ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 772 ให้เปล่า (1)
บทที่ 772 ให้เปล่า (1)
“สหายเต๋าเทพวารี หลังจากใคร่ครวญมาสามวันแล้ว ข้าก็รู้สึกว่า… สิ่งที่ท่านกล่าวมาก่อนหน้านี้นั้น มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เผ่าปีศาจหาใช่เผ่ามนุษย์ไม่ ดังนั้น จึงไม่อาจสรุปรวมความเช่นเดียวกันได้ เผ่าปีศาจเป็นพันธมิตรหนึ่งที่กลุ่มพันธมิตรหมื่นวิญญาณได้ก่อตั้งขึ้น พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน หรือมีเชื้อชาติเดียวกัน และข้าก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเช่นกัน แล้ววันนี้ จะพูดว่า ข้าทรยศเผ่าปีศาจได้อย่างไร? ความจริงแล้ว ข้ายังคงเป็นปีศาจภายใต้เต๋าสวรรค์ ข้าโชคร้ายในเรื่องของลู่หยาจริงๆ แต่ข้าก็ไม่ได้ทรยศต่อเขาอย่างแน่นอน! เมื่อข้าได้ยินถ้อยคำต่างๆ ของสหายเต๋าครั้งแรกเมื่อสามวันก่อนนั้น ข้าก็รู้สึกว่า มันมีเหตุผล พวกมันได้ทำลายปราการป้องกันของข้าจริงๆ ทว่าพวกมันก็มีความซับซ้อนยิ่ง และข้าก็แอบคิดถึงเรื่องนี้ และพบว่าพวกมันได้รวมเรื่องเผ่าปีศาจมากเกินไป มันเป็นชัยชนะที่ไม่ยุติธรรม! วันนี้ ไยท่านและข้าไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเผ่าปีศาจในสมัยนั้น และผู้ใดเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงของโลกบรรพกาล?ข้าคนนี้ได้ช่วยจักรพรรดิปีศาจควบคุมดูแลเผ่าพันธุ์ทั้งหมดและหนีรอดพ้นจากอันตรายไปได้อย่างไร้ร่องรอย แม้จะไม่ขาดเล่ห์กล และการกระทำที่ชั่วร้ายในกระบวนการเหล่านี้ แต่ในท้ายที่สุด ข้าก็ยังปล่อยให้เผ่าพันธุ์นับพันให้หนีพ้นชะตากรรมจากการถูกพวกเผ่าเวทกลืนกินได้ ข้ามีซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมา และข้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดที่ผลักไสเผ่าปีศาจออกไปเพื่อช่วยศาลสวรรค์ ลู่หยา และตัวข้าเอง”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมาที่นี่พร้อมกับถือถุงเก็บสมบัติสองสามใบอยู่ริมสระบนยอดเขาเฮยฉือ เขาหรี่ตาลงทันทีและคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เจ๋อ
ความจริงแล้ว ไป๋เจ๋อผู้นี้ หลอกลวงได้ยากมากกว่าเหล่าปรมาจารย์เฒ่าที่เฝ้ามองดูจากระยะไกล…
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังคำพูดของไป๋เจ๋อในวันนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้หารือเรื่องนี้กับจอมปราชญ์หนี่วา ซึ่งมีการถกเถียง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ทว่าการถกเถียงนั้นก็ไม่สมเหตุผลมาตั้งแต่แรก และวันนี้ ไป๋เจ๋อก็ได้ท้าให้เขาเข้าร่วมการต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่แสดงอาการหวาดกลัวใดๆ
ผู้ใดจะไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เป็นเวลาสามวันหรือ?
เมื่อไป๋เจ๋อใช้เวลาสามวันคิดถึงช่องโหว่และความซับซ้อนในคำพูดของหลี่ฉางโซ่ว และข้อโต้แย้งของเขาก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วก็กำลังคิดว่าจะพูดอะไรในวันนี้
จุดเริ่มต้นของการพิชิตใจก็คือ การสื่อสารระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง
การจัดการรับมือกับคนอย่างไป่เจ๋อ เขาต้องมีความคิดที่ขัดแย้งกันมากพอ
กฎห้ามแห่งปราณวิญญาณของเขา และปฏิญญาเต๋าสวรรค์ จะทำให้เขาเชื่อฟังเพียงผิวเผินภายนอกได้เท่านั้น
ในภายหน้า หากเขาจำเป็นต้องใช้ไป๋เจ๋อจริงๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทั้งหมดเต็มที่ และมันจะไม่ถือเป็นการละเมิดปฏิญญาเต๋าสวรรค์…
หลี่ฉางโซ่วหยิบกองวัสดุล้ำค่าต่างๆ ออกมาจากถุงเก็บสมบัติของเขา แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า
“ท่านครูไป๋ เหตุใดวันนี้ท่านไม่ทำงานกับข้า มาร่วมสร้างที่พักอาศัยและครัวกัน?
จากนั้นเราค่อยมาพูดถึงเรื่องเผ่าปีศาจกันช้าๆ”
“ได้” ไป๋เจ๋อยิ้มและไม่ขัดแย้งในเรื่องนี้ แม้เขาจะรู้สึกไร้กังวล แต่เขาก็ยังกระตือรือร้นที่จะรอการโต้คารมของหลี่ฉางโซ่วในวันนี้
หลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งบุรุษและหนึ่งสัตว์มงคลก็เริ่มวุ่นวายกันทันที ไป๋เจ๋อพับแขนเสื้อขึ้น และหลี่ฉางโซ่วก็หยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมา
เขาพบรากฐาน และกำจัดวัชพืชก่อนจะเริ่มสร้างอาคารขนาดเล็ก
ไป๋เจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อเทียบกับเคหาสน์ถ้ำที่สร้างขึ้นจากพลังเวท และวิชาเวทแล้ว ที่นี่ก็ทำให้หัวใจเต๋าของข้ารู้สึกสงบสุขมากกว่าจริงๆ”
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบยกหัวข้อประจำวันออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ท่านครูไป๋ ไยเราไม่พูดคุยกันว่ามีโอกาสที่จะกอบกู้สถานการณ์เมื่อมีความขัดแย้งแตกแยกกัน และความเสื่อมถอยภายในเผ่าปีศาจหรือไม่?”
“คราวนี้ ข้าจะไม่ถูกหมัดของสหายเต๋ากระแทกจนหมดสติโดยไม่อาจปกป้องตัวเองได้เฉกเช่นครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน”
“ท่านและข้าเพียงแค่กำลังพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวต่อไปว่า “ผู้อาวุโสน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ดีที่สุด และข้าจะให้ท่านได้ตัดสินใจเลือกเอง
ท่านครูคิดว่าเผ่าปีศาจจะถูกช่วยชีวิตให้รอดพ้นในตอนนั้นได้หรือไม่?”
ไป๋เจ๋อครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ได้”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจรอดได้” หลี่ฉางโซ่วกดท่อนไม้กลมในมือของเขาลงไปที่พื้นและขุดหลุมที่ด้านหลัง
“ท่านครูขอรับ ได้โปรด”
“อืม แค่กๆ!
ข้อเสียของเผ่าปีศาจในอดีตนั้น ไม่ใช่ว่ามีเผ่าพันธุ์มากเกินไปและพวกมันกระจัดกระจายกันมากเกินไป
ทว่าในทางกลับกัน เป็นเผ่าเวทที่ปล่อยแรงกดดันไม่เพียงพอ พวกเผ่าเวทเพียงไล่ล่าและไม่ได้ปฏิบัติต่อเผ่าปีศาจเฉกเช่นศัตรู…
แม้ในสายตาของพวกเผ่าเวท อาหารก็ไม่สมควรจะถูกเรียกว่าเป็นศัตรู…”
ดังนั้น บนยอดเขาเฮยฉือ หนึ่งบุรุษและหนึ่งสัตว์มงคลที่แยกจากกันไปสามวันจึงกลับมาพูดคุยอีกครั้ง
ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะมาถึง เขาก็เตรียมพร้อมเต็มที่ และเพื่อความปลอดภัย เขายังได้เตรียมความคิดเห็นทั้งในแง่ดีและแง่ร้ายมาด้วย
เขาจับช่องโหว่บางอย่างในคำพูดของไป๋เจ๋อได้อย่างง่ายดาย และโต้กลับทันที โดยค่อยๆ นำไป๋เจ๋อเข้าสู่ท่วงทำนองของเขาเองทีละน้อย
หลังจากสร้างศาลาที่เรียบง่ายแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ทำให้ไป่เจ๋อไม่อาจตอบโต้ในสิ่งที่เขาพูดได้ได้อีกครา และเขายังทำให้ไป๋เจ๋อรู้สึกอย่างไม่ชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวคำอำลา เขาตกลงที่จะมาเยี่ยมชมยอดเขาในอีกสามวัน
จากนั้นไป๋เจ๋อก็เดินไปรอบๆ สระเป็นเวลาอีกสามวัน และในวันที่สาม ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น และเขาก็คิดถึงส่วนเชื่อมโยงที่สำคัญได้
จากนั้นเขาก็กระตือรือร้นที่จะลอง และรอให้หลี่ฉางโซ่วมา “สู้”!
บนยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วได้จัดการกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของศาลสวรรค์อย่างสบายๆ และมองดูสถานการณ์ของเผ่าปีศาจ
เขาใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของเสือดำ และมองไปยังการดำเนินงานของบ้านพักคนชราในเมืองอันสุ่ย
หลังจากนั้นเขาก็เตรียมคำถามและหัวข้อการโต้แย้งต่อไป ครั้นเมื่อถึงเวลาเขาก็ออกไปตามหาไป๋เจ๋อ
นี่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลอกได้ยากลำบากที่สุดที่หลี่ฉางโซ่วเคยเผชิญมานับตั้งแต่ที่เขาเปิดตัวครั้งแรกในโลกบรรพกาล
ต้องยอมรับว่า หลี่ฉางโซ่วมีเจตนาจะสยบไป๋เจ๋อ และให้ไป๋เจ๋อช่วยเขาด้วยความเต็มใจ
แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการใช้ไป๋เจ๋อให้เป็นกุนซือของเขา และเขาก็ไม่ต้องการกุนซือเช่นนี้ด้วย…
ร่างทองแห่งบุญกำลังจะก่อตัวขึ้นแล้วมิใช่หรือ?
มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพนั้นใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว หลังจากมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพแล้ว เขาต้องพิจารณาสละโลกและเข้าปิดด่านเมื่อได้ช่วยชีวิตคนที่เขาต้องการช่วยแล้ว
เขาต้องการให้ไป๋เจ๋อเป็นกุนซือเงาขององค์เง็กเซียน ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เจ๋อยังถูกสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินควบคุมอยู่ตลอดเวลา และเขาย่อมจะไม่ทำอะไรให้เกิดความวุ่นวายต่อสวรรค์
นี่ถือได้ว่าเป็นผลงานสุดท้ายของหลี่ฉางโซ่วที่ถวายต่อองค์เง็กเซียน
………………………………………………………………..