ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 726 การจัดทัพสุดยอดปรมาจารย์ (2)
บทที่ 726 การจัดทัพสุดยอดปรมาจารย์ (2)
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าลุกขึ้นยืน ใบหน้าอวบอิ่มเล็กน้อยของเขาเผยความสูงส่งสง่างาม
“ข้าจะรวบรวมศิษย์น้องทั้งชายและหญิงของข้าทั้งหมดเพื่อไปช่วยเหลือที่แดนยมโลก!”
“ศิษย์พี่ ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว
“ประการแรกคือ ท่านเปิดเผยเรื่องนี้กับโลกภายนอกไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงต่างตื่นตระหนกหรือถูกผู้อื่นวางแผนร้าย
ประการที่สอง การสะท้อนแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดเป็นเรื่องยากลำบากมาก เมื่อศิษย์พี่และข้าเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี สิ่งที่พวกเราต้องเผชิญก็มีเพียงความชั่วร้ายและความปรารถนาเท่านั้น
พวกเราทำได้เพียงอาศัยแผนภาพไท่จี๋และการปกป้องของเจดีย์เสวียนหวงเท่านั้น จึงเอาตัวรอดออกมาได้
หากผู้ที่เข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถีมีหัวใจเต๋าที่ผิดปกติ พวกเขาก็จะถูกร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดใช้ประโยชน์!”
“มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องนี้ได้”
ทันใดนั้นเทพธิดาจินหลิงก็ลุกขึ้นยืน และชุดกระโปรงสีทองของนางก็ส่งเสียงดังพรึ่บขึ้น
นางกล่าวว่า “ไว้พวกเราค่อยพูดถึงส่วนที่เหลือของเรื่องนี้ในระหว่างทาง พวกเราไปที่แดนยมโลกกันก่อนเถิด”
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและกล่าวว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าอยากใช้พลังของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเพื่ออำนวยความสะดวกด้วย ศิษย์พี่ตั๋วเป่า ขอท่านโปรดอ่านสารฉบับนี้ด้วยเถิดขอรับ”
ขณะกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็ใช้พลังเซียนผลักยันต์หยกออกไป และนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ยกมือขึ้นรับเอาไว้ แล้วอ่านมันอย่างระมัดระวัง
เขาแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ให้… จินกวง?
“ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ!”
เทพธิดาจินกวง ซึ่งกำลังมีงานเลี้ยงเลิกราที่นี่ ลุกขึ้นยืนทันทีและตอบรับคำพลางรับยันต์หยกที่ตั๋วเป่าผลักไปให้
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเตือนว่า “เจ้าเพียงทำตามที่ฉางเกิงขอเท่านั้น ภายในสามวัน จงแพร่กระจายข่าวออกไปทั่วทั้งสามอาณาจักรและสำนักเซียนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยของเราด้วย
หากมีเรื่องที่สำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ไม่ได้ให้ความเคารพตามกำหนดเวลา ก็จงนำตำราวิชาการฝึกบำเพ็ญของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยในสำนักของเขากลับคืนมา!
ฉางเกิงแทบไม่ค่อยร้องขอความช่วยเหลือใดๆ เรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน ดังนั้น เจ้าต้องไม่ละเลยมัน”
เทพธิดาจินกวงโค้งคำนับน้อมรับคำสั่งทันที
“เจ้าค่ะ! ขอศิษย์พี่ใหญ่โปรดอย่ากังวลเจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสามคน โปรดไปที่แดนยมโลกทันที ตาอจากนี้ จะมีศิษย์พี่จากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานอีกสองสามคนมาเข้าร่วมกับพวกเรา นี่เป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น”
“ในท้ายที่สุดแล้ว ก็มีบางอย่างที่ต้องทำ ทำให้ต้องรวบรวมพลังของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า” จ้าวกงหมิงถอนหายใจเบาๆ และโค้งคารวะเต๋าให้เทพธิดาจินกวง และเทพธิดาจินกวงก็โค้งคำนับคืนให้เฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็ถือว่า เป็นการสิ้นสุดประสบการณ์ทางอารมณ์นี้แล้ว
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเปิดถ้ำใกล้ๆ และกล่าวว่า “ไปกันเถิด”
จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในถ้ำดินอย่างสง่างาม
เมื่อจ้าวกงหมิง และเทพธิดาจินหลิง เข้าไปในถ้ำทีละคน ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับให้เหล่าเซียนคนอื่นๆ แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย จากนั้นเขาก็รีบออกจากถ้ำเซียนอู้หยุน และรีบไปที่เกาะซานเซียน
แน่นอนว่า เขาจะต้องไปเชิญเทพธิดาอวิ๋นเซียวด้วย
ในด้านของการฝึกบำเพ็ญทางจิตใจ อวิ๋นเซียวอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในบรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แต่แท้ที่จริงแล้ว นางคือ ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่หลี่ฉางโซ่วคิดจะให้ต่อสู้กับพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด
นอกจากนี้ ถังทองฮุ่นหยวนของเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่าอีกด้วย มันอาจจะมีผลอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
เมื่อมาถึงเมฆหมอกเหนือทะเลอีกครั้ง หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล
ข้าแทบไม่ค่อยคิดจะมาที่เกาะซานเซียนเองเลย ครั้งนี้มาที่นี่ ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างจะขอร้อง…
อืม มันค่อนข้างเฉยชาเกินไป
ใช่แล้ว เขาเฉยชาเกินไปจริงๆ
ทว่าก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะเข้าไปในกลุ่มเมฆและหมอกที่ล้อมรอบนอกเกาะซานเซียน เขาก็ได้ยินเสียงร้องอุทานเบาๆ ดังขึ้น แล้วกลุ่มเมฆหมอกก็เคลื่อนผ่านเขาไป
จากนั้น เสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยก็ดังแว่วเข้ามาในหู หัวใจ และวิญญาณของหลี่ฉางโซ่ว ทำให้ความกังวลส่วนใหญ่ของเขาหายไป
“มีอันใดผิดไปหรือ?
เจ้าดูมีปัญหา ว่าแต่เจ้าพบปัญหาใดบ้างหรือไม่?”
บัดนั้นเมฆหมอกก็สลายไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นร่างของเทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งยืนอยู่เงียบๆ ห่างออกไปราวหนึ่งจั้ง
เมฆลอยเลื่อนเคลื่อนขึ้นลงและนุ่มนวล คำพูดที่อบอุ่นของชิงอี[1] ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
อวิ๋นเซียวน่าจะค้นพบร่างของหลี่ฉางโซ่ว ครั้นเมื่อนางเห็นความลังเลใจของหลี่ฉางโซ่ว นางก็รีบออกจากเกาะซานเซียน และรีบพุ่งมาพบเขา
แม้นางจะยังคงเป็นคนที่ดูบริสุทธิ์สะอาดสูงส่งเหนือสามัญและงดงามตามปกติ แต่ก็มีความเกียจคร้านที่หาได้ยากในตัวนางอยู่เสมอ
นางสวมชุดเสื้อคลุมยาวและไม่ได้ผูกผ้าคาดเอว ดูเหมือนว่า เส้นผมยาวสลวยของนางจะม้วนเป็นลอนและถูกมัดเอาไว้ง่ายๆ ด้วยปิ่นไม้…
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ พลางคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “คราวนี้ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆ แต่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมใดๆ ข้าเพียงแค่กำลังจัดการกับคนที่มีปัญหาบางคนเท่านั้น”
อวิ๋นเซียวถามอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องด่วนหรือไม่?”
“ถือว่าใช่”
“เช่นนั้นก็รอข้าสักหน่อย” อวิ๋นเซียวตกลง จากนั้นร่างที่งดงามของนางก็ถูกเมฆปกคลุม แล้วไม่นาน นางก็ปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง
บัดนี้นางได้มัดเส้นผมยาวของนาง และคาดเข็มขัดหยกเอาไว้รอบเอวของนางแล้ว และเสื้อคลุมสีเขียวของนางก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน
เส้นผมสีดำของนางปลิวไสวไปตามสายลมเบาๆ ในขณะที่นางเม้มริมฝีปากบางชุ่มชื้นของนางเล็กน้อย
ในขณะนั้นเอง หลี่ฉางโซ่วก็เพิ่งค้นพบว่า…
“เจ้ารู้วิธีแต่งหน้าบางๆ จริงๆ หรือ?
ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ ไม่ว่าเจ้าจะแต่งหน้าหรือไม่ก็ตาม เจ้าก็ยังคงงดงามได้ด้วยตัวเองเช่นกัน”
“หากข้าไปพบเจ้า ข้าจะต้องแต่งตัว” อวิ๋นเซียวชี้มือเรียวไปที่เมฆขาวและกล่าวเบาๆ ว่า “น้องสามสอนเรื่องนี้ให้ข้า”
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่าจะตอบนางอย่างไรแล้ว นอกจากแย้มยิ้มอย่างโง่เขลาเท่านั้น
อวิ๋นเซียวเอ่ยถามว่า “เราจะไปที่ใดกัน? และด้วยเหตุใดกัน?”
“โอ้ ใช่แล้ว ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว”
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็กลายเป็นตุ๊กตากระดาษ แล้วเขาก็กล่าวว่า “ช่วยนำร่างจำแลงของข้าและรีบไปแดนยมโลก ตอนนี้ศิษย์พี่ตั๋วเป่า และคนอื่นๆ ได้ไปที่นั่นแล้ว
แผ่นจานสังสารวัฏกำลังมีปัญหาผิดปกติ ไว้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดในระหว่างทาง ตอนนี้ศิษย์พี่เสวียนตูก็ได้ไปที่สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเพื่อเชิญคนมาช่วยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้างดงามของเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็กลายเป็นเสี้ยวควันสายหนึ่งและพุ่งตรงไปที่แดนยมโลก
……
ครึ่งชั่วยามต่อมา
บนท้องฟ้าเหนือเกาะอมตะสังสารวัฏ เทพธิดาอวิ๋นเซียวได้ขี่เมฆมาถึงและพบกับนักพรตเต๋าตั๋วเป่า จ้าวกงหมิง และเทพธิดาจินหลิง ซึ่งรออยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว
เทพธิดาอวิ๋นเซียวโค้งคำนับให้พวกเขา นางเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในสำนักในบรรดาศิษย์ทั้งสี่ของเจ้าสำนักทงเทียน
………………………………………………………………..
[1] เป็นการเปรียบดั่งชิงอี ซึ่งเป็นสตรีแบบนางเอกแท้ในอุปรากรจีน เป็นบทแสดงของสตรีผู้เพียบพร้อมตามคุณสมบัติแบบที่คนโบราณกำหนด เช่น มีกิริยามารยาทเรียบร้อย เป็นกุลสตรี มีความจงรักภักดี เอียงอายและนิ่มนวล