ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 732 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (2)
บทที่ 732 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (2)
“ดียิ่ง” นางมารร้ายน้อยแลบลิ้นเลียริมฝีปากของนาง แล้วพลังลมปราณสีดำจางๆ ก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนาง
“ข้าจะสังหารเจ้าก่อน แล้วค่อย…”
“ไยเราไม่ใช้กลเม็ดเล่นต่อสู้กันง่ายๆ เล่า?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มอ่อนโยนและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ดูสิ ข้าจะเอาความคิดดีๆ ออกไป แล้วท่านก็เอาความคิดชั่วร้ายออกไปในจำนวนที่เท่าๆ กัน และปล่อยให้พวกมัน … ”
ฟู่…
ปัง
ทันใดนั้นหินก้อนมหึมาปานภูผาก็ลอยข้ามมา แล้วกระแทกส่งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศทันทีโดยตลอดเวลานั้น มันไม่มีการดึงน้ำโคลนเข้ามา[1]ในกระบวนการเลย
นั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วและเหล่าเซียนคนอื่นๆ อดจะ… เอามือปิดตาของพวกเขาไม่ได้
พวกเขาไม่อาจทนดูได้
“เจ้าสวะ ผู้ใดเล่นกับเจ้า!?!” นางมารร้ายน้อยกระตุกมุมปาก
ขณะที่นางกำลังจะควบคุมหินหนืดยักษ์เพื่อไล่ตามปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไป หินก้อนมหึมาที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แล้วแตกเป็นผุยผงทั่วแผ่นฟ้าทันที
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มที่เคยคุ้น แต่ก็ไม่คุ้นเคย
ไฉนถึงเคยคุ้น?
พลังสะกดข่มนั้นมาจากศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่หลี่ฉางโซ่วเคยคุ้น
แน่นอนว่า เขาย่อมคุ้นกับต้นขา[2]รายแรกที่เขาประจบเอาใจเป็นอย่างดี
ทว่าความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้…
เป็นเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้เผยระดับแห่งพลังสะกดข่มในขอบเขตเต๋าเช่นนี้!
นางมารร้ายน้อยหยักมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
หินหนืดยักษ์ที่อยู่ใต้ร่างนางสั่นสองสามครั้ง นางโค้งแขนออกไปทางด้านหลังของนางแล้วขว้างหินก้อนมหึมาขนาดเท่าภูเขา พุ่งตรงไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
“เหอะ!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แค่นเสียงเย็นชา และพร้อมกันนั้น เสื้อคลุมเต๋าแขนกว้างของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็พองขึ้น
เขายกเท้าซ้ายขึ้นและร่อนลงสู่พื้นอย่างหนักทันที และเสี้ยวอักขระเต๋าขาวดำก็พวยพุ่งพรั่งพรูออกมาดุจกระแสน้ำ
ในทันใดนั้น ลมและคลื่นต่างๆ ในใต้หล้าล้วนหยุดลงกะทันหัน และหินก้อนมหึมาที่ลอยอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเหล่านั้น ก็พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปพร้อมๆ กัน!
“เจ้าสารเลว!”
นางมารร้ายน้อยก่นด่าสาปแช่งอย่างเกรี้ยวกราดและเผยสีหน้าท่าทางดุร้ายออกมา
บัดนี้ ดูเหมือนว่า ทั่วหล้าจะตกอยู่ในเงามืด หินหนืดยักษ์ขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบมิได้กระแทกบนพื้น และกระเด้งกระดอนขึ้นไปพร้อมกับหินหนืดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่!
แขนซ้ายของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถูกห่อหุ้มด้วยลูกมวลลมปราณหยินและหยางสองลูก
หลังจากถูกแยกออกไปโดยไม่รู้ระยะทาง เขาก็กางนิ้วทั้งห้าออกไปทางยักษ์หินหนืด แล้วค่อยๆ ผลักดันฝ่ามือออกไปช้าๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น แผนภาพไท่จี๋ขาวดำก็ก่อตัวขึ้นจากฝ่ามือของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยาวไปจนถึงด้านหน้าของยักษ์หินหนืด
แผนภาพไท่จี๋ที่เรียงขนานกันนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ แล้วแผนภาพไท่จี๋สุดท้ายก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของยักษ์หินหนืด…
ในขณะนั้น นางมารร้ายน้อยก็กรีดร้องอย่างรุนแรง และยักษ์หินหนืดก็ส่งเสียงร้องคำรามลั่นออกมา
ทว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ล่าช้า ทันใดนั้นเขาก็หมุนฝ่ามือซ้ายเบาๆ แล้วผลักดันออกไปข้างหน้าอีกครึ่งชุ่น
ในขณะนั้นแผนภาพไท่จี๋ขาวดำถูกเรียกใช้งานพร้อมกัน และแผนภาพไท่จี๋สุดท้ายก็หมุนไปเล็กน้อย แล้วยักษ์หินหนืดขนาดมหึมาอย่างไม่อาจเปรียบเทียบได้ก็หยุดยืนนิ่ง และพังทลายลง แตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที
มันกลายเป็นเศษหินแตกกระจายเต็มไปทั่วแผ่นฟ้าและลอยอยู่ในอากาศอย่างแปลกประหลาด…
นางมารร้ายน้อยงงงันอย่างเห็นได้ชัด แล้วเสี้ยวพลังลมปราณหยินหยางสองสายก็ปรากฏขึ้นที่ข้างหลังนางในช่วงเวลาหนึ่งและก่อตัวขึ้นเป็นภาพลวงตาของแผนภาพไท่จี๋…
ก่อนที่นางจะทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ พลังลมปราณหยินหยางก็กักนางเอาไว้อีกครั้ง แล้วดึงนางไปที่แผนภาพไท่จี๋
มันเป็นเฉกเช่นเดียวกับที่นางเคยถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ควบคุมเอาไว้ได้อย่างง่ายดายก่อนหน้านี้…
บัดนั้นความรู้สึกมืดมนและเย็นยะเยือกในใต้หล้าส่วนใหญ่ได้หายไปทันที และท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เอามือไพล่หลังและเดินทอดน่องสบายๆ ไปในท่ามกลางก้อนหินขนาดมหึมาที่เต็มไปทั่วท้องฟ้า
เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็มาถึงตรงหน้านางมารร้ายน้อย และเผยรอยอบอุ่นอ่อนโยนออกมา
จากนั้นเขาก็พลิกมือขวาแล้วลูกมวลแสง “ความคิดดี” …
มันยังคงอยู่ที่นั่น …
“มาเถิด” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “บอกความคิดชั่วร้ายของท่านมาให้ข้าสักหน่อย ข้าจะแสดงให้ท่านเห็นกลเม็ดที่ลึกล้ำมาก สักอย่างเดียวก็พอ”
มีเสียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวไปให้พ้น!”
“มาร่วมมือกัน มันน่าสนใจมากจริงๆ”
“ถุย!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เงียบงัน
ห่างออกไปในระยะไกล หลี่ฉางโซ่วได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจ
จากนั้น เขาก็มองไปที่เหล่าปรมาจารย์ทั้งเจ็ดจากสำนักบำเพ็ญเต๋าที่มีสีหน้าท่าทางซับซ้อน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ศิษย์พี่ ท่านมีเวลาอีกหนึ่งถ้วยชาขอรับ ท่านควบคุมร่างจำแลงแห่งความชั่วร้ายได้เร็วกว่าที่คาดไว้
ทุกท่าน เทพธิดาอวิ๋นเซียวและข้าจะช่วยองค์ราชินีปลดปล่อยร่างจำแลงอื่นๆ ของนาง โปรดรอเวลาสักหน่อยขอรับ!”
บรรดาเซียนต่างรับคำและกลั้นหายใจและเพ่งสมาธิจดจ่อ
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญให้เทพธิดาอวิ๋นเซียว พวกเขาทั้งสองคนต่างมองหน้ากันแล้วคลี่ยิ้ม จากนั้น พวกเขาก็กลายเป็นลำแสงและบินห่างออกไปจากนางมารร้ายน้อยหลายพันลี้
อวิ๋นเซียวถือถังทองฮุ่นหยวนเอาไว้ในฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ปล่อยความเศร้าน้อยออกมาอย่างช้าๆ
มีเสียงน้ำไหล และพื้นหินหนืดด้านล่างก็แข็งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นทะเลสาบสีเงินขนาดเล็ก
ในขณะนั้นความเศร้าน้อยนั่งอยู่เงียบๆ กลางทะเลสาบ นางงอขาขึ้น กอดเข่า และสะอื้นไห้เบาๆ
ทันใดนั้นเสียงครวญครางก็ดังขึ้นเป็นชุดๆ อย่างต่อเนื่องไปทั่วโลกใบนี้…
เทพธิดาอวิ๋นเซียวยืนอยู่ในอากาศ พลางกวาดนิ้วเรียวของนางเบาๆ แล้วกลีบบุปผาสีชมพูก็โปรยปราย กระจายไปในอากาศ
หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ข้างๆ ความเศร้าน้อย แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็บินออกมาจากแขนเสื้อของเขา
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองสามตัวเหล่านั้น หยิบอาวุธ กระบี่ ทวน ดาบ และง้าว ของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็กระโดดและต่อสู้ไปรอบๆ ความเศร้าน้อย พร้อมกับส่งเสียงตะโกนโห่ร้องออกมา
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองสามตัวเหล่านั้น ก็ได้กลายเป็นเทพธิดานักดนตรีที่แต่งกายด้วยชุดชาววัง และเริ่มร้องบรรเลงเพลง ดีดสีตีเป่า ในจังหวะเร่งเร้าที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวา
………………………………………………………………..
[1]การทำการโดยพุ่งตรงเป้าหมาย ไม่มีอ้อมค้อม ไม่อืดอาด ไม่ยืดยาด ไม่เยิ่นเย้อ
[2] ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง