ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 684 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (5)
บทที่ 684 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (5)
สายลมที่สัมผัสได้ในระหว่างทางที่มาที่นี่…
“ข้ารู้แล้ว”
แสงในดวงตาของโหย่วฉินเสวียนหย่าฉายประกายวิบวับ นางยกมือซ้ายขึ้นเบาๆ และนิ้วกระบี่ของนางก็กลายเป็นนิ้วกล้วยไม้[1]
และกระบี่เซียนสิบหกเล่มก็พลิ้วไหวมาพร้อมกับสายลม พวกมันหมุนวนไปรอบนิ้วของนางสองรอบ และทันใดนั้นพายุหมุนรุนแรงในแนวราบ ก็พัดขึ้นต่อหน้านาง!
ปลายกรวย[2]พายุหมุนอยู่ที่ปลายนิ้วของนาง และที่ปลายอีกด้านหนึ่ง[3]ก็ขยายเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบจั้ง แล้วกลืนกินงูหลามยักษ์สีแดงดำนั้นเข้าไปทันที!
หลังจากนั้น กระบี่ก็พุ่งเข้าไปในสายลม!
แสงกระบี่ปั่นวนไปในสายลม และงูเหลือมยักษ์ที่ดุร้ายก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ไปในพริบตา
จากนั้นพายุหมุนก็แตกระเบิด แล้วกระจายกลายเป็นลมกระโชกแรง กวาดพัดไปทั่วทุกทิศทาง…
“กระบี่!”
สตรีที่สวมหน้ากากพลันตื่นตระหนก!
ในขณะนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็รีบพุ่งร่างออกไปได้หนึ่งร้อยจั้งตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้แล้ว!
โหย่วฉินเสวียนหย่าโน้มกายไปข้างหน้า และชี้กระบี่ออกไปด้วยมือขวา ดวงตาของนางฉายแววเพียงความมุ่งมั่นออกมาเท่านั้น
และก่อนที่นิ้วกระบี่ของนาง และกระบี่บินจะได้เชื่อมต่อกัน มันก็กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงสีส้ม!
“รวมตัว!”
สายลมพัดพุ่ง และเปลวเพลิงลุกโชน!
ทันใดนั้น ร่างที่ดูเหมือน ‘เชื่องช้า’ ของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ลอยอยู่เหนือมันขณะที่กระบี่ใหญ่ก่อตัวขึ้น ความเร็วของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ก่อนที่นางจะพุ่งตัวออกไปข้างหน้า นางก็กลายเป็นดั่งอุกาบาตเพลิงในชั่วพริบตา และพุ่งตรงเข้าใส่สตรีร่างบางที่สวมหน้ากากแล้ว!
ไร้เจตนาสังหารหรือความเกลียดชังเป็นพิเศษใดๆ
มีเพียงความมุ่งมั่นที่ไม่สั่นคลอนและรอยแห่งความสิ้นหวังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในส่วนลึกเท่านั้น
ในขณะนั้นสตรีชุดดำที่สวมหน้ากากก็เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่า นางจะล้มเลิกการต่อต้านทั้งหมดแล้ว
ในยามนั้น ยานเคลื่อนย้ายสีดำพิเศษก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง และนางก็โยนมันลงง่ายๆ ไปที่สตรีหลายสิบคนซึ่งได้รับการปกป้องจากแสงเซียนเบื้องล่าง…
โหย่วฉินเสวียนหย่ามีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที และหัวใจเต๋าของนางก็สั่นไหว บัดนี้นางได้หลุดพ้นจากความรู้สึกลึกลับที่นางเคยมีมาก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อกระบี่ใหญ่อยู่ห่างจากสตรีผู้สวมหน้ากากไปได้เพียงไม่ถึงสามจั้ง ทันใดนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ปล่อยกระบี่ใหญ่ไล่ล่าตามสตรีผู้นั้นไปอย่างไม่ลังเลใดๆ ทันที
สตรีผู้สวมหน้ากากพยายามหลบหลีกไปทางด้านข้างอย่างสุดความสามารถ แต่กระบี่ใหญ่นั้นก็ยังฟาดฟันผ่านไหล่ของนาง
ร่างของนางปลิวกระเด็นลอยไปข้างหลัง และนางก็เกือบจะถูกกระบี่ใหญ่ผ่าแยกครึ่งร่างออกจากกันแล้ว
ทว่าคนผู้นี้ก็ยังคงอาศัยอุบายของตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีร้ายแรง
ในอีกด้านหนึ่ง ขณะที่โหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งกำลังไล่ตามยานเคลื่อนย้ายสีดำอยู่นั้น นางก็คว้ามันเอาไว้ในขณะที่มันกำลังจะตกลงบนพื้นดินแล้ว
ขณะนั้น ก็มีรอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นผิวยานเคลื่อนย้ายสีดำ
ทว่าในครั้งนี้ มันไม่ได้ระเบิดด้วยหมอกพิษ แต่มันกลับพ่นเปลวไฟสีดำสนิทออกมาแทน
ตูม!
ทันใดนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ถูกเปลวเพลิงสีดำกลืนกิน และในขณะนี้เงาดำจำนวนมากที่ล้อมรอบกำแพงแสงเซียนก็ถอยห่างกลับไปทางรอบนอกเช่นกัน…
ในแสงเซียนด้านล่าง สตรีผมขาวก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเหตุการณ์นี้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังในขณะที่นางร้องตะโกนออกมาอย่างโศกเศร้า
“เสี่ยวหยา!”
“ลูกข้าอยู่ที่ใด!?! ลูกข้าอยู่ที่ใด!?!”
ที่ใต้ดิน หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ในแนวชั้นหินและเงยหน้าขึ้นมองภาพเหตุการณ์นั้น เขายังคงเงียบงันไปครู่หนึ่งเช่นกัน
เปลวเพลิงสีดำค่อยๆ สลายไป จากนั้นข่ายอาคมพลังเซียนด้านล่างก็สั่นไหวเบาๆ และไม่อาจทนยืนหยัดอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว
ในเปลวเพลิงนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ค่อยๆ ร่อนลงมาช้าๆ นางถูกล้อมรอบไปด้วยแสงเซียนสีฟ้า
บัดนี้ชุดสีฟ้าเย็นยะเยือกของนางเต็มไปด้วยรอยรูไหม้เกรียม แล้วแสงเซียนรอบกายนางก็ดึงเอาพลังเซียนที่นางมีเหลือเพียงเล็กน้อยไป
โหย่วฉินเสวียนหย่าพยายามปรับร่างกายของนางอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง นางต้องการจะยืนขณะร่อนลงบนพื้น ทว่าเท้าของนางก็ไม่มั่นคง ในขณะนั้นนางจึงคุกเข่าลงต่อหน้าสตรีชรา…
“พระมารดา”
สตรีชราจับข้อมือของหญิงสาวด้วยมือซ้ายในขณะที่มือขวาของนางสั่นเทาเมื่อยกมันขึ้นและยื่นไปทางใบหน้าด้านข้างที่ซีดเซียวและอ่อนแอของโหย่วฉินเสวียนหย่า
“เสี่ยวหยาเด็กโง่ ไยเจ้าจึงกลับมาที่นี่?”
ดวงตาของโหย่วฉินเสวียนหย่าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางเม้มปากแล้วส่ายศีรษะ
ในขณะนั้น เสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ร้องตะโกนอยู่บนท้องฟ้าแล้ว และเงาดำจากทั่วทุกทิศทางก็เข้าปิดล้อมรอบกายพวกนาง
โชคดีที่ในขณะนี้ เหล่าเซียนซึ่งลอบโจมตีและไล่ล่าโหย่วฉินเสวียนหย่าในคราแรกนั้น ไม่ได้ก้าวออกไปข้างหน้า
บัดนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าได้กลืนโอสถไปสองเม็ด แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นนางก็แบมือขวาและเปลี่ยนกระบี่ใหญ่ของนางเป็นกระบี่บินเพื่อจัดการศัตรู
นางยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงต่อหน้ามารดาและพี่สะใภ้ใหญ่ของนาง นางค่อยๆ ยืดหลังให้ตรงและเงยหน้ามองไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง
“กระบี่!”
เสียงของนางแหบแห้งเพราะอ่อนแอ ทว่ากระบี่บินยังคงสั่นและกลายเป็นลำแสง ขับไล่ร่างต่างๆ ที่กำลังรีบพุ่งข้ามมาเหล่านั้นให้ล่าถอยกลับไป
“ไปให้พ้นทั้งหมด!”
ทันใดนั้น สตรีในชุดสีดำที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้บินกลับมาอีกครั้งและกัดฟันก่นด่าออกมา
นางหยิบหม้อไม้ออกมาจากหน้าอกของนาง แล้วเทแมลงพิษสีดำสนิทออกมา และแมลงพิษเหล่านี้ก็ขยายขนาดกลายเป็นขนาดเท่าอีกาในพริบตา และโจมตีโหย่วฉินเสวียนหย่าทันที
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าแทบไม่อาจใช้มือทั้งสองข้างของนางสร้างผนึกขึ้นมาได้
นางหันกลับมากอดมารดาและพี่สะใภ้ใหญ่ของนางในขณะที่กระบี่บินทั้งสิบหกเล่มได้บินวนรอบตัวนางอย่างรวดเร็ว และล้อมรอบสตรีราวสิบกว่าคนเหล่านั้นเอาไว้ในระยะรัศมีสามฉื่อจากร่างของนางโดยตรง
แต่ดูเหมือนว่า แมลงพิษจะมีร่างที่หลอมมาจากเพชร พวกมันไม่ได้รับความเสียหายจากกระบี่บินเลย
กระบี่บินเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วยิ่งเพื่อสร้างแนวป้องกันที่สกัดกั้นแมลงพิษหลายร้อยตัวได้
………………………………………………………………..
[1] เป็นกระบวนท่าวาดมือไม้จีบนิ้ว หรือกรีดกรายนิ้วให้ดูอ่อนช้อยแต่งามสง่าโดยใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสหรือจีบกับนิ้วกลาง
[2] ปลายด้านล่างที่มีลักษณะแหลมของพายุหมุน
[3] ปลายด้านบนของพายุหมุน