ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 764 ข้าต้องยอมรับว่ามีการเดิมพัน (3)
บทที่ 764 ข้าต้องยอมรับว่ามีการเดิมพัน (3)
“หือ?”
หลิงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นและคิดว่า นางอยู่ในความฝัน นางบีบหลังมือและตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางเห็นนั้นไม่ใช่ของปลอม
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง หอโอสถก็จมลงไปในภูเขา และในขณะนั้น ก็มีม้วนกระดาษกางเปิดอยู่กระจัดกระจายไปรอบๆ บนนั้นมีถ้อยคำและแผนที่ที่อัดอยู่อย่างหนาแน่น
หลิงเอ๋อร์มองอย่างระมัดระวังอยู่สักพัก และรู้สึกวิงเวียน
ดูเหมือนว่า ศิษย์พี่ของนางกำลังวิเคราะห์อยู่ว่า ไป๋เจ๋อกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ใด
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วกำลังยืนอยู่หน้าแผนที่ภูมิประเทศคร่าวๆ ของดินแดนเทวะทั้งห้าแห่งโลกบรรพกาล เขายืนเอามือไพล่หลังและขมวดคิ้ว
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
“เฮ้” หลิงเอ๋อร์กระโดดขึ้นมาทันที
ครั้นเมื่อนางเห็นแผ่นกระดาษในมือ นางก็คลี่เปิดมันออกมาและถอนหายใจเบาๆ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวยกย่องว่า “ไป๋เจ๋อผู้นี้เป็นปรมาจารย์จริงๆ”
“ศิษย์พี่ ไป๋เจ๋อทรงพลังมากหรือเจ้าคะ? เขาเพียงให้ยันต์หยกแก่เรามาเท่านั้น เขาหยั่งรู้อะไรได้บ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ไม่หรอก ตราบใดที่ข้อมูลทั้งหมดได้รับการแยกแยะ จากนั้นก็วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นร่วมกันในมุมที่แตกต่างกัน แล้วจึงสามารถร่างออกมาเป็นข้อสรุปต่างๆ มากมายได้
ข่าวที่เขาให้มานั้นก็ถูกต้องแล้ว”
หลิงเอ๋อร์พยายามตามให้ทันกระบวนความคิดของศิษย์พี่ของนางอย่างเต็มที่
นางสงสัยว่า “แต่หากเขาไม่รู้ว่าพวกเรากำลังหารือกันถึงวิธีการจัดการเขาในหุบเขาแม่น้ำ แล้วเขาจะไม่ได้กำลังจงใจเปิดเผยตัวเองด้วยการส่งสารฉบับนี้มาก่อนเองหรือเจ้าคะ?”
“ใช่แล้ว เขาจงใจเปิดเผยตัวเอง”
“เหตุใดกันเจ้าคะ?”
“เพราะเขากลัว และเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทำงานให้กับเผ่าปีศาจ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เวลานี้ ข้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าปีศาจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในไม่ช้าก็เร็วผู้ทรงพลังแกร่งกล้าที่ดำรงอยู่เฉกเช่นพวกเผ่าปีศาจ ก็ย่อมต้องได้รับกรรมของเผ่าปีศาจ แล้วข้ากับฝ่าบาทองค์เง็กเซียนจะทนเขาได้อย่างไร?
นอกจากนี้ เขาน่าจะรู้ด้วยว่า เพื่อความปลอดภัยแล้ว ข้าก็อาจขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ลงมือสังหารเขาก่อนล่วงหน้าโดยตรง
ดังนั้น ไป๋เจ๋อจึงต้องการส่งยันต์หยกนี้มาให้เราก่อนเป็นก้าวแรกเพื่อแสดงการยอมจำนนและความปรารถนาดีต่อข้า
เขาอยากดูว่า เขาจะสามารถเปลี่ยนศัตรูให้มาเป็นมิตรและกลายเป็นคนสนิทของกันและกันแทนเพื่อให้เขาหลีกเลี่ยงภัยพิบัติของตัวเขาเองได้หรือไม่?”
“แล้วเหตุใดถึงไม่เป็นภัยคุกคามพวกเราเจ้าคะ?”
“เพราะมันไม่ใช่ภัยคุกคาม” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “หากเขาชี้ให้เห็นส้นเท้าของเรา เราก็จะยอมรับมันอย่างใจกว้างและเคลื่อนไหวต่อไปที่วังดุสิตทันที
และหากเป็นเช่นนั้น ความกลัวของข้าที่มีต่อเขาจะก็กลายเป็นความเกลียดชัง ซึ่งมันจะตัดทางรอดของเขาออกไป และข้าจะปลิดชีวิตเขา”
หลิงเอ๋อร์ยกมือขึ้นกุมหน้าผากและเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นแล้ว ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ ศิษย์พี่?”
“รอปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก่อน…
ข้าเพิ่งพูดถึงปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็มาแล้ว ”
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบยันต์หยกออกมาและค่อยๆ ให้หอโอสถขึ้นมาจากภูเขาช้าๆ
เขายิ้มและกล่าวว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ต้องมีสารจากไป๋เจ๋อในยันต์หยกที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นำกลับมาแน่
หากเรามองสารนั้นในแง่ร้าย เขาคงกำลังบอกว่า เขาเต็มใจออกจากโลกบรรพกาล และเข้าไปล่องลอยไปสู่โกลาหลเอง
เขายังได้เดิมพันกับเราก่อน หากเราหาเขาพบ เขาก็จะรับใช้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน หรือศาลสวรรค์ ทว่าหากเราหาเขาไม่พบ เราก็เพียงปล่อยเขาไป
เขายังเสี่ยง แสร้งทำเป็นต่อสู้กับเราไปทีละขั้นเพื่อดูว่าเขาจะสามารถแกล้งตายแล้วหลบหนีไปได้หรือไม่อีกด้วย
นอกจากนี้ สารฉบับนี้จะต้องถูกเขียนขึ้นมาเมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว”
หลิงเอ๋อร์เม้มปาก นางรู้สึกว่า นางคัดลอกพระสูตรมั่นคงไปอย่างเปล่าประโยชน์
จากนั้นนางก็กล่าวว่า “ศิษย์พี่ แล้วเหตุใดเขาถึงไม่ซ่อนตัวเล่าเจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบว่า
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ แต่เขาทำไม่ได้
ผู้ที่เก่งกาจในการหยั่งรู้มากที่สุดในโลกบรรพกาลห้าอันดับแรกโดยไม่คำนึงถึงเต๋าสวรรค์ หรือบรรพชนเต๋าแล้วนั้น อันดับหนึ่งก็คือ จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรา
ตามมาด้วยอันดับที่สองก็คือ สมบัติเซียนเทียนขั้นสูงสุด แผนภาพไท่จี๋
และอันดับที่สามก็คือ ก็เหล่าจอมปราชญ์อีกห้าคน
จากนั้นอันดับที่สี่ก็คือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมดูแลแผนภาพไท่จี๋
และอันดับที่ห้าก็คือ จักรพรรดิฝูซี ผู้ถือแผ่นจานแปดรูปลักษณ์
ความสามารถของไป๋เจ๋อ อยู่ที่การรับรู้ถึงอันตราย
เว้นเสียแต่ว่า เขาจะออกจากขอบเขตของเต๋าสวรรค์บรรพกาลอย่างสมบูรณ์ เขาทำได้เพียงเท่านั้น
อืม เขาเป็นผู้บังคับการปีศาจโบราณที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกไม่ใช่หรือ?
กรรมก็ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสลัดทิ้งไปได้ง่ายๆ ตามต้องการ
ข้าสรุปได้ว่า เขาไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ และไม่กล้าออกจากสถานที่ที่เต๋าสวรรค์ให้การคุ้มครองไปง่ายๆ
หรือไม่เขาก็ไม่ต้องการจะออกจากโลกที่เจริญรุ่งเรืองนี้ และไม่อยากมีชีวิตอยู่ลำพังคนเดียวตลอดเวลาในโลกอื่น
เป็นไปได้มากว่า มันจะเป็นอย่างแรก”
คว้าง! คว้าง! คว้าง!
พร้อมด้วยเสียงดังเคล้งเพียงไม่กี่ครั้ง ทันใดนั้น หอโอสถก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของภูเขาอีกครั้ง และค่ายกลเวทโดยรอบก็ถูกซ่อนเร้นเอาไว้
บัดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจขณะที่เขากำลังจับจ้องไปที่หอโอสถ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พลางยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านได้นำสารที่ไป๋เจ๋อทิ้งเอาไว้กลับมาด้วยหรือไม่ขอรับ?”
“เจ้าเดาได้ถูกต้องจริงๆ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกกระดากเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าติดตามรอยเขาไปได้ครึ่งวัน แล้วเดินท่องไปเรื่อยๆ ตามส่วนต่างๆ ทั่วโลก ข้าได้พบสถานที่ที่เขาปรากฏตัวอยู่สิบหกแห่ง และเห็นคำร้องขอความเมตตามากมายที่เขาทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
สัตว์มงคลตัวนี้มีความสามารถในการซ่อนตัวได้น่าทึ่งมากจริงๆ เขายังหลอกลวงแผนภาพไท่จี๋อีกด้วย
ทว่าหากเรายังคงสืบหาต่อไป เราก็จะยังสามารถจับเขาได้ในท้ายที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาแปดถึงสิบปีก็ตาม
ล่าสุด เขาได้ทิ้งยันต์หยกเอาไว้เบื้องหลัง และฝากข้อความให้ข้านำมันกลับมาเพื่อให้เจ้าสังเกตดู แล้วทุกอย่างก็จะได้รับการตัดสินใจและได้ข้อสรุป”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านได้อ่านมันระหว่างทางด้วยหรือไม่ขอรับ?”