ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 786 แสงแห่งวิถีธรรม! (1)
บทที่ 786 แสงแห่งวิถีธรรม! (1)
‘สิ่งที่สวรรค์กลัวก็คือ พวกเผ่าปีศาจยังคงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเอาไว้ ฝ่าบาท พระองค์จะต้องไม่เข้าร่วมกองกำลังกับภูเขาวิญญาณแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม’
ในโถงตำหนักอันกว้างขวาง บนแท่นบัลลังก์อันสูงส่ง
นักพรตเต๋าลู่หยา ซึ่งได้กลายร่างเป็นนักพรตเต๋าชรา ได้ยกมือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากของเขา
คำเตือนของไป๋เจ๋อในวันนั้น ยังคงดังสะท้อนก้องอยู่ในใจของเขา และเขาก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างไม่อาจอธิบายได้
ที่ด้านข้างของแท่นสูง มีปีศาจเฒ่ามากกว่าสิบตน กำลังนั่งเงียบๆ
ขณะนั้น พวกมันส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและตื่นเต้นเล็กน้อย เพียงเพราะพวกมันได้ยินคำพูดของชายชราในชุดซอมซ่อขาดรุ่งริ่งที่กำลังพูดอย่างสงบอยู่ใต้แท่นสูง…
“…ฝ่าบาท ตอนนี้พระองค์เพียงต้องส่งกองกำลังจำนวนเล็กน้อยไปปราบปรามพวกเผ่าเวทในดินแดนเทวะอุดร และพระองค์ก็ทำให้ศาลสวรรค์ตื่นตกใจได้
“ตอนนี้ที่ศาลสวรรค์ต้องการยึดครองแดนยมโลก พวกเขาย่อมจะไม่มีวันเมินเฉยต่อพวกเผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดรอย่างแน่นอน
ในเวลานั้น มันต้องการเพียงกองทัพขนาดใหญ่เท่านั้นเพื่อที่จะพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังและล้อมการต่อสู้ แล้วพวกมันก็จะสามารถทำร้ายศาลสวรรค์ให้เจ็บปวดได้”
ข้ายังรู้ด้วยว่าองค์ชายไม่ต้องการเริ่มสงครามเต็มรูปแบบกับศาลสวรรค์
เขาเพียงกำลังรอโอกาสเช่นนี้เพื่อให้ศาลสวรรค์ได้รู้ถึงความยากลำบากและเจรจาสงบศึกกับองค์ชาย
ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อไม่ปล่อยให้องค์ชายประกาศสงครามกับศาลสวรรค์อย่างสมบูรณ์”
“ศาลสวรรค์ควรรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่เพราะพวกเขาสนับสนุนเต๋าสวรรค์
ก่อนหน้านี้ มีคนธรรมดาๆ ในสำนักบำเพ็ญประจิมที่พยายามยับยั้งความรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ของศาลสวรรค์ นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของพวกเขา
นอกจากนี้ ยังทำให้ศาลสวรรค์วิพากษ์วิจารณ์สำนักบำเพ็ญประจิมอีกด้วย ซึ่งนี่ไม่ใช่เจตนาของท่านอาจารย์ทั้งสองอย่างแน่นอน
ทุกคนในโลกบรรพกาลล้วนรู้ดีว่า สำนักบำเพ็ญประจิมนั้นยากจนและโชคร้าย
ข้ายังอยากให้สำนักบำเพ็ญประจิมได้ครองตำแหน่งเทพในศาลสวรรค์และเพิ่มโชคให้กับภูเขาวิญญาณของข้า และนั่นคือทั้งหมด ข้าไม่ขอสิ่งใดๆ ทั้งนั้น”
นักพรตเต๋าชราที่อยู่ในชุดเสื้อผ้ามอซอขาดรุ่งริ่งได้หยุดคำพูดของเขาไปชั่วขณะ แล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าบางของเขาขณะมองไปที่นักพรตเต๋าลู่หยา ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ ทำให้ผู้คนรู้สึกสนิทชิดใกล้และรู้สึกถึงความใจดีมีคุณธรรม
“ข้ายังรู้ด้วยว่าองค์ชายอาจมีการสงวนท่าทียั้งคิดอยู่บ้าง และไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับภูเขาวิญญาณของข้า”
ขณะกล่าว นักพรตเต๋าชราก็หยิบถุงออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วใช้พลังเซียนของเขาผลักมันตรงไปบนแท่นสูงนั้น
ในขณะที่ถุงนั้นบินไปข้างหน้า มันก็เปิดออกเอง และแสงสีทองก็ฉายกะพริบวิบวับอยู่ภายใน แล้วพลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ก็กระเพื่อมออกมาจากโถงตำหนักเป็นระลอก เผยให้เห็นตราประทับขนาดใหญ่อยู่ภายในนั้น
ตราประทับจักรพรรดิปีศาจ!
จู่ๆ ลู่หยาและปีศาจเฒ่าหลายสิบตนก็ลุกขึ้นยืนทันที และปีศาจเฒ่าทั้งหมดพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมยับยั้งแรงปรารถนาชั่ววูบที่อยากจะเอื้อมมือออกไป และปล่อยให้ตราประทับขนาดใหญ่นั้นตกลงไปอยู่ในมือขวาที่เหยียดยื่นออกมาของนักพรตเต๋าลู่หยา
นักพรตเต๋าชราในชุดซอมซ่อขาดรุ่งริ่งแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ศิษย์น้องตี้จั้งได้ให้สัญญาบางอย่างกับพวกเผ่าปีศาจเอาไว้ และคราวนี้ ข้าก็เอามันมาให้ท่านด้วย
การเดินหมากของศิษย์น้องตี้จั้งด้อยกว่าเทพวารีไปด้วยการเคลื่อนไหวเดียว เขาทำให้พวกเผ่าปีศาจบาดเจ็บล้มตายอย่างแสนสาหัส และถูกอาจารย์ตำหนิ
เทพวารีแห่งศาลสวรรค์นั้นยากที่จะจัดการได้จริงๆ …
ฝ่าบาท พระองค์ทรงคิดจริงๆ หรือว่า เทพวารีจะไว้ชีวิตพระองค์เพราะพระองค์ทรงเริ่มการเจรจาสงบศึก?
อย่าลืมว่า วิธีการของเขาในระหว่างการต่อสู้ที่ภูเขาเหยาเซิงโหดร้ายมากเพียงใด
เขาแตกต่างจากเราทั้งคู่ เขาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์และได้ถือกำเนิดมาหลังจากสมัยโบราณ เขาเกลียดชังพวกเผ่าปีศาจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ทุกท่าน โปรดพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ข้าจะไม่บังคับให้ท่านเข้าร่วมกองกำลังกับข้า ข้าเพียงรู้สึกว่า
ข้าเพียงรู้สึกว่า แม้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นตัวเอกในโลกนี้ แต่พวกเขาควรเหลือทางรอดเอาไว้ให้สิ่งมีชีวิตในสมัยโบราณอย่างพวกเราบ้าง
ทุกท่านคิดว่าถูกหรือไม่? ”
เมื่อสิ้นเสียงกล่าวของนักพรตเต๋าชราในชุดซอมซ่อขาดรุ่งริ่ง โถงตำหนักนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
ที่ใกล้ประตูโถงตำหนักนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงยืนกอดอก พิงเสาหินในขณะที่เด็กสาวผมสีเงินที่อยู่ข้างๆ นางถือดาบแล้วก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ
เหวินจิงเผยรอยยิ้มบางบนริมฝีปากของนาง แต่นางก็อดจะพึมพำในใจไม่ได้…
‘ไม่รู้ว่า กลิ่นอายที่ข้าจงใจทิ้งไว้เมื่อครู่นี้ จะถูกเทพวารีค้นพบหรือไม่
ตามนิสัยของเทพวารี เขาน่าจะคอยเฝ้าติดตามดูสถานที่นี้อยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
ว้าว ศิษย์ของจอมปราชญ์อีกคนหนึ่งได้ออกมาจากการปิดด่าน และเริ่มเข้ามาแทรกแซงในการต่อสู้ระหว่างสำนักบำเพ็ญประจิม และสำนักบำเพ็ญเต๋า
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่สะพัดในสำนักบำเพ็ญประจิมว่า ภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับสำนักบำเพ็ญเต๋า ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
จริงๆ แล้ว เขาเป็นใต้เท้าเทพวารีที่ตีเหล็ก[1] และเป็นหลิวสุ่ย ศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม
บางทีในอีกไม่กี่วัน นักพรตเต๋าชราผู้นี้ อาจถูกกำจัดไปอีกครั้ง แล้วเทพวารีจะกล่าวกับภูเขาวิญญาณอย่างสงบว่า
“ต่อไป”
บัดนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ค่อยๆ มีเสน่ห์น่าหลงใหล
“น้าเหวิน” เด็กสาวส่งข้อความเสียงมาว่า “คราวนี้เราควรฆ่าสิ่งมีชีวิตใดกัน?”
รอยยิ้มบนปากของเหวินจิงแข็งค้างทันที และนางก็กล่าวออกไปว่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่า ราชินี!
“เรียกข้าว่าพี่สาวก็ได้” อย่าเรียกข้าว่า น้าอีกต่อไป” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงส่งข้อความเสียงตอบกลับไป
“มันยังเร็วเกินไปที่จะต่อสู้ ไม่ต้องกังวลไป โลกภายนอกไม่ง่ายเหมือนทะเลเลือด สถานที่แห่งนี้มุ่งเน้นไปที่การวางกลอุบายและการวางแผน”
“อื้ม” เด็กสาวหลัวซา[2]ตอบรับ เส้นผมสีเงินยาวของนางราวกับสายน้ำไหลขณะที่นาง และนางสวมเสื้อคลุมของนางเอง แล้วสวมหมวกเสื้อคลุม
หน้าผากของเหวินจิงมีเส้นเลือดปูดโปนเป็นรูปกากบาทออกมา แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยวาจาใดอีก และยังคงยืนกอดอก พิงเสาหินเอาไว้
ร่างที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของนางปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างพร่ามัวขณะที่นางฟังนักพรตเต๋าชราที่ยังคงล่อหลอกพวกเผ่าปีศาจที่โง่เขลาต่อไป
เหตุใดถึงกล่าวว่า พวกเขาโง่?
จนถึงตอนนี้ นักพรตเต๋าชราได้กล่าวถ้อยคำออกมามากมาย และจริงๆ แล้ว ผู้ที่เรียกว่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจเหล่านี้ก็ไม่ได้สงสัยในตัวตนของนักพรตเต่าชราผู้นี้เลยด้วยซ้ำ…
ในที่สุด องค์ชายปีศาจก็ยังมีสติอยู่บ้าง และก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสร้างอีกพันธมิตรและเข้าร่วมกองกำลังกันอย่างเป็นทางการ เขาก็เอ่ยถามว่า
“ผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าจะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไร?”
นักพรตเต่าชราในชุดซอมซ่อขาดรุ่งริ่งแย้มยิ้มและกล่าวอย่างสงบว่า “ท่านอาจารย์ของข้าคือจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ข้ามีนามว่า สวีผูถี”
……
สัตว์มงคลคืออะไร?
เขามีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดรก่อนล่วงหน้าครึ่งปี
เขายังมีลางสังหรณ์ถึงการมาถึงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นแม้กระทั่งก่อนที่ ‘ผู้ริเริ่มภัยพิบัติ’ จะคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำโดยผ่านการปฏิบัติการของเต๋าสวรรค์ล้วนๆ…
ความจริงแล้ว นี่เป็นสัญชาตญาณชนิดหนึ่ง แต่เป็นสัญชาตญาณที่สามารถตามรอยสืบย้อนได้ หลี่ฉางโซ่วไม่อาจอิจฉาทักษะพลังเวทของไป๋เจ๋อได้จริงๆ
เหตุใดสิ่งมีชีวิตจึงมีความเหลื่อมล้ำต่างกันมหาศาลถึงเพียงนี้!?!
………………………………………………………………..
[1] ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อความสำเร็จ
[2] นามเรียกขานอีกนามขององค์หญิงพัดเหล็ก นางเป็นหนึ่งในสหายตั้งแต่วัยเยาว์ของซุนหงอคง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครเด่นในนวนิยายเรื่องไซอิ๋ว
…………………………………………………………