ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 803 การมาเยือนของคุณชายอวิ๋น (3)
บทที่ 803 การมาเยือนของคุณชายอวิ๋น (3)
แค่เครื่องปรุงรสสำหรับเผ่าเวทหนึ่งร้อยคนหนึ่งร้อยปีก็เพียงพอแล้ว อย่าให้มากเกินไป
หากให้มากเกินไป พี่น้องของเรา… ก็จะยอมรับมันเอาไว้อย่างไม่เต็มใจ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็ไม่อาจฝืนบัญชาฝ่าลิขิตสวรรค์ได้ ”
“เครื่องปรุงรส?” แม่ทัพตงมู่มองดูหลี่ฉางโซ่วอย่างฉงน แล้วหลี่ฉางโซ่วก็แย้มยิ้มและกล่าวอะไรบางอย่างผ่านการส่งข้อความ จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็อดจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
แม่ทัพตงมู่ยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเผ่าเวทชอบกิน จึงไม่ยากที่จะทำเช่นนั้น ไว้ข้าค่อยขอสูตรจากเทพวารีหลังจากนี้ และจะขอให้เหล่าเซียนสตรีในวังสวรรค์ทำและส่งไปให้แดนยมโลก เช่นนั้นเป็นอย่างไรเล่า?”
หัววัวรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ขอบคุณ เทพวารี! ขอบคุณ แม่ทัพตงมู่!”
ในขณะนั้นหน้าม้าโกรธจัดจนกลอกตา แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะสร้างปัญหาอันใด
หลังจากส่งหัววัวและหน้าม้าจากไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วและแม่ทัพตงมู่ก็ขี่เมฆกลับไปที่ศาลสวรรค์พร้อมกับนำเหล่าแม่ทัพสวรรค์หลายสิบคน
บรรดาผู้เป็นเทพเซียนทั้งหมดในศาลสวรรค์ได้มารวมตัวกันที่ประตูสวรรค์อุดร และหลังจากที่เสนาบดีผู้ทรงอำนาจทั้งสองกลับมา พวกเขาก็แสดงความยินดีกับเสนาบดีทั้งสองอีกครั้ง
หลังจากดิ้นรนเช่นนี้มาครึ่งวันแล้ว ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ก็กลับมาที่ตำหนักที่พำนักเทพวารีของเขา เขาไม่มีเวลาพักผ่อนและยังคงเพ่งจิตสนใจติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเผ่าปีศาจที่ชายแดนดินแดนเทวะอุดรต่อไป
คราวนี้ พวกเผ่าปีศาจได้รับความสูญเสียอย่างหนักทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดร พวกมันสูญเสียกองกำลังและแม่ทัพ และพลังชีวิตของพวกมันก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก
เมื่อพวกเผ่าปีศาจได้รับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับต่อหน้าพวกเผ่าเวท เหล่าปีศาจที่เฝ้าชายแดนทางใต้ของดินแดนเทวะอุดร ก็ทำท่าราวกับว่าพวกมันกำลังกรีธาทัพมาโจมตีและให้การสนับสนุนช่วยเหลือ
ทว่ามันต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดชั่วโมงยามกว่าพวกชนชั้นยอดที่เหลือของเผ่าปีศาจจะผ่านพ้นแดนไอพิษที่หนาทึบได้
ประการที่สอง ทางตอนเหนือของดินแดนเทวะมัชฌิมา แสงเซียนยังคงอยู่เหนือสำนักเซียนมากมายหลายแห่ง และดูเหมือนว่า ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนจะได้รับคำสั่งบางอย่างและจัดวางค่ายกลต่อสู้ไว้เหนือสำนัก
เผ่าปีศาจที่ ‘ค่ายฐาน’ รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างกะทันหัน และในไม่ช้า พวกเขาก็รีบตัดสินใจละทิ้งเหล่าทหารปีศาจทางตอนเหนือของดินแดนเทวะอุดร
แน่นอนว่า นี่เป็นไพ่ไม้ตายเล็กๆ ที่หลี่ฉางโซวเคยจัดเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้
เขาเพียงแค่ใช้การเชื่อมโยงติดต่อส่วนตัวของเขาเพื่อส่งคำเชิญขอความช่วยเหลือไปยังสำนักเซียนจำนวนเล็กน้อย โดยขอให้พวกเขากดดันกลุ่มปีศาจ และสำนักเซียนเหล่านี้ก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตามน้ำเช่นกัน
ดินแดนเทวะอุดรพ่ายแพ้ และเหล่าปรมาจารย์ก็หลบหนีไปในสภาพที่น่าอนาถใจ บรรดาทหารปีศาจส่วนใหญ่ที่พวกเขาส่งมากว่าเก้าในสิบส่วน ล้วนถูกทำลายล้าง แน่นอนว่า พวกเผ่าปีศาจย่อมเดือดดาลยิ่ง
แต่หลังจากฟังอย่างตั้งใจมาสักระยะหนึ่ง หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่ามีปีศาจเพียงไม่กี่ตัวที่ประณามว่าเขาในฐานะเป็นเทพวารี
เผ่ามังกรถูกประณามมากที่สุดว่าประจบอาใจศาลสวรรค์ และทหารสวรรค์ก็ถูกประณามว่า “ใช้เต๋าอาวุธ” ที่เป็นโล่”
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเต๋าอาวุธและไม่กล้าต่อสู้
เมื่อเอ่ยคำถึงสองคำว่า ‘เทพวารี’ เหล่าปีศาจส่วนใหญ่ก็รู้สึกมีอารมณ์สะเทือนใจเล็กน้อย
มีปีศาจมากมายที่ถึงกับยกย่องความกล้าหาญของเทพวารี พวกเขากล่าวว่าบรรพบุรุษของพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งน้ำด้วยเช่นกัน…
วัฒนธรรมของเผ่าปีศาจเป็นสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วคาดเดาไม่ได้จริงๆ น่าเสียดายที่เขาไม่พบว่าลู่หยากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด
หากไม้เฉียนคุนทำให้ลู่หยาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็สามารถเตรียมการลอบโจมตีและเด็ดชีพในขณะที่ลู่หยาเจ็บป่วยได้
ปีศาจที่ชายแดนของดินแดนเทวะอุดรไม่ได้ยกทัพเคลื่อนพลอีกต่อไป และพวกมันก็ไม่ได้แสดงสัญญาณแนวโน้มของการยกทัพโจมตีใดๆ อีกด้วย ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงรู้สึกสบายใจ
ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า บางที เผ่าปีศาจคงจะสงบลงแล้ว
จุดเน้นของงานของเขาและแม่ทัพตงมู่จะต้องอยู่ที่การขยายความแข็งแกร่งของศาลสวรรค์
เขาต้องรอให้องค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่เสด็จกลับไปยังศาลสวรรค์ และนั่นจะเป็นเวลาที่จะกำจัดปีศาจอย่างแท้จริง
การต่อสู้ในวันนี้เป็นเพียงเพื่อให้ปีศาจทำตัวดีขึ้นเท่านั้น
กระบี่หยวนถู…
เด็กสาวผมสีเงิน…
หลี่ฉางโซ่วอดจะบ่นถึงนิสัยของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมที่กลับไปกลับมาไม่ได้
ทว่าจอมปราชญ์ก็ได้กระทำตัวตลบตะแลงอย่างไร้ยางอาย เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ แล้ว แล้วพวกเขา มดตัวเล็กๆ เช่นนี้ จะทำอะไรได้?
พวกเขาก็ทำเพียงได้แค่อดทนเท่านั้น
ในห้องลับของยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วได้วางไม้เฉียนคุนและเจดีย์เสวียนหวงเอาไว้ที่หน้ารูปเหมือนของเหล่าจื้อ
จากนั้นเขาก็โค้งคารวะให้จอมปราชญ์ไท่ชิงสามครั้ง แล้วเจดีย์เสวียนหวงและไม้เฉียนคุนก็หายไปจากโต๊ะ
มีอักขระเต๋าที่คุ้นเคยค่อยๆ กระจายออกไปในหัวใจของหลี่ฉางโซ่ว และควบแน่นเป็นตัวอักขระใหญ่สองตัว จากนั้นก็สลายไปสู่ความว่างเปล่า
“อย่ากังวล”
หลี่ฉางโซ่วตกตะลึง จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้รูปภาพเหมือนของจอมปราชญ์ก่อนจะออกจากห้องลับไป
หลังจากกลับมาทำสมาธิที่หอโอสถแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มสรุปการต่อสู้ในดินแดนเทวะอุดร
เขาใคร่ครวญถึงข้อบกพร่องและความไม่สอดคล้องที่เขาได้ทำขึ้นและครุ่นคิดถึงการพัฒนาที่ตามมา
หากระดับฐานพลังของเขาสามารถเท่ากับหรือคล้ายกับนักพรตเต๋าลู่หยา
วันนี้เขาก็มีโอกาสสังหารลู่หยาได้จริงๆ
“เฮ้อ…”
ระดับฐานพลังนั้น เขาต้องอาศัยการสะสมเป็นระยะเวลานาน และนี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจเร่งรีบได้
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ได้มีอายุยืนยาว ความเร็วที่เขาหยึ่งรู้เข้าใจเต๋าก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ความคิดดั้งเดิมและความคิดที่ไร้การยับยั้งควบคุมส่วนใหญ่ของเขาก็หมดสิ้นไปแล้ว เรื่องของการฝึกบำเพ็ญเต๋าก็กลับไปสู่การสะสมความเข้าใจ
หลังจากนี้ ข้าจะไปที่วังดุสิต และรายงานเรื่องนี้ต่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ ในระหว่างการสู้รบในดินแดนเทวะอุดร หลี่ฉางโซ่วได้ขอให้แม่ทัพสวรรค์สองสามคนใช้ผลึกบันทึกเหตุการณ์เพื่อจัดทำบันทึกที่ครอบคลุมรอบด้าน
เขาสามารถนำสิ่งเหล่านั้นไปสู่อาวุธยุทโธปกรณ์ปีศาจโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และให้พวกเขาได้เห็นพลังการต่อสู้ของศาลสวรรค์ในเวลานี้ และยังสามารถทำให้เหล่าผู้อาวุโส รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กำลังจะมุ่งความสนใจไปที่ตำหนักที่พำนักเทพวารีแห่งศาลสวรรค์
ทว่าจู่ๆ หัวใจของเขาก็เคลื่อนไหว และสัมผัสเซียนรับรู้ที่เต็มไปทั่วทั้งสำนักก็มารวมตัวกัน และมุ่งไปที่ประตูภูเขา
ที่นั่น มีคุณชายหนุ่มรูปโฉมงามสง่าผู้หนึ่ง ขี่เมฆมา เขา ค่อยๆ คลี่พัดเจ๋อซ่านในมือของเขาออกเบาๆ และเผยให้เห็นคำว่า ‘เมฆ’
เมื่อ “คุณชาย” มาถึงหน้าประตูภูเขา เขาก็ประสานมือคารวะให้ผู้พิทักษ์ประตูชราสองสามคนแล้วยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน
“ข้า เสี่ยวอวิ๋นมาเยี่ยมเยียนสหายที่ดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านจะเรียกเขามาให้ข้าได้หรือไม่”
ชายชราถามอย่างเป็นกันเองว่า “สหายเต๋า สหายที่ท่านกำลังมองหามีนามเต๋าใด?”
“หลี่ฉางโซ่วแห่งยอดเขาหยกน้อย… ทุกท่าน ไม่ต้องห่วง เขามาที่นี่แล้ว”
………………………………………………………………..