ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 665 ธรรมดา (1)
บทที่ 665 ธรรมดา (1)
ดูสิ เกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่นานมานี้?
นอกเหนือจากความจริงที่ว่า ตี้จั้งได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างปัญหา มันเป็นการต่อสู้ตามปกติระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋า และสำนักบำเพ็ญประจิม
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว มีผู้ชนะและผู้แพ้ แต่ติดตามหลังมาอย่างใกล้ชิด
ประการแรก มีปัญหากับการแต่งงานของท่านอาจารย์ของเขา เทพีหนี่วาได้ดึงด้ายแดงให้กับเขา
คลื่นระลอกนี้ยังไม่ทันได้จบสิ้นลง จู่ๆ องค์เง็กเซียนก็ตัดสินใจลงมายังโลกมนุษย์เพื่อ ฝึกฝนตนเอง แสวงหาความสมบูรณ์แบบแห่งเต๋าใหญ่ และสัมผัสกับชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ และตายของสิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียน…
แม้หลี่ฉางโซ่วจะมีกลยุทธ์การต่อสู้ทั่วไปสำรองเพียงพอ แต่เขาก็รู้สึกปวดศีรษะไปกับเรื่องนี้ และทำอะไรไม่ถูก เขาไม่สามารถพร่ำบ่นในเรื่องนี้ได้
พวกมันล้วนไร้ประโยชน์ทั้งหมด!
เอ่อ แค่กๆ คนหนึ่งเกี่ยวข้องกับราชินีจอมปราชญ์ และอีกคนหนึ่งก็เป็นผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง ดังนั้นเขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้เลย
โชคดีที่ดูจากท่าทีแล้ว เรื่องที่อาจารย์ของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
แม้เรื่องขององค์เง็กเซียนจะใหญ่โต แต่พระองค์ก็รับฟังคำชี้แนะของเขาและเลือกแผนการที่ปลอดภัย มั่นใจได้มากกว่า
เขาตัดสินใจที่จะทำให้วิญญาณเทพลงมาจุติยังโลกมนุษย์
สิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนมีจิตวิญญาณมาแต่แรกกำเนิด หลังจากก้าวเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญ พลัง วิญญาณของพวกเขาสามารถกลายเป็นวิญญาณปีศาจ วิญญาณเซียน และก่อตัวเป็นปราณวิญญาณ
สิ่งมีชีวิตเซียนเทียน เฉกเช่นองค์เง็กเซียนนั้น เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นร่างเซียนปราณวิญญาณเมื่อพวกเขาเปลี่ยนร่าง
ส่วนใหญ่จะเรียกปราณวิญญาณของพวกเขาว่า วิญญาณเทพ เดิมที องค์เง็กเซียนได้วางแผนที่จะผ่านสังสารวัฏหกวิถีและเดินทางไปในโลกสักครั้ง
หลังจากประสบภัยพิบัติและได้รู้แจ้งแล้ว เขาก็จะคืนร่างที่แท้จริงขององค์เง็กเซียนทันทีและกลับคืนสู่ศาลสวรรค์
ทว่านั่นก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงเล็กน้อย ศาลสวรรค์จะมี ‘ช่วงวิกฤติ’ ที่จะขาดผู้ปกครองซึ่งเป็นแกนสำคัญเป็นเวลานานหลายสิบปี
หลังจาก “คำทัดทาน” ที่ไม่ได้ใช้แรงทุ่มเทพยายามนักของหลี่ฉางโซ่ว องค์เง็กเซียนก็ยอมรับข้อเสนอของหลี่ฉางโซ่วอย่างง่ายดาย
ต่อจากนี้ องค์เง็กเซียนจะแยกเสี้ยววิญญาณของเขาออก ปล่อยให้ตัวเองหลับลึก และใช้เสี้ยววิญญาณนี้สัมผัสกับความฝันที่แท้จริง
เมื่อเทียบกับแผนเดิมขององค์เง็กเซียน การทำเช่นนั้นไม่มีข้อเสีย และยังมีประโยชน์มากมาย
มีประโยชน์ทั้งหมดสี่ประการที่องค์เง็กเซียนมองเห็น
ประการแรก องค์เง็กเซียนสามารถตื่นขึ้นจากการหลับใหลเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ
ประการที่สอง แม้ว่าเรื่องที่เขากลับชาติมาเกิดและได้รู้แจ้งในโลกมนุษย์จะถูกเปิดเผยและมีคนพยายามฉวยประโยชน์จากมันเพื่อวางแผนทำร้ายเขา องค์เง็กเซียนก็จะไม่ได้เผชิญกับอันตรายใดๆ
ประการที่สาม มันเป็นความลับมากกว่า ซึ่งยากนักที่คนอื่นจะรู้ได้
ประการที่สี่ มันจะอธิบายได้ง่ายกว่า หากพระแม่หวังหมู่[1]ตรัสถามถึงขึ้นมา…
ทว่าแท้ที่จริงแล้ว มันมีประโยชน์ห้าประการ แต่น้อยคนนักที่จะคิดถึงประการที่ห้านี้ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วอาจไม่ต้องกังวลอะไรเลย
เขาต้องป้องกันไม่ให้ตัวตนขององค์เง็กเซียนเปลี่ยนไปจากทัณฑ์สังสารวัฏ
สำหรับองค์เง็กเซียนแล้ว สิบปีนั้น ถือว่าไม่ได้เป็นเวลานานนัก
องค์เง็กเซียนก็กระตือรือร้นและตื่นเต้นเช่นกัน เขาขอให้หลี่ฉางโซ่วรอสักพักและส่งยันต์หยกบินไปที่สระหยก
จากนั้น องค์เง็กเซียนก็ปิดผนึกหอสมบัติหลิงเซียวทันทีและประกาศต่อหน้าผู้คนว่า เขาได้รับข้อมูลเชิงลึกบางอย่างและต้องการทำความเข้าใจเต๋าสวรรค์
ต่อจากนั้นเขาก็สั่งให้แม่ทัพตงมู่ และเทพวารีเป็นเทพผู้ชอบธรรม มารวมตัวกันที่หอทงหมิงเพื่อหารือและจัดการในเรื่องเกี่ยวกับศาลสวรรค์
หากมีเรื่องเร่งด่วน พระแม่หวังหมู่ที่สระหยกจะสามารถตัดสินใจได้
องค์เง็กเซียนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามในการทำเช่นนั้น!
แม้แต่ในด้านของสำนักตู้เซียน ก่อนที่เผ่าชิงชิวและจิ้งจอกสาวเสี่ยวหลานจะจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ “ได้รับ” “แสงวิญญาณวิญญาณเทพ” ขององค์เง็กเซียนในศาลสวรรค์แล้ว และออกจากหอสมบัติหลิงเซียวที่เริ่มปิดผนึกตัวเอง…
มันไม่ยากเลยที่จะรู้ว่า องค์เง็กเซียนทรงตั้งตารอคอยเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว…
องค์เง็กเซียนอาจไม่สนใจเกี่ยวกับพลังบุญที่เรื่องนี้สามารถสร้างขึ้นมาได้
ทว่าหลี่ฉางโซ่วซึ่งเป็นเทพผู้ชอบธรรมในขั้นที่สาม ผู้ขาดแคลนบุญ แน่นอนว่า เขาต้องการสร้างบุญ และย่อมต้องใช้โอกาสนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแดนยมโลก และศาลสวรรค์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ไม่กี่สิบปีหลังจากนี้ เมื่อองค์เง็กเซียนเสด็จกลับมา หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงต้องการสร้าง “ข่าวใหญ่”
เขาได้คิดชื่อเรื่องเอานี้ไว้แล้ว — “องค์เง็กเซียนได้สัมผัสกับสังสารวัฏหกวิถี และความทุกข์ยากลำบากของสรรพชีวิตด้วยตัวเอง!”
เอ่อ ไฉนมันถึงดูเหมือนว่า พระองค์กำลังพยายามจะแสดงว่า พระองค์เป็นองค์เง็กเซียนที่มีพัฒนาการเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้ว และได้เวลาที่ควรจะเริ่มต้นการเดินทางของพระองค์เองได้แล้ว…
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ใส่แสงวิญญาณเอาไว้ในแขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง และควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับไปที่ตำหนักเทพวารีทันที
เพื่อความปลอดภัย เขารออยู่อีกราวครึ่งชั่วยามจนกระทั่งเมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนจินมาถึงศาลสวรรค์
ในเวลาต่อมา เขาก็เรียกอ๋าวอี่เพื่อให้คัดเลือกทหารกองทัพเรือเทียนเหอชั้นยอดจำนวนสามพันนายมาที่ตำหนักเทพวารี
เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ หลี่ฉางโซ่วได้วางวิญญาณขององค์เง็กเซียนเอาไว้ในกล่องหยกที่วิจิตรงดงาม
จากนั้นเขาก็จัดวางกฎห้ามมากมายล้อมรอบเอาไว้ก่อนจะเก็บมันไว้ในที่ปลอดภัย…
ก่อนที่อ๋าวอี่จะมาถึง หลี่ฉางโซ่วก็ได้เพ่งจิตสนใจไปที่สำนักตู้เซียนอีกครั้ง และเฝ้าดูพวกเผ่าชิงชิวขึ้นเรือเพื่อออกเดินทาง
เป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดไว้ แม้ด้ายแดงของจิ้งจอกสาวจะพันรอบรูปปั้นดินเหนียวของท่านอาจารย์ของเขาแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จะไม่มีวันพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนยังคงปฏิเสธจิ้งจอกสาวเสี่ยวหลานอย่างเด็ดขาด และคราวนี้เขาทิ้งระยะห่างและเต็มใจที่จะเป็นสหายกับนาง
จิ้งจอกสาวเสี่ยวหลานค่อนข้างตื่นเต้นในเรื่องนี้มาก
ดูเหมือนว่า นางจะต้องการสร้างกระท่อมและไปอาศัยอยู่ใกล้กับสำนักตู้เซียนเพื่อไปเยี่ยมสหายที่ดีของนางเมื่อใดก็ตามที่นางไม่มีอะไรจะทำได้ตลอดเวลา…
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะพัฒนาต่อไปอย่างไรในอนาคต
เขายังสงสัยว่ามีแผนการใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์และปีศาจทั้งหมด!
มารอดูกัน
“พี่ชาย! ข้าได้นำกองกำลังทหารของข้ามาที่นี่แล้ว!”
อ๋าวอี่ ซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินรีบเดินอย่างรวดเร็วมาจากด้านนอกตำหนักเทพวารีโดยแนบหมวกเกราะของเขาเอาไว้ใต้ซี่โครง
แม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ดูเหมือนหนุ่มน้อย แต่เขาก็มีความห้าวหาญ ดูเป็นวีรบุรุษได้หกส่วนแล้ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนและสะบัดแส้หางม้า เขายิ้มและกล่าวว่า “ไปกันเถิด ตามข้าไปที่แดนยมโลก”
อ๋าวอี่ประสานมือโค้งคารวะให้เขาอย่างสง่างาม และกล่าวรับคำ “ขอรับ!”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงองค์ราชินี