ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 729 คณะทำงานมืออาชีพ (2)
บทที่ 729 คณะทำงานมืออาชีพ (2)
ทันใดนั้นก็มีคนกระแอมไอแห้งๆ ออกมา และเซียนบุรุษทั้งหลายต่างก็หันหน้าเข้าหากันแล้วหันศีรษะไปมองหลี่ฉางโซ่วด้วยสีหน้าท่าทางซับซ้อนยิ่ง
จ้าวกงหมิงหยิบไข่มุกเทพทะเลออกมาและบีบมันที่ดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็พ่นลูกศรวารีขนาดเล็กสองดอกออกมา
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหัวเราะเบาๆ และกลอกตา ดูเหมือนว่า เขาจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เทพธิดาจินกวงมองดูแผนที่สมบัติในมือของจ้าวกงหมิงอย่างอยากรู้อยากเห็น แล้วใบหน้าของนางก็เผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา
จากนั้นนางก็มองไปที่รูปลักษณ์ของหลี่ฉางโซ่วในยามนี้ และพึมพำว่า “หรือว่า ศิษย์น้องได้ดูผลงานชิ้นเอกนี้ก่อนที่จะพบกับศิษย์น้องอวิ๋นเซียว?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงการป้องกันตัว แล้วเหตุใดข้าจึงต้องระวังเทพธิดาอวิ๋นเซียวด้วยเล่า?”
อวิ๋นเซียวเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ โดยไม่เอ่ยวาจาใด
ไท่อี่เจินเหรินยิ้มพลางถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ในตอนนี้ เหล่าศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าจะด้อยกว่าเจ้า
เทพวารีทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ช่างเป็นคนพิเศษเหนือสามัญจริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไร
จากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสคล้อยตามทิศทางสถานการณ์เพื่อนำหัวข้อการสนทนาและกล่าวช้าๆ
“หลังจากที่ข้าได้พบราชินีโฮ่วถู่ ข้าก็ได้พูดคุยกับราชินีโฮ่วถู่เป็นเวลานาน
ศิษย์พี่ทุกท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ดังนั้นข้าก็จะไม่ลงรายละเอียดและไม่พูดอะไรอื่นอีก ข้าจะพูดถึงวิธีจัดการมัน
ตามคำชี้แนะของราชินีโฮ่วถู่นั้น ในการแก้ปัญหาของร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดจำเป็นต้องมีกระบวนการนำทางและการระเบิดแยกออก
อารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นไม่อาจระงับได้ เราจึงทำได้เพียงแค่หาวิธีชี้แนะพวกนางเท่านั้น
กระบวนการนั้นจำเป็นต้องให้ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดเข้ามาในโลกด้วยกัน
พวกมันย่อมมีผลกระทบ มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบและควบคุมยับยั้งซึ่งกันและกันเองจนบรรลุถึงสภาวะที่มั่นคงดุจอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
จากนั้นก็จะให้ต้าเต๋อโฮ่วถู่กลับคืนมาจากร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ให้สำเร็จเสร็จสิ้น”
เขาหยุดไปชั่วขณะเพื่อให้เวลาสั้นๆ แก่เหล่าปรมาจารย์ได้ขบคิด
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องทำให้ร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดปรากฏขึ้นพร้อมๆ กันและบรรลุความสมดุลแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดเช่นนั้นหรือไม่?
นี่มันออกจะยากลำบากอยู่สักหน่อย…”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าและกล่าวสรุป
“กระบวนการนี้มีทั้งหมดสี่ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือ การนำความเศร้าน้อยกลับเข้าสู่แผ่นจานสังสารวัฏหกวิถี
ขั้นตอนที่สองคือ การปลดปล่อยร่างจำแลงทั้งเจ็ดของราชินีโฮ่วถู่
ขั้นตอนที่สามคือ การปรับพลังของร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด
ขั้นตอนที่สี่คือ การช่วยเหลือราชินีโฮ่วถู่”
เทพธิดาจินหลิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้ว ความเศร้าน้อยเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วยังคงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่รู้หรือ ในฐานะที่เป็นศิษย์ที่ฉลาดที่สุดแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน?”
จินหลิงมีสีหน้าท่าทีที่ดูเหมือนจะทนไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น
“เหตุใดถึงไม่ช่วยนาง?”
“ข้าทำได้ แต่ข้าไม่ทำ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “เดิมทีพวกนางก็เป็นส่วนหนึ่งของราชินีโฮ่วถู่ ทว่าพวกนางก็มีบุคลิก ความโน้มเอียงทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน และส่งผลให้มีหัวใจเต๋าเป็นอิสระ
ท่านและข้าไม่ได้เกี่ยวข้อง ข้าไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดมากเพียงใดที่หัวใจเต๋าของท่านถูกตัดแบ่ง แตกแยกออกเช่นนี้
ทว่าร่างหลักของร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดก็คือ ราชินีโฮ่วถู่ไม่ใช่หรือ?”
เทพธิดาจินหลิงอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็ยังลังเล ขอบเขตเต๋าของนางไม่ได้ต่ำ ในขณะนั้น นางเพียงได้รับผลกระทบจากความเศร้าเท่านั้น
ดังนั้น แน่นอนว่า นางเข้าใจว่า สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวออกมานั้นเป็นความจริง
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อวิ๋นเซียว แล้วรีบเลื่อนสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้พวกเราต้องกำหนดการแบ่งงานในขั้นตอนที่สาม แล้วข้าจะทำแผนละเอียดให้หลังจากนี้
ในขณะนี้ ท่ามกลางบรรดาอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้น ความเศร้าน้อยมีพลังแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาก็คือ ความชั่วร้าย และอันดับที่สามก็คือ ความปรารถนา
ถัดลงมาจากนั้นก็คือ ความกลัว และความโกรธ แล้วสุดท้ายก็ตามมาด้วยความรักและความสุข
ในท้ายที่สุด เมื่อสิ่งมีชีวิตดับชีพลง พวกเขาก็แทบจะไม่มีความคิดของการมีความสุขเลย
ดังนั้นจึงไม่มีความรักและความสุขเหลือไว้ให้กับราชินีโฮ่วถู่มากนัก…
ความชั่วร้ายและความโกรธเป็นสิ่งที่ก้าวร้าวที่สุด ทว่าพวกเราก็ต้องทำให้พลังแห่งความชั่วร้ายอ่อนลงและเพิ่มพลังแห่งความโกรธแทนที่
และนั่นย่อมจะช่วยลดทอนความชั่วร้ายลงได้ และทำให้ความโกรธแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ข้าและศิษย์พี่ใหญ่ของข้า เคยต่อสู้กับความชั่วร้ายมาก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้ ข้าจะปล่อยให้ศิษย์พี่ของข้าจัดการต่อไป ศิษย์พี่น้อง พวกท่านคิดเห็นเช่นไรบ้างขอรับ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและพยักหน้า และเหล่าผู้เป็นเซียนต่างก็พยักหน้าให้เช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อไปอีกครั้งว่า “ทว่าเวลานี้ยังมีปัญหาอย่างหนึ่ง ผู้ใดจะสามารถทำให้ร่างจำแลงแห่งความโกรธเกรี้ยวกราดมากขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ และรวดเร็วที่สุดได้?”
บรรดาผู้เป็นเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสายตาทั้งแปดก็ล้วนมองไปที่…
ไท่อี่เจินเหรินผู้หล่อเหลาและสง่างามในชุดเสื้อคลุมสีแดง
ไท่อี่เจินเหรินกระตุกมุมปากเล็กน้อย แล้วหยิบกระจกออกมาเพื่อมองดูตัวเอง
จากนั้นไท่อี่เจินเหรินก็กล่าวอย่างสงบว่า “ในยุคนี้ เซียนบุรุษที่มีบุคลิกแท้จริงทั้งหมด ล้วนตกเป็นที่หมายปองเช่นนี้!
ได้ ข้าจะจัดการกับร่างจำแลงแห่งความโกรธเอง!”
“นั่นเหมาะสมแล้ว” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม
“ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว ร่างจำแลงแห่งความโกรธนั้นก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งโดยรวมมากนัก”
ไท่อี่เจินเหรินพลันดุเขายิ้มๆ ว่า “ฉางเกิง เจ้า! หากมีเวลาก็มาดื่มกันที่ภูเขาเฉียนหยวนของข้า!”
“แน่นอนขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรับคำและยังคงหารือถึงการคัดเลือกผู้รับทำหน้าที่ต่างๆ กับเหล่าผู้เป็นเซียนต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน ก็สรุปรายชื่อได้เสร็จสิ้น
จ้าวกงหมิงรับผิดชอบในการจัดการกับร่างจำแลงแห่งความกลัว
อวี้ติ่งเจินเหรินอาสาจะจัดการกับร่างจำแลงแห่งความปรารถนาเอง
เทพธิดาจินหลิงมีความยากลำบากน้อยที่สุดในการจัดการกับร่างจำแลงแห่งความรักและร่างจำแลงแห่งความสุข
หลี่ฉางโซ่วและเทพธิดาอวิ๋นเซียว จะร่วมกันจัดการกับร่างจำแลงแห่งความเศร้า ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลต่อผู้อื่นมากที่สุด
กวงเฉิงจื่อและนักพรตเต๋าตั๋วเป่ารับผิดชอบกลุ่มกู้ภัยดับเพลิง ซึ่งรับผิดชอบในการให้การสนับสนุนช่วยเหลือไปทั่วทุกที่อย่างทันการณ์
หลี่ฉางโซ่วเตือนว่า “นี่หาใช่การต่อสู้ธรรมดาล้วนๆ อย่างเดียวไม่ ตัวอย่างเช่น ร่างจำแลงแห่งความสุข เป้าหมายก็คือ การทำให้นางมีความสุขมากขึ้น
มีการเตรียมการอื่นๆ สำหรับร่างจำแลงแห่งความรัก นี่มิใช่ความรักเฉพาะระหว่างชายหญิงในความหมายแคบๆ เท่านั้น แต่มีความรักของโลกรวมอยู่ในนั้นด้วย…
ศิษย์พี่กวงเฉิงจื่อ ที่นี่มีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วหยิบยันต์หยกออกมามอบให้กวงเฉิงจื่อ หลังจากที่กวงเฉิงจื่อได้อ่านมันจบแล้ว เขาก็พยักหน้าและรับปากว่าจะจัดการให้หลังจากนี้
มันคล้ายกับการเตรียมการของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
เทพธิดาอวิ๋นเซียวเอ่ยถามเบาๆ ว่า “แล้วพวกเราจะทำให้ความเศร้าน้อยมีชีวิตชีวาร่าเริงมากขึ้นมาได้อย่างไร?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง ไปแสดงให้ศิษย์น้องอวิ๋นเซียวดูสิ ถือได้ว่าเป็นการสาธิตให้เห็นเป็นตัวอย่างให้ทุกคนดูด้วย”
“ขอรับศิษย์พี่”
หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ศิษย์พี่น้องของเขา จากนั้นเขาก็ขี่เมฆตรงไปที่ทะเลสาบ
“เฮ้อ…”
บัดนั้นมีเสียงถอนหายใจและเสียงกระซิบพึมพำของความเศร้าน้อยดังมาจากระยะไกล
“น่าสงสารข้า ข้ายังต้องถูกใช้เป็นวัตถุสาธิต …
ความโศกเศร้านั้นยิ่งใหญ่ จะเติมเต็มได้อย่างไร?”
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆร่อนลงไปและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “สหายเต๋า ท่านหาใช่ข้าไม่ แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รู้ถึงว่าความเจ็บปวดทนทุกข์ของท่าน?”
ความเศร้าน้อยตอบอย่างอ่อนแรงว่า “จำเป็นต้องเข้าใจกันหรือ?
มีผู้ใดอยากเข้าใจกันจริงๆ หรือ?
พวกเขาก็เพียงแค่แสร้งทำเป็นว่าเข้าใจผู้อื่นเพื่อให้ได้รับการตอบสนองกลับไปเท่านั้น
เจ้าไม่เหนื่อยหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงันทันที
เขาพูดไม่ได้ พูดสู้ไม่ได้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดด้วยเหตุผลใด ก็จะมีเหตุผลมากกว่ามายับยั้งเขามากขึ้น
จากนั้นเขาก็เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองของเขาเท่านั้น