ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 762 ข้าต้องยอมรับว่ามีการเดิมพัน (1)
บทที่ 762 ข้าต้องยอมรับว่ามีการเดิมพัน (1)
“เทพวารีที่เคารพ
ในเวลานั้น ข้าได้ยินว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ผงาดขึ้นในขณะที่ศาลสวรรค์ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้เก่งกาจมากความสามารถจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สามารถเข้าสู่ศาลสวรรค์เพื่อช่วยเหลือฝ่าบาทองค์เง็กเซียนได้
พวกเขาเป็นเลิศในด้านการวางแผนและจัดเตรียมการ พวกเขาได้ช่วยเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ และเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขายังได้ช่วยแก้ไขวิกฤตให้ต้าเต๋อโฮ่วถู่ ทำให้ข้าชื่นชมพวกเขามาก
ข้าได้รับเต๋าจากสมัยโบราณ และครั้งหนึ่งข้าก็เคยติดตามสองจักรพรรดิปีศาจเพื่อสร้างศาลสวรรค์โบราณ
ทว่าเนื่องจากศาลสวรรค์โบราณได้กระทำสิ่งไร้คุณธรรมมากมายเพื่อทำร้ายสิ่งมีชีวิต ข้าจึงท้อแท้และค่อยๆ หายไปจากศาลสวรรค์โบราณ
โชคดีที่เต๋าสวรรค์ยินยอมให้ข้าไม่ได้แปดเปื้อนกรรมร้ายของเผ่าปีศาจ
เมื่อครึ่งปีก่อน ลู่หยาได้มาหาข้าเพื่อขอทางรอด
เนื่องจากข้าเคยให้สัญญากับจักรพรรดิปีศาจว่า ข้าจะช่วยโอรสของเขาสามเรื่อง และนั่นคือเรื่องที่สาม
นอกจากนี้ ข้ายังคิดว่าเผ่าปีศาจไม่เคารพศาลสวรรค์ในยามนี้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเสนอแผนให้แก่พวกเขาทั้งสอง
เท่าที่เกี่ยวพันกับศาลสวรรค์ เผ่าปีศาจได้ก่อกบฏต่อศาลสวรรค์ และแน่นอนว่า ศาลสวรรค์ก็สามารถกวาดล้างพวกเผ่าปีศาจที่เหลืออยู่ได้อย่างชอบธรรม
สำหรับลู่หยา ในฐานะโอรสของจักรพรรดิปีศาจโบราณ เขาอาจใช้โอกาสนี้เพื่อขอร้องให้องค์เง็กเซียนไว้ชีวิตเขาได้
ข้าเองไร้จิตต่อกรกับศาลสวรรค์และยิ่งไร้ใจที่จะทำให้สหายเต๋าต้องลำบาก
ข้าขอให้สัตย์สาบานด้วยปฏิญญาต้าเต๋าว่า ข้าจะไม่บอกเรื่องท่านกับผู้ใด นอกจากนี้ข้ายังสามารถให้สัตย์สาบานด้วยปฏิญญาต้าเต๋าด้วยเช่นกันว่า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของศาลสวรรค์
นอกจากนี้ ยังอยากขอให้สหายเต๋าโปรดเมตตา ไว้ชีวิตข้า
และหากท่านสนใจ ข้าก็ยินดีเป็นสหาย และร่วมดื่มกับท่าน
ชีวิตที่เหลืออยู่ของข้ายังอีกยาวไกล แล้วจะไร้สหายรู้ใจได้อย่างไรกัน?
หากสหายเต๋าไม่เอาความไล่ตามเรื่องนี้ ก็ขอได้โปรดบดขยี้ ทำลายยันต์หยกนี้เสีย ข้าจะสัมผัสมันได้ด้วยตัวของข้าเอง และนั่นจะทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ
ด้วยความเคารพ ไป๋เจ๋อ”
……
“อืม…”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองและกำลังจะบดขยี้ยันต์หยก ทว่าดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมา เขาได้คิดถึงเรื่องนี้มากมายเป็นพันๆ ครั้งแล้ว
จากนั้น เขาก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยและเล่นกับยันต์หยกในมือ
ดูเหมือนว่า ไป๋เจ๋อผู้นี้จะรู้จักเขาเป็นอย่างดี…
และนั่นก็ทำให้หลี่ฉางโซ่วคิดในหลายๆ ระดับชั้นทันที
หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ ไป๋เจ๋อผู้นี้ คือ สัตว์มงคลที่ท่านได้พูดคุยกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
มันเป็นสัตว์มงคลที่เขียนไว้ในตำราโบราณเล่มนั้นหรือไม่เจ้าคะ?”
“ใช่” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ายิ้มๆ
“ข้าคาดไม่ถึงว่า พลังเวทของไป๋เจ๋อในการแสวงโชคและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจะแหลมคมมากเพียงนี้ ในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพิ่งไปติดตามสืบหาที่อยู่ของเขา ตอนนี้เขาก็มาวอนขอความเมตตาแล้ว
ไม่ถูกต้อง ยันต์หยกนี้ น่าจะเขียนเอาไว้นานแล้ว และเพิ่งถูกส่งมาในเวลานี้
ผู้บัญชาการปีศาจโบราณผู้แกร่งกล้าสง่างาม ยอมถ่อมตนลงเพื่อความอยู่รอด ช่างน่าชื่นชมนัก”
หลิงเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ไยข้าถึงรู้สึกว่า ศิษย์พี่น่ากลัวเกินไป?”
“หือ?”
“สัตว์ร้ายน่ากลัว สัตว์ร้ายน่ากลัว”
หลิงเอ๋อร์แลบลิ้นออกมา และนางก็กล่าวว่า “ศิษย์พี่ เรารีบแจ้งให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่า ไป๋เจ๋อผู้นี้มาหาเราถึงประตูบ้านแล้วเถิดเจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “หากผู้ที่ส่งจดหมายมาคือ ไป๋เจ๋อจริงๆ แล้วปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะไล่ตามเขาไปที่อื่นได้อย่างไรเล่า?”
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ และร้องตะโกนว่า “เขาค้นพบสำนักตู้เซียนแล้วจริงๆ
แล้วนั่นไม่ได้หมายความว่า ไป๋เจ๋อรู้เรื่องของท่านแล้ว และกำลังตามส้นเท้าของท่านอยู่ใช่หรือไม่ ศิษย์พี่?
ไป๋เจ๋อกำลังแอบข่มขู่ หากมีปัญหากับเขา ทำให้เขาลำบากใจ เขาก็จะเปิดเผยส้นเท้าของท่านให้โลกภายนอกได้รู้ทันทีหรือไม่เจ้าคะ ศิษย์พี่?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางส่ายศีรษะ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “แผนของไป่เจ๋อซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้มากกว่าเป็นสิบเท่า ยันต์หยกส่งสารนี้วิเศษจริงๆ…
ดูสิ ปรมาจารย์เช่นเขาที่สามารถหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บจากมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจ ก็มีส่วนพัวพันกับกรรมของเผ่าปีศาจอย่างไร้ทางเลือกอื่นได้เช่นกัน
โดยปกติแล้ว ข้ามักจะสอนเจ้าให้เกี่ยวข้องกับกรรมให้น้อยลง ข้าสอนเจ้าผิดไปหรือไม่?”
“สิ่งที่ศิษย์พี่สอนข้า ย่อมไม่มีอันใดผิดไปแน่นอนเจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์ก้มศีรษะลงพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสไป๋เจ๋อคนนี้สามารถหยั่งรู้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะกระทำการล้มเหลวได้ล่วงหน้าหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่” หลี่ฉางโซ่วกล่าว
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีแผนภาพไท่จี๋เพื่อปกปิดตัวตนของเขา
เขาไม่เปิดเผยแม้แต่นามด้วยซ้ำ และเขาย่อมจะไม่ถูกความลับสวรรค์ค้นพบ
หากไป๋เจ๋อรู้ว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังไปไล่ล่าเขา เขาย่อมจะไม่กล่าวเช่นนั้นอย่างแน่นอน”
ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย นางนั่งเงียบๆ อยู่บนเบาะนั่งสมาธิข้างๆ ศิษย์พี่ และมองหน้าศิษย์พี่ของนางอยู่เงียบๆ ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง …
ในไม่ช้า หอโอสถก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบจนกระทั่งหลิงเอ๋อร์ก็อดจะปิดปากและหาวออกมาไม่ได้ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ค่อยๆ หายใจออกมาช้าๆ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ภายในหนึ่งวันนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะมาหาเราที่นี่เพื่อมอบยันต์หยกชิ้นที่สองของไป๋เจ๋อให้เรา”
“เหตุใดกันเจ้าคะ?” หลิงเอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไร
จากนั้นเขาก็บดขยี้ยันต์หยกในมือ แล้วกล่าวว่า
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน หากเจ้ามีข่าวอะไรก็แจ้งได้ ข้าจะไปจัดการเรื่องผู้อาวุโสเหล่านั้นก่อน”
“เจ้าค่ะ…” หลิงเอ๋อร์รับคำ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หลับตาและเพ่งสมาธิจดจ่อ แล้วเบนจิตสนใจไปที่ดินแดนเทวะทักษิณ
ในเมืองอันสุ่ย
หลี่ฉางโซ่วได้เรียกตัวหัวหน้าหมู่บ้านแห่งหมู่บ้านสง ซึ่งเป็นบิดาของสงหลิงลี่ นามว่า สงเหล่าซาน
เขาขอให้สงเหล่าซานซื้อบ้านสองแถวในบริเวณสถานที่ที่คึกคักพลุกพล่านที่สุดในเมือง และจัดเตรียมให้เหล่าทหารปีศาจหนึ่งร้อยแปดนายพักอยู่ในโลกมนุษย์เป็นการชั่วคราว