ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 778 หลิงจูจื่อในรูปแบบนี้ (4)
บทที่ 778 หลิงจูจื่อในรูปแบบนี้ (4)
หลี่ฉางโซ่วเกรงว่า ร่างหลักของเขามา แล้วเกิดทำให้ไท่อี่เจินเหรินโกรธจัดจนทุบตีเขาอย่างแรง
ใช่ มันก็ไม่ใช่เพราะเขากลัวตายจนไม่กล้าออกไปข้างนอก!
หลี่ฉางโซ่วกำลังถือยันต์หยกของไท่อี่เจินเหรินขณะที่เขาบินไปและอยู่ห่างจากภูเขาเฉียนหยวนไปสามร้อยลี้
ทันใดนั้นภูเขาที่ดูเหมือนธรรมดาก็เปล่งแสงสีทองออกมา
จากนั้นโครงร่างของระฆังสีทองก็ปรากฏขึ้นในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา!
ในขณะนั้น ก็มีรอยแยกปรากฏขึ้นในค่ายกลใหญ่ และร่างที่คุ้นเคยสองร่างก็บินออกมาจากค่ายกลและยืนรอคอยอยู่บนเมฆ
นักพรตเต๋าร่างผอมบางในชุดเสื้อคลุมสีแดงทางด้านซ้ายก็คือ ไท่อี่เจินเหริน
เขามีคิ้วกระบี่ ดวงตาสุกสกาวราวดวงดาว จมูกโด่งสูง และมีใบหน้าหล่อเหลา โครงหน้าขอบคมชัดเจน
ถือได้ว่า เขาเป็น เซียนบุรุษอันดับต้นๆ ในด้านทั้งรูปร่างและหน้าตาแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า
น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนนิ่งเงียบเป็นใบ้
นอกจากไท่อี่เจินเหรินแล้ว ที่ข้างๆ เขา มีคนที่มีใบหน้าธรรมดาๆ และมีกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกดีและซื่อสัตย์ เขาก็คือ อวี้ติ่งเจินเหริน
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาเห็นอวี้ติ่งเจินเหริน
อย่างน้อยที่สุด เมื่อเขาต่อสู้กับไท่อี่เจินเหริน ก็ยังมีผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานที่จะลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อก้าวเข้ามาหยุดยั้งการต่อสู้
หลี่ฉางโซวโค้งคำนับให้จากที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยจั้ง ไท่อี่เจินเหรินและอวี้ติ่งเจินเหรินก็คืนกลับการทักทายนั้นมาให้เช่นกัน
ทว่าน้ำเสียงของไท่อี่เจินเหรินก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เหอะๆ ข้าไม่อาจเปรียบเทียบกับสหายศิษย์พี่หญิงและศิษย์น้องหญิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้จริงๆ
เทพวารีไปที่เกาะซานเซียนในร่างหลักของเขา แต่เขามาที่ภูเขาเฉียนหยวนของข้าในฐานะร่างจำแลงแทน เชอะ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เวลานี้ พวกเผ่าปีศาจกำลังก่อปัญหา การเดินทางจึงไม่มั่นคงปลอดภัยนัก
ระดับฐานพลังของข้ายังตื้นเขินนัก หากไม่มีปรมาจารย์มากับข้าแล้ว แน่นอนว่า ร่างหลักของข้าก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวไปทั่วให้มากนัก
“ฮ่าๆ เจ้ากำลังกล่าวโทษข้าที่ไม่ไปรับเจ้า!”
ไท่อี่เจินเหรินผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญพลางกล่าวว่า “เชิญเทพวารีเถิด วันนี้ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า เราเข้าไปพูดคุยกันข้างในเถิด”
หลี่ฉางโซ่วพูดคุยโอภาปราศรัยกันเล็กน้อยและขี่เมฆออกไปข้างหน้า
เขายืนอย่างเชื่อฟังอยู่ข้างๆ อวี้ติ่งเจินเหริน และเข้าไปกับปรมาจารย์สองคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาปิดและแยกเอาสัมผัสเซียนรับรู้ที่กำลังตรวจจับสถานที่นั้นออกไป
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วเข้าสู่ค่ายกล สายตาของเขาก็ถูกถ้ำที่อยู่บนหน้าผาตรงหน้าเขา ดึงดูดทันที
ที่ด้านหน้าถ้ำนั้น มีเด็กสองสามคนกำลังยืนเรียงแถวและถือผลไม้และสุราอยู่
และที่ข้างๆ เด็กชายเหล่านั้น ยังมี “เทพธิดาน้อย” ที่สวมชุดเสื้อคลุมเต๋า และมีมวยอยู่บนศีรษะของนาง
นางกำลังยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมด้วยการแต่งกายที่วิจิตรงามตากว่าพวกเด็กชายมากนัก นางน่าจะเป็น…
ศิษย์ของไท่อี่เจินเหรินหรือ?
ช้าก่อน!
ศิษย์ของไท่อี่เจินเหรินไม่ใช่ไข่มุกวิญญาณ หลิงจูจื่อ จากชีวิตในชาติก่อนของนาจาหรอกหรือ?
แม้หลี่ฉางโซ่วจะไม่เคยได้ยินผู้ใดกล่าวถึงหลิงจูจื่อในโลกบรรพกาล แต่เขาจะไม่รู้เรื่องราวของนาจาได้อย่างไร?
แล้วนาจาจะเป็นสตรีไปได้อย่างไร?
เขาไม่ใช่บุตรชายคนที่สามของหลี่จิ้งหรอกหรือ?
บางที เทพธิดาน้อยรูปโฉมงดงามผู้นี้ อาจจะเป็น…
พี่สาวหรือน้องสาวของหลิงจูจื่อ?
ไท่อี่เจินเหรินร่อนลงบนก้อนเมฆและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ศิษย์ข้า ไยเจ้าไม่โค้งคำนับเล่า?
นี่คือ เซียนฉางเกิง เซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพวารีแห่งศาลสวรรค์
วันนี้ ข้าเชิญเขามารักษาเจ้า”
ทันใดนั้น “เทพธิดาน้อย” ก็กลั้นหายใจทันที เขาใช้มือเล็กๆ บีบมุมเสื้อผ้าของเขา และดวงตากลมโตของเขาก็สั่นไหว
เขาเม้มปากเพื่อรวบรวมพลังก่อนจะร้องตะโกนออกมาเบาๆ ว่า “ศิษย์หลิงจูจื่อ ขอน้อมพบ… ท่านอาจารย์อา… ฉางเกิง…”
ทันใดนั้นก็มีเครื่องหมายคำถามมากมายผุดขึ้นมาบนศีรษะของหลี่ฉางโซ่วด้วยความสับสนไม่เข้าใจ
หากไม่ใช่เพราะหูดีๆ ของเขา เขาก็คงไม่ได้ยินเสียงคำพูดที่เบาสุดๆ เหมือนเสียงยุงตัวเล็กๆ เหล่านี้จริงๆ
จากนั้น “เทพธิดาน้อย” ก็กระซิบว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์คนนี้ไม่ได้ป่วยขอรับ”
“หากเจ้าไม่ได้ป่วย เจ้าก็พูดเสียงดังๆ หน่อยสิ” ไท่อี่เจินเหรินกล่าวอย่างอบอุ่น
“ทำตัวให้เหมือนผู้เป็นเซียนบุรุษ แล้วให้ข้าและอาจารย์อาของเจ้าดูก่อน!”
“ขอรับ”
“เทพธิดาน้อย” รับคำ จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วลุกขึ้นยืน
เขากำหมัดแล้วชกออกไปข้างหน้า และทันใดนั้นก็มีคลื่นอากาศพุ่งออกมาจากปลายกำปั้นของเขา!
จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมด้วยเสียงเด็กๆ “ฮ่า!”
หลี่ฉางโซวถึงกับพูดไม่ออก
อวี้ติ่งเจินเหรินยกมือขึ้นเงียบๆ และตบเบาๆ พร้อมกับเค้นรอยยิ้มไม่น่าดูให้ “เทพธิดาน้อย” หลิงจูจื่อ และกล่าวเสียงทุ้มลึกว่า “ดี”
“หยา”
ทันใดนั้น หลิงจูจื่อก็ปิดหน้าด้วยมือทั้งสองข้างแล้วหันหลังเพื่อวิ่งกลับไปยังเคหาสน์ถ้ำ แล้วทิ้งรอยฝุ่นและควันเอาไว้เบื้องหลัง
“ท่านอาจารย์อาอวี้ติ่ง ข้าเกลียดยิ่ง…
ท่านอาจารย์ หลิงจูจื่อไม่ได้ป่วยจริงๆ!”
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วฉายแววงงงันทันที
ทำตัวเป็นสาวเลย เทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งเทวาสถานท้องทะเลทั้งสาม เทียนถานไห่หุย และแม่ทัพผู้โด่งดังแห่งศาลสวรรค์ในภายภาคหน้า…
ในขณะนั้น ไท่อี่เจินเหรินก็อดจะเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ข้าได้ทำบาปอันใดลงไป!?!
ฉางเกิง ช่วยข้าด้วย ช่วยคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาเป็นผู้ชายมากขึ้นด้วยเถิด
ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้จะรายงานท่านอาจารย์อย่างไรจริงๆ”
………………………………………………………………..