ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 666 ธรรมดา (2)
บทที่ 666 ธรรมดา (2)
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวอีกว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้ากลับไปที่ทะเลบูรพาใช่หรือไม่?
ข้าได้ขอยันต์หยกสำหรับเข้าหอทงหมิงเป็นพิเศษเอาไว้ให้เจ้า อย่าปล่อยให้น้องสะใภ้เฝ้าหออยู่คนเดียวเล่า”
“พี่ชาย!”
อ๋าวอี่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาพึมพำว่า “ข้าเพิ่งกลับไปเมื่อวาน และข้าจะกลับไปอย่างน้อยเดือนละครั้งขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาและยิ้ม เขาเดินเข้าไปในคืนที่ดวงดาวพร่างพรายในขณะที่เขากำลังจะแกล้งแหย่มังกรน้อยต่อไป จู่ๆ ก็มีร่างที่งดงามกระโดดออกมาจากด้านข้าง
“ท่านอาจารย์! ท่านกำลังจะทำอะไร? พาศิษย์ของท่านไปด้วยสิ!” เสียงของนางเหมือนเสียงเล่นสนุกสนาน และร่างของนางก็ดูเบาบาง
นางสวมกระโปรงสั้นสีฟ้าอ่อนและม้วนเส้นผมสีดำเอาไว้เล็กน้อย
นางยังสามารถเข้าและออกจากตำหนักเทพวารีได้ตามต้องการ… จะเป็นผู้ใดไปได้อีกเล่า นอกจากองค์หญิงหลงจี๋?
ข้ากำลังจะทำอะไรหรือ?
คำตอบนั้นง่ายมาก นั่นคือ ส่งบิดาของเจ้าไปสู่สังสารวัฏน่ะสิ
ส่วนคำตอบอย่างละเอียดคือ ใส่วิญญาณของบิดาของเจ้าเอาไว้ในกล่องเล็กๆ และส่งไปยังแดนยมโลกเพื่อเข้าสู่สังสารวัฏและสัมผัสกับชีวิตของมนุษย์!
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ข้ามีบางอย่างที่ต้องออกไปทำข้างนอก เจ้ามีปัญหาอะไรที่ไม่เข้าใจหรือไม่”
“เช่นนั้น ข้าจะรอท่านอาจารย์กลับมาก่อน และค่อยขอรับคำชี้แนะจากท่าน”
หลงจี๋ตอบสนองกลับพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างรวดเร็ว
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วบอกว่าเขามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำ นางก็หยุดพูดว่า นางจะไปกับเขาแล้ว
นั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจ
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขอให้หลงจี๋เล่นอยู่ในตำหนักเทพวารีเอง จากนั้นเขาก็รีบออกไปจากที่พำนักพร้อมกับอ๋าวอี่ทันที
มีทหารสวรรค์สามพันนายคนเรียงแถวยาวเป็นสี่แถว และอ๋าวอี่ก็ได้เชิญหลี่ฉางโซ่วให้ขึ้นสู่รถม้าที่งดงามโดยมีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังสองตัวลากรถม้า
บรรดาทหารสวรรค์ต่างเปิดทางให้ และเหล่าแม่ทัพสวรรค์ก็ตามพวกเขาไป โดยไม่มีผู้ใดหยุดพวกเขาและรถม้าที่ผ่านประตูสวรรค์ไป
เขาดูเหมือนขุนนางธรรมดาจริงๆ
หลังจากออกจากประตูสวรรค์บูรพาและข้ามทะเลบูรพาอันกว้างใหญ่ ทหารสวรรค์แต่ละคนก็ได้เปิดใช้งานพลังเซียนของพวกเขา
มันดูเฉกเช่นเดียวกับเหล่ามังกรครามขาวที่เคลื่อนตัวลงมาจากเสาสวรรค์จนสุดทาง พวกเขาได้ติดตามมาตลอดและบุกเข้าสู่แดนยมโลกไปด้วยกัน
การเดินทางนั้นรวดเร็วปานสายฟ้า พร้อมกับหมู่เมฆที่ลอยสูงขึ้น และมีหมอกเคลื่อนติดตามมา
มันดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมาก และยังทำให้บรรดาผู้เป็นเซียนที่กำลังรีบเร่งไปยังแดนยมโลกเพื่อทำงาน ต่างพูดคุยกันถึงเรื่องนี้มากมาย
เมื่อพวกเขามาถึงนอกประตูหลักของเมืองเฟิงตู ทหารแห่งแดนยมโลกกลุ่มหนึ่งก็เดินออกไปข้างหน้าและหยุดรถม้าของศาลสวรรค์อย่างสุภาพ
เมื่อพวกเขาพบว่า ในรถม้านั้นคือเทพวารี พวกเขาก็หลีกทางให้และรีบกลับไปรายงานข่าวที่เมืองเฟิงตูทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วทั้งเมืองเฟิงตูก็คึกคักมีชีวิตชีวา
ในเวลานั้น จ้าวแห่งแดนยมโลกจากตำหนักทั้งสิบก็ได้มารวมตัวกันและรออยู่ที่ประตูเมือง
ผู้พิพากษาสามสิบคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดจากผู้พิพากษาสามพันคนแห่งแดนยมโลกได้มาถึงแล้ว และมีทหารและแม่ทัพแห่งแดนยมโลกอีกจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
หัววัวและหน้าม้า ผู้ช่วยที่ดีของเทพวารี ซึ่งเป็นตัวแทนของเผ่าเวทแห่งแดนยมโลก และมีความสัมพันธ์สนิทลึกซึ้งที่สุดกับเทพวารี ได้รับมอบหมายให้อยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัดสะดุดตา
พวกเขาจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างบรรยากาศหลังจากนี้
ต่อจากนั้นเส้นทางเข้าสู่เมืองเฟิงตูก็ถูกปิดผนึก และบรรดาเซียนที่มาทำงานยังแดนยมโลกก็ได้รับคำสั่งว่า อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้
ทหารสวรรค์เป็นผู้เปิดทางในขณะที่ทหารแห่งแดนยมโลกหลีกทางให้พวกเขา
จากนั้นรถม้าก็หยุดและแม่ทัพสวรรค์ก็มารายงาน
อ๋าวอี่กล่าวเสียงดังว่า “เรียนท่านเทพวารี พวกเรามาถึงระยะห่างออกไปสิบลี้นอกเมืองเฟิงตูแล้วขอรับ!”
ในรถม้านั้น หลี่ฉางโซ่เก็บแผ่นหยกที่เขาอ่านในมือของเขาและจัดแจงเสื้อคลุมสีขาวของเขาให้เรียบร้อย
จากนั้นเขาก็ถือแส้หางม้าและก้มศีรษะลงเพื่อออกจากรถม้า แล้วโค้งคำนับให้เมืองเฟิงตูจากระยะไกลทันที
“ให้กองทหารรออยู่ที่นี่ ดินแดนสังสารวัฏคือ สถานที่ที่ต้าเต๋อโฮ่วถู่อยู่ อย่าสร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับแดนยมโลก”
“ขอรับ!”
อ๋าวอี่ประสานมือคารวะและรับบัญชา จากนั้นเขาก็สั่งให้ทหารสวรรค์สามสิบนายติดตามหลังหลี่ฉางโซ่วและขี่เมฆมุ่งหน้าไปทางเมืองเฟิงตูด้วยกัน
พวกเขาทักทายกันเล็กน้อยและโค้งคำนับให้กันที่หน้าเมือง
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มและกล่าวตรงไปที่ประเด็นทันที
“ในครั้งนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างจะหารือกับคนแห่งแดนยมโลก โปรดหาสถานที่ที่เงียบสงบให้พวกเราได้พูดคุยรายละเอียดกันเถิด”
“เทพวารี เชิญ!”
ราชาฉินก่วงจัดการทันที เขาสั่งให้เหล่าภูตผีทั้งผีใหญ่และผีน้อยแห่งแดนยมโลกแยกย้ายกันไป
จากนั้นจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบร่วมกับหัววัวและหน้าม้า ก็พาหลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่ไปที่ตำหนักจ้าวแห่งแดนยมโลก
เมื่อพวกเขามาถึงตำหนัก ราชาฉินก่วงก็ยืนกรานให้หลี่ฉางโซ่วนั่งลง ซึ่งแน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วปฏิเสธ
เหตุผลที่เจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกแสดงความเคารพเขามากด้วยวิธีเช่นนั้น ประการแรกเป็นเพราะพวกเขาจะขอความช่วยเหลือจากศาลสวรรค์
ประการที่สอง เนื่องจากเรื่องการสู้รบที่ภูเขาเหยาเซิง และหลี่ฉางโซ่วยังได้ช่วยจัดการแก้ไขอันตรายจากการสูญพันธุ์ของเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดร
จ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสิบมีสถานะสูงในเต๋าสวรรค์ หลี่ฉางโซ่วชั่งน้ำหนัก วัดความสำคัญของตัวเองในลักษณะที่มั่นคงที่สุดเสมอ
หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้หินที่จ้าวแห่งแดนยมโลกเพิ่งสั่งให้คนเคลื่อนย้ายมา จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองไปรอบๆ และกล่าวออกมาอีกครั้ง
“อ๋าวอี่ เจ้านำทหารสวรรค์มาคุ้มกันด้านนอกตำหนักด้วยเถิด”
เมื่อราชาฉินก่วงได้เห็นเช่นนั้น เขาก็กล่าวต่อทันทีว่า “นอกจากจอมทัพหัววัวและหน้าม้าแล้ว ทหารยามทั้งหมด จงถอยไป!”
ในขณะนั้น เจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกและทหารสวรรค์ในตำหนักก็ล่าถอยไป ทำให้โถงตำหนักอันโอ่อ่าและมืดสลัวเล็กน้อยนี้พลันว่างเปล่า
“แค่กๆ!” หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอในลำคอ
ในขณะนั้น จ้าวแห่งแดนยมโลกแห่งตำหนักที่สิบซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง รวมถึงหัววัวและหน้าม้าที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาและไม่กล้าพูดอะไร ต่างก็โน้มตัวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกเขากลัวว่าจะพลาดคำพูดของหลี่ฉางโซ่ว
“ทุกคน พวกท่านไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวต่อว่า “จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแดนยมโลกหรอก”
ราชาฉินก่วงยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องที่เทพวารีสั่งการ จะยากเพียงใดกัน? ไม่ว่าอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นเรื่องสำคัญ!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงว่า มันยังทำให้กองเกียรติยศแห่งศาลสวรรค์ต้องเคลื่อนไหววุ่นวายเช่นนี้!” ราชาอู่กวนยิ้มพลางประสานมือคารวะ
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “เรื่องของดินแดนเทวะอุดรที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดนี้ พวกเราล้วนต้องขอบคุณเทพวารีที่ช่วยจัดการ
พวกเราไม่รู้จะตอบแทนคุณท่านอย่างไรจริงๆ หากเป็นเรื่องที่เทพวารีร้องขอ พวกเราก็จะทำให้ดีที่สุด”
………………………………………………………………..
—————————–