ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 715 ความปรารถนาที่จะปลดพันธนาการ (1)
บทที่ 715 ความปรารถนาที่จะปลดพันธนาการ (1)
ข้าควรช่วยอย่างไร?
หลี่ฉางโซ่วคิดได้สองสามวิธี
เขายกเอาเรื่องราว “ครบวงจร” ของราชินีหนี่วามาเป็นตัวอย่างหนึ่ง
หากตัวเอกที่กระตือรือร้นกระโจนออกมาและพาร่างจำแลงแห่งความเศร้าที่ทรุดโทรม เศร้าโศก และสิ้นหวังขึ้นมาทันทีในขณะที่ร้องตะโกนว่า “มีคนห่วงใยเจ้า”…
บางที…
ไม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผลลัพธ์ก็คือ สหายผู้นั้นจะต้องถูกหลอมรวมเข้ากับร่างจำแลงแห่งความเศร้าของราชินีโฮ่วถู่โดยตรง!
ตัวตนเศร้าโศกนี้ ยังมีขอบเขตเต๋าของราชินีโฮ่วถู่ แม้เขาไม่รู้แน่ชัดถึงพลังการต่อสู้ และเมื่อตัดสินจากสถานการณ์ของนางแล้ว นางก็ไม่อาจต่อสู้กับผู้อื่นได้
ยิ่งไปกว่านั้น นางก็เป็นคนประเภทที่จะไม่ต่อต้านขัดขืนแม้จะถูกสังหาร…
ทว่าขอบเขตเต๋าของนางและอักขระเต๋าที่นางปล่อยออกมานั้น ก็อยู่ในระดับของร่างที่ทรงพลังแข็งแกร่งอย่างจริงแท้แน่นอน!
ภายใต้การสนับสนุนของขอบเขตเต๋า ร่างจำแลงแห่งความเศร้านั้น อาจทำให้สิ่งมีชีวิตสะท้อนการพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปกับความเศร้าโศกอย่างล้ำลึกตลอดเวลา
มันเปรียบได้กับพลังเวทซึ่งทรงพลังแข็งแกร่งที่เข้ามาโจมตี ทำร้ายจิตใจโดยตรง!
สิ่งที่ยากลำบากที่สุดก็คือ ไม่มีผู้ใดแน่ใจได้ว่า ร่างจำแลงแห่งความเศร้าจะมีผลอย่างไรต่อแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีและตัวราชินีโฮ่วถู่เอง…
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้อะไรเลยจากการติดต่อนี้
บุคลิกแห่งความเศร้าของราชินีโฮ่วถู่เต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบ ความสิ้นหวัง และอารมณ์จิตนิยม[1] ทว่าก็ไม่ได้สิ้นหวังไปเสียทั้งหมดทีเดียว
หลี่ฉางโซ่วได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายจากการสนทนาเมื่อครู่นี้…
ประการแรก นางหวังว่าจะมีใครสักคนสามารถเกลี้ยกล่อมให้นางปราศจากความเศร้าโศกอันไร้ที่สิ้นสุดได้
ประการที่สอง ความเศร้าน้อยสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตได้ และมีแนวโน้มจะเป็นคนช่างพูดเล็กน้อย
ประการที่สาม ร่างจำแลงแห่งทั้งเจ็ดอารมณ์นั้น ได้รับผลกระทบจากบุคลิกของราชินีโฮ่วถู่อย่างชัดเจน มันไม่ใช่เป็นเป็นเพียงแค่การรวมตัวของความเศร้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว การเผชิญหน้ากับความเศร้าก็คือ การเผชิญหน้ากับราชินีโฮ่วถู่ มันเป็นเพียงรูปแบบของราชินีโฮ่วถู่ที่แยกอารมณ์เศร้าออกมาเพียงอย่างเดียวล้วนๆ เท่านั้น
ข้าควรจะทดสอบฝีปากดูดีหรือไม่?
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ปัดความคิดนั้นออกไปในทันทีโดยไม่ต้องคิด
เต๋าสวรรค์ และเหล่าจอมปราชญ์จะไม่ทำลาย “การเชื่อมต่อครอบจักรวาลและการพัฒนานิจนิรันดร์” ในโลกบรรพกาลโดยตรงหรอกหรือ?
‘สตรีแห่งความเศร้า’ ของโฮ่วถู่นี้ อืม…
ใช่ ข้าขอเรียกสั้นๆ ว่า ‘ความเศร้าน้อย’
เขาต้องการให้ความเศร้าน้อยนี้มีความหวังและปล่อยให้นางหลุดพ้นจากก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวัง
บางทีเขาอาจต้องอาศัยชุดมังงะเลือดร้อนของเขาในการค้นหากลุ่มอารมณ์เร่าร้อนเพื่อเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าและพังทลายของนาง
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง
“ฉางเกิง เหตุใดเราไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป”
ในขณะนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ได้เริ่มกล่าวขึ้นมาว่า “อย่าฝืนตัวเองเลย”
เวลานี้พวกเขาอยู่ที่ด้านล่างสุดของนรกขุมที่สิบแปด นอกค่ายกลใหญ่สี่สิบเก้า
ราชาฉู่เจียงและราชาฉินกวงซึ่งกำลังเช็ดน้ำตาป้อยๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดอยู่ข้างๆ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วพวกเขาก็รีบวิ่งไปและร้องไห้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาเคยได้รับผลกระทบจากความเศร้าน้อยมาก่อนและยังไม่ฟื้นตัว
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่! เทพวารี! พวกท่านไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้!”
“บรรพบุรุษได้ทำเพื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ มามากมาย และตอนนี้นางก็กำลังถูกทรมาน แล้วไฉนจึงไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนาง…
เฮ้อ บรรพบุรุษ ท่านช่างน่าสงสารจริงๆ! ข้าไม่อยากอยู่เช่นนี้ต่อไป!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจรับได้เมื่อเขาเห็นจ้าวแห่งแดนยมโลกผู้สง่างามอย่างยิ่งทั้งสองจาก แดนยมโลกทุบหน้าอกและกระทืบเท้า
“ศิษย์พี่ เราลองกันอีกครั้งเถิดขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและเสื้อคลุมสีขาวบนร่างของเขาก็พลิ้วไหวไปมาเบาๆ
“ข้าอยากรู้ว่า ในเวลานี้ ราชินีโฮ่วถู่อยู่ในสถานะใด จากนั้นข้าจึงจะตัดสินใจได้ว่า ข้าจะสามารถช่วยนางได้หรือไม่…”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างจริงจังว่า “ดี เช่นนั้น เจ้าและข้า พวกเรามารวมกำลังกันเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี”
“ขอบคุณศิษย์พี่ขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋าให้ในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและโบกมือ ดวงตาของเขาเจิดจรัสชัดเจน
ราชาฉู่เจียงและราชาฉินกวงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขารีบเช็ดน้ำตาและระงับอารมณ์แปรปรวน จากนั้นพวกเขาก็โค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้ง
“พวกท่านทั้งสองโปรดนำทาง” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “โปรดชี้แจงถึงสถานการณ์ในสังสารวัฏหกวิถีให้เราฟังอย่างละเอียดด้วยเถิด”
“เทพวารีโปรดวางใจ พวกเราจะบอกทุกสิ่งที่พวกเรารู้ทุกอย่างกับท่านอย่างแน่นอน
มีสิ่งมีชีวิตเพียงสามหรือสี่ชีวิตเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ในแดนยมโลก
ในสังสารวัฏหกวิถี พวกเราสามารถเห็นบรรพบุรุษของพวกเราได้ตลอดเวลา แต่พวกเราไม่อาจติดต่อท่านบรรพบุรุษได้จริงๆ
พวกเราทำได้เพียงติดต่อกับร่างจำแลงแห่งความชั่วร้ายของท่านบรรพบุรุษเท่านั้น…”
หลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์ถ้อยคำคำต่อคำในขณะที่เขาฟังราชาฉินกวงอธิบายเบาๆ และเขายังพออนุมานได้เช่นกันว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่
โดยพื้นฐานแล้ว มันคล้ายกับที่เขาได้ยินมาจากจอมปราชญ์หนี่วา
ในขณะนั้น ราชินีโฮ่วถู่กำลังพยายามจะปราบปรามร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดอย่างสุดความสามารถเพื่อป้องกันเหล่าร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดไม่ให้แผลงฤทธิ์บ้าคลั่ง
ความเศร้าเป็นร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดที่เกิดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก แม้มันจะมีขอบเขตเต๋าที่ทรงพลัง แต่เนื่องจากอารมณ์ของมันเอง มันจึงเศร้าโศกอย่างยิ่งจนไม่ต้องการเคลื่อนไหวใดๆ
ดังนั้น ราชินีโฮ่วถู่จึงช่วยมันให้ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องฟุ้งซ่านเพื่อกำราบมันเอาไว้
นางได้ส่งแผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีและกำราบมันไว้ภายใต้นรกขุมที่สิบแปดโดยตรง
มันน่าอัศจรรย์มากทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ออกจากนรกขุมที่สิบแปดและรีบุ่งไปที่ด้านข้างของสังสารวัฏหกวิถี จากนั้นพวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่หลี่ฉางโซ่วเคยไปก่อนหน้านี้
ราชาฉู่เจียงสั่งให้เจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกเฝ้าอยู่ที่นั่นอย่างเคร่งครัด และห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ หากไม่มีคำสั่งของจ้าวแห่งแดนยมโลก
จากนั้น ราชาฉินกวงและราชาฉู่เจียงก็โค้งคำนับที่ด้านหน้าแล้วร้องตะโกนว่า “ท่านบรรพบุรุษ เป็นพวกเราเอง! สหายเต๋าสองคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมาเยี่ยมแล้วขอรับ!”
ในขณะนั้นก็มีลำแสงสี่สายพุ่งเข้าใส่และห่อหุ้มหลี่ฉางโซ่ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสองเอาไว้พร้อมๆ กัน
ทันใดนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว และดึงหลี่ฉางโซ่วไป ภายใต้สายตาจ้องมองที่ตกตะลึงของจ้าวแห่งแดนยมโลกทั้งสอง พวกเขาไม่ได้ถูกเสาแห่งแสงนั้นเอาตัวไป
………………………………………………………………..
[1] ความรู้สึกที่เชื่อว่าจิตเท่านั้นที่เป็นความจริงแท้สูงสุด และวัตถุนั้นเป็นเพียงสิ่งที่จิตกำหนดขึ้น หรือเป็นเพียงมโนภาพ โดยให้ความสำคัญแก่ความคิดมากกว่าข้อเท็จจริง