ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 760 ครั้งหนึ่ง เคยมีปีศาจหนึ่งแสนตนเหยียบย่างผ่านท้องฟ้าและทำลายศาลปีศาจ (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- บทที่ 760 ครั้งหนึ่ง เคยมีปีศาจหนึ่งแสนตนเหยียบย่างผ่านท้องฟ้าและทำลายศาลปีศาจ (2)
บทที่ 760 ครั้งหนึ่ง เคยมีปีศาจหนึ่งแสนตนเหยียบย่างผ่านท้องฟ้าและทำลายศาลปีศาจ (2)
มาถึง ณ จุดนี้ ประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในช่วงเวลานี้ก็เริ่มคลุมเครือ ราวกับว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ในรุ่นหลังๆ ได้จงใจทำให้เรื่องราวตรงนี้คลุมเครือ
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เป็นประจักษ์พยานและมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ เขารู้ภาพรวมที่ปรากฏทั้งหมดด้วยตัวเอง
“แม้ท่านอาจารย์และจอมปราชญ์หนี่วาจะผนึกกำลังกันเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์สุดท้ายเอาไว้ได้ ทว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้จารึกความเกลียดชังฝังลึกลงไว้ในกระดูกของพวกเขาแล้ว”
เทพีหนี่วาได้สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมา พวกเขาเกิดมาพร้อมกับร่างเต๋าเซียนเทียน พวกเขาเกิดมาอ่อนแอ ฝึกบำเพ็ญได้ดี และคล้ายกับเต๋า
ความจริงแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นเผ่าพันธุ์ในโลกในเวลานั้น เนื่องจากเทพีหนี่วาได้กลายเป็นจอมปราชญ์ เผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงเผ่าพันธุ์มนุษย์และปล่อยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์มีชีวิตอยู่ และเจริญพันธุ์ได้
ร่องรอยของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งที่ราบและภูเขาแห่งดินแดนเทวะทักษิณ
ทว่าก็มีภัยพิบัติตามมา
เนื่องจากวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์คล้ายคลึงกับเต๋า ปรมาจารย์ปีศาจคุนเผิงจึงให้ความเคารพต่อจักรพรรดิบูรพาไท่อี่ เขาเสนอใช้วิธีการหลอมสมบัติลับด้วยวิญญาณของชาวเผ่ามนุษย์แก่จักรพรรดิบูรพาไท่อี่
เพื่อจะเอาชนะเผ่าเวทได้อย่างสมบูรณ์ เผ่าปีศาจจึงเริ่มเข่นฆ่าสังหารหมู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ และจับวิญญาณของชาวเผ่ามนุษย์เพื่อหล่อหลอมเป็นทหารศักดิ์สิทธิ์ที่สังหารเผ่าเวท
เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกฆ่าตายจนไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ทว่าเผ่าปีศาจก็ยังไม่ยอมหยุดยั้ง พวกมันยังต้องการเข่นฆ่าทุกคน…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวอย่างสงบว่า “ในใจของพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่รอดชีวิตมาจากภัยพิบัตินั้น ล้วนเกลียดชังปีศาจสุดๆ
พวกเขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อเพิ่มระดับฐานพลังของพวกเขา และแม้กระทั่งเบี่ยงเบนไปจากวิถีการฝึกบำเพ็ญที่ถูกต้องเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นปีศาจ
แม้จอมปราชญ์ จะได้ลงมือปกป้องเมล็ดพันธุ์แห่งไฟของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ในเวลานั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็อ่อนแอที่สุด
พวกปีศาจยังกลัวว่าจะทิ้งภัยพิบัติเอาไว้เบื้องหลังและต้องการกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซากไปอย่างรวดเร็วที่สุด…
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเกิดมา”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ทหารปีศาจนับแสนนายได้เหยียบย่างผ่านท้องฟ้า”
หลิงเอ๋อร์เม้มปาก และยื่นปลาย่างไปให้กับผู้บัญชาการหญิงที่อยู่ใกล้นางที่สุดอย่างระมัดระวัง
“ผู้อาวุโส…”
ทว่าผู้บัญชาการหญิงส่ายศีรษะเบาๆ พลางยิ้มให้หลิงเอ๋อร์เล็กน้อย และยังคงนั่งตัวตรงต่อไป
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงหยิบปลาย่างและคลี่ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ส่งมาให้ข้าสิ อย่าให้มันเสียของ”
หลิงเอ๋อร์จึงรีบส่งปลาย่างให้เขาทันที
ในยามนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ถามอีกครั้งว่า “ทหารปีศาจนับแสนนาย… ท่านช่วยบอกรายละเอียดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและชี้แจงให้นางฟังว่า “การเข้าสู่วิถีปีศาจก็คือ การหมกมุ่นอยู่กับการเปลี่ยนในขอบเขตเต๋า
ในช่วงเวลาสั้นๆ คนๆ หนึ่งก็จะได้รับการเลื่อนขั้นขอบเขตเต๋า แต่มันก็ง่ายมากที่หัวใจเต๋าของคนๆ หนึ่งจะพังทลายลงและสูญเสียการควบคุม
ดังนั้น เพื่อให้ได้รับพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่ปล่อยให้ตัวเองสูญเสียการควบคุม ผู้อาวุโสเหล่านี้ จึงต้องเข้าสู่ขอบเขตปีศาจก่อน และใช้วิธีลับเพื่อเพิ่มพูนขอบเขตเต๋าของพวกเขา
จากนั้น พวกเขาก็จะตัดหัวใจเต๋าของพวกเขาและปิดผนึกอารมณ์ทั้งเจ็ดและประสาทสัมผัสทั้งหกของพวกเขาโดยตัดการรับรู้ภายนอกทั้งหมดออกไป
พวกเขากักวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ในร่างของพวกเขา และแยกแยะระหว่างมิตรและศัตรูด้วยวิธีลับพิเศษเท่านั้น
จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นทหารปีศาจและเชื่อฟังบัญชาของจักรพรรดิมนุษย์ในการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจและกล่าวว่า “ศิษย์น้องของข้าเป็นตามที่ข้าคาดไว้จริงๆ เจ้ายังรู้แม้แต่ความลับเช่นนี้ด้วยซ้ำ!”
“ข้าเคยเห็นเรื่องนี้บนหนังแกะมาก่อนขอรับ…”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “เดิมที ข้าคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ
ทว่าหลังจากที่ข้าได้ไปเยี่ยมเยือนสามกษัตริย์และห้าจักรพรรดิในถ้ำเมฆไฟ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มผู้อาวุโสซุ่ยเหริน ข้าก็ตระหนักได้ว่าทหารปีศาจเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีอยู่จริง
อายุขัยของมนุษย์นั้นสั้นเกินไป เวลาในโลกบรรพกาลนั้นยาวนานเกินไป และมีประวัติศาสตร์สูญหายไปมากเกินไปในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา … ”
“ศิษย์น้อง เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากศาลปีศาจถูกทำลายแล้ว พวกเขาก็เหลือคนเพียงสามพันหกร้อยยี่สิบสามคนเท่านั้น?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวว่า “ข้าได้พาพวกเขาไปที่เมืองเสวียนตู หลังจากผ่านไปหลายปี เหล่าผู้ที่มีอายุขัยจำกัดก็ล้วนสิ้นชีพไปหมดแล้ว
ส่วนที่เหลือนั้น…
ศิษย์น้อง จงพาพวกเขาไปเข่นฆ่าปีศาจเถิด และปล่อยให้พวกเขาได้เป็นอิสระในสนามรบอย่างมีศักดิ์ศรี นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าและข้าจะสามารถทำเพื่อพวกเขาได้”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “ศิษย์พี่ ไม่มีทางที่จะช่วยให้พวกเขาฟื้นคืนความรู้สึกของพวกเขาได้หรือขอรับ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “นั่นจะไม่โหดร้ายเกินไปสักหน่อยสำหรับพวกเขาหรอกหรือ?”
“หากเราไม่ถามพวกเขา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาคิดอันใดอยู่ขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมา ในขณะนั้น เขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาแล้ว
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “พวกเขาคือวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ พวกเขาไม่ควรต่อสู้ในยุคนี้
ศิษย์พี่ ข้าจะพาพวกเขาไปที่เมืองอันสุ่ยและดูว่า ข้าจะสามารถช่วยพวกเขาฟื้นคืนทั้งเจ็ดอารมณ์และหกปรารถนาในหนึ่งร้อยปีได้หรือไม่ขอรับ
หากพวกเขาต้องการเป็นอิสระ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดทนทุกข์ในสนามรบ พวกเขาควรมีศักดิ์ศรีและได้รับความเคารพอย่างที่เหล่าบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์ควรมี นั่นเป็นสิ่งที่จะขาดไปเสียไม่ได้
พวกเขาได้ปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์มาจนถึงทุกวันนี้แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องยืนหยัดอยู่ด้านหน้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวันนี้อีก …
ข้าไม่คิดว่ามันสมเหตุผลนัก”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีท่าทีดูประหลาดใจ เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ตอนนี้เจ้าคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้วเช่นนั้นหรือ?”
“เป็นความคิดเล็กน้อยขอรับ…”
หลี่ฉางโซ่วกล่าว และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ผงะงันไปครู่หนึ่งก่อนจะปรบมือและหัวเราะออกมา เขายังคงยกย่องชื่นชมหลี่ฉางโซ่วซ้ำๆ ว่า เลิศล้ำปัญญาจริงๆ
หลิงเอ๋อร์กะพริบตา…
นางรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย?
ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าไม่ได้รู้จักศิษย์พี่ดีพอเลย?
……
เมื่อสองศิษย์พี่น้องมนุษย์ที่เป็นปรมาจารย์และศิษย์น้องกำลังหารือกันในเรื่องนี้ ผู้บัญชาการทหารปีศาจทั้งสองก็ยังคงนิ่งเงียบ
ทว่าเมื่อพวกเขามองไปที่หลี่ฉางโซ่ว พวกเขาก็มองด้วยความรู้สึกขอบคุณมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางโซ่วไม่คิดจะใช้มนุษย์โบราณกว่าร้อยคนเหล่านี้ออกศึก ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงไม่ได้เกลี้ยกล่อมเขามากนัก
ครั้นเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยเช่นกัน
เขาไปที่เมืองเสวียนตูและ “เชิญ” ทหารปีศาจมนุษย์โบราณหนึ่งร้อยแปดนายเหล่านี้กลับมาด้วยตัวของเขาเอง
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ได้กลายเป็น “ทหารศักดิ์สิทธิ์ต้านปีศาจ” ในมือของหลี่ฉางโซ่วเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว พวกเขายังกลับทำให้หลี่ฉางโซ่วมีงานเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย…
ในฐานะศิษย์พี่ของหลี่ฉางโซ่ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็รู้สึกละอายเล็กน้อย
ดังนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงเริ่มถามถึงเรื่องการกบฏต่อสวรรค์ของเผ่าปีศาจ
หากศาลสวรรค์อยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไป ในฐานะผู้อาวุโส เขาย่อมจะจัดการเข้าแทรกแซงอย่างเหมาะสมทันที…
ครั้นเมื่อหลี่ฉางโซ่วรายงาน “ผลการรบ” ในยามนี้ของเขาตามความเป็นจริง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลิงเอ๋อร์ และโหย่วฉินเสวียนหย่าต่างก็มีสีหน้าท่าทีแปลกๆ เมื่อพวกนางได้ยินวิธีการต่างๆ ของศาลสวรรค์
แน่นอนว่า หลิงเอ๋อร์รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย เพราะอย่างไรเสีย วิธีการของหอสุขานั้นก็สกปรกเกินไปในทุกๆ ด้าน…
โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวว่า “แล้วการครองคู่เกี่ยวพันอันใดกับการต่อสู้หรือเจ้าคะ? พวกเผ่าปีศาจสมควรตาย พวกเรามาเอาชนะพวกเขาอย่างสง่าผ่าเผยตรงไปตรงมากันดีกว่า
การกระทำเช่นนี้จะไม่ไร้ยางอายเกินไปสักหน่อยหรือเจ้าคะ?”