย่างไร ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็เมามายไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ลิขิตรักคงอยู่สามชาติสามภพ การกลับชาติมาเกิดใหม่ ไม่ใช่คนเฉกเช่นวันวานอีกต่อไป ท่านอาจารย์ ลืมมันไปเถิด”
“ข้าจะเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของนางอย่างแน่นอน ไม่สิ” ฉีหยวนเงยหน้าขึ้นมองพลางถอนหายใจแล้วกล่าว
“ข้าต้องเอาใจใส่ดูแลนางมากกว่าพี่ชายแท้ๆ ของนางเป็นร้อยเท่า ข้าต้องดูแลนางให้ดี!
จากนี้ไป ข้าจะสร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้องร่วมสายโลหิตกับนางเพื่อไม่ให้นางต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เมื่อนางต้องการหาคู่บำเพ็ญเต๋าในอนาคต”
จิ่วจิ่วพึมพำว่า “อืม อวี่ซืออุทิศตนทุ่มเทให้กับเต๋าจริงๆ ศิษย์พี่ฉีหยวน ท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมองไปที่เรือที่กำลังลอยอยู่ห่างจากสำนักไปห้าร้อยลี้แล้ว และมีลำแสงเซียนหลายสิบสายที่พุ่งมายังสำนักตู้เซียน
“อาจารย์ ท่านยังอยากมีคู่บำเพ็ญเต๋าอีกหรือไม่ขอรับ”
ฉีหยวนเงยหน้าขึ้นและกระดกสุราเข้าไปอึกใหญ่เต็มปาก ทันใดนั้น เขาก็แทบจะพ่นมันออกมา
“เจ้าเด็กบ้า เจ้าพูดจาไร้สาระอันใดออกมากันนี่!?!”
ฉีหยวนจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่วและถอนหายใจ “หัวใจของอาจารย์ได้ตายไปนานแล้ว ชีวิตนี้ข้าขอเพียงแค่ได้พบและอยู่กับศิษย์พี่หญิงของข้า วันนี้อาจารย์ได้ขจัดความคิดที่ไม่ควรมีอยู่ในหัวใจของอาจารย์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ในชีวิตนี้ เมื่อมีศิษย์คอยปกป้องคุ้มครอง ข้าก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบายไร้กังวลใดๆ ได้ แล้วจะมีอะไรไม่สวยงามให้ข้าพร่ำบ่นอีกหรือเล่า?
ทว่าบางทีในอีกพันปีข้างหน้า ก็ยากที่จะบอกได้ หัวใจของอาจารย์อาจจะจางหายไป แล้วกลับชาติมาเกิดใหม่และฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง!”
………………………………………………………………..
[1] หลินเจียงผู้ไร้ขอบเขต