ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 804 จะสู้ศึกนี้อย่างไร (1)
บทที่ 804 จะสู้ศึกนี้อย่างไร (1)
นี่…
ทำไมพวกเขาถึงโจมตีข้าโดยไม่ได้ให้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย?
ที่หน้าประตูภูเขา หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆมาด้วยความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขารีบพุ่งมาจากยอดเขาหยกน้อย และประสานมือโค้งคารวะให้คุณชายหนุ่มรูปงามที่อยู่นอกประตูภูเขา
จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “คุณชายเซียว ท่านมีเวลาว่างได้อย่างไร?”
คุณชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์กล่าวอย่างอบอุ่นพร้อมด้วยดวงตาที่ฉายแววยิ้มว่า “ข้ามากะทันหันหรือ?”
“ไฉนถึงกล่าวเช่นนั้นเล่าขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและผายมือเชื้อเชิญ จากนั้นเขาก็มองดูเซียนชราผู้พิทักษ์ประตูภูเขาและโค้งคำนับให้
“คุณชายเซียวผู้นี้เป็นสหายที่ดีของศิษย์ ไม่รู้ว่าศิษย์จะพาเขาไปที่ประตูภูเขาก่อนได้หรือไม่?”
แล้วศิษย์จะไปรับป้ายเข้ามาเยือนที่หอไป่ฝานในภายหลัง ”
ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่พิทักษ์ประตูภูเขาในวันนี้ กำลังตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขากล่าวว่า “แม้ข้าจะเชื่อใจศิษย์หลานข้า ฉางโซ่วได้ แต่กฎของสำนักก็เป็นเช่นนี้ เราไม่อาจพาผู้ใดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ … ”
ทำได้ดี! ผู้อาวุโสทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่แล้ว!
ในกรณีนั้น ด้วยลักษณะนิสัยที่อ่อนโยนของผู้อาวุโส ผู้อาวุโสย่อมจะไม่ทำให้เรื่องยากให้เขา
แท้จริงแล้ว “คุณชายผู้บอบบาง” ได้เตรียมพร้อมที่จะกล่าวเชิญหลี่ฉางโซ่วให้ไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ ประตูภูเขาโดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้ว
ทว่า!
ฟิ้ว…
มีเสียงดัง แสงสีเขียวลอยมาจากยอดเขาทลาย กลายเป็นป้ายไม้ที่ตกลงไปด้านหน้าหลี่ฉางโชว
ทันใดนั้นก็เสียงดังสนั่นปานทะลุผ่านท้องฟ้า และมีแสงสีเขียวลอยมาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์แล้ว กลายเป็นป้ายไม้ ตกลงมาต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว
เจ้าสำนักผู้ว่างเปล่า แค่กๆ เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว!
จากนั้นเสียงของจี้อู๋โหย่วก็ดังขึ้นมาจากป้ายไม้!
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉางโซ่วได้ช่วยสำนักแก้ไขปัญหาพลังวิญญาณของค่ายกลเวทห้าธาตุที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
มันก่อปัญหาให้ข้ามานานนับหมื่นปี ข้าจึงขอมอบป้ายคำสั่งนี้ให้เป็นรางวัลตอบแทนพิเศษ
ด้วยป้ายคำสั่งนี้ เจ้าสามารถพาผู้คนเข้าและออกจากสำนักและโถงตู้เซียนได้ตามต้องการ”
หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม
เขาหยิบป้ายไม้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่เมตตาขอรับ”
จากนั้นผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนที่พิทักษ์ประตูภูเขาก็รีบปล่อยให้พวกเขาเข้าไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นยังคงงงงวย
พวกเขาสงสัยว่า ‘เหตุใดเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จึงต้องมีการใช้ป้ายคำสั่งของเจ้าสำนักซึ่งปกติแล้วจะไม่ออกมาในเวลานับร้อยปี?
แล้วเจ้าสำนักจะเพียงส่งข้อความความเสียงมาโดยตรงไม่ได้หรือ?
ในขณะนั้น ‘คุณชายผู้บอบบาง’ ก็ขยิบตาให้ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีก เขายืนอยู่บนก้อนเมฆและมองดูมันด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเชิญเขาเข้าไป เขาก็ขี่เมฆออกไปข้างหน้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนเมฆสีขาวที่อยู่ใต้เท้าของหลี่ฉางโซ่ว
เขากระซิบว่า “ว่าแต่ ข้ารบกวนเจ้ามากเกินไปหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “จู่ๆท่านก็มาที่นี่กะทันหัน ข้าเพียงแค่งุนงงเล็กน้อย ท่านกล่าวได้หรือไม่ว่ามันเป็นการรบกวน”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆและพา “คุณชายผู้บอบบาง” ผู้นี้ ตรงไปยังยอดเขาหยกน้อย
ในกระท่อมเล็กๆ ข้างๆ โถงตู้เซียน เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วก็หรี่ตาลงและยิ้ม
แม้เขาจะไม่รู้ว่าผู้ใดมาหาฉางโซ่ว แต่เขาก็รู้ว่าต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสามอย่างแน่นอน แล้วเขาจะทำให้แขกไม่พอใจเพราะกฎของสำนักตู้เซียนได้อย่างไร?
เขาต้องมอบความเคารพให้ปรมาจารย์เต๋าน้อย!
คราวนี้วิถีของข้าก็ขยายกว้างขึ้นอีก!
……
เมื่อเขาร่อนลงบนยอดเขาหยกน้อย คุณชายผู้บอบบางก็สัมผัสถึงชั้นต่างๆ ของค่ายกลใหญ่ที่ล้อมรอบยอดเขาหยกน้อย และรีบถอนเวทลวงตาด้วยความโล่งใจในทันที
ครั้นเมื่อหมอกบางเบาจางหายไป นางก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมของนาง
คิ้วโก่งงดงาม ดวงตาดูฉ่ำน้ำและนางก็เม้มปากบางของนางขณะที่เงียบงันไปเป็นเวลานาน
หมู่เมฆหมอกได้ก่อตัวเป็นแขนเสื้อชุดนี้ เซียนใดกันที่มีบุปผากิ่งก้านหนาวเย็นอย่างภาคภูมิใจเช่นนี้?
จะเป็นผู้ใดไปได้อีก นอกจากเทพธิดาอวิ๋นเซียว?
หลี่ฉางโซ่วพาเทพธิดาอวิ๋นเซียวไปยังทะเลสาบวิญญาณแห่งยอดเขาหยกน้อย
อวิ๋นเซียวเงียบสงบและ ไม่ได้คิดเรื่องนี้มากนัก นางเพียงแค่มองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
จากนั้นเทพธิดาก็เอ่ยถามว่า “เจ้าได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับองค์ชายปีศาจใช่หรือไม่?”
“ไม่หรอก” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเพียงว่า พลังเซียนของข้าถูกใช้มากเกินไปเล็กน้อย
ความจริงแล้ว ข้าไม่ได้ต่อสู้กับเขาจริงๆ ข้าเพียงใช้สมบัติที่ท่านอาจารย์มอบให้ไปต่อสู้กับเขาเท่านั้น”
อวิ๋นเซียวกล่าวอีกครั้งว่า “ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีสองเรื่องที่ข้ากังวล และอยากให้คำชี้แนะบางอย่างแก่เจ้า
คนที่อยู่บนยอดเขาใกล้เคียงคือ ผู้บัญชาการปีศาจโบราณ ไป๋เจ๋อใช่หรือไม่? ข้าไปทำให้เขารู้สึกกลัวมากขึ้นหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ ตอนนี้ ท่านไป๋รู้สึกหดหู่ใจ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในตอนนี้… ข้าควรจะปฏิบัติดูแลเขาให้ดีขึ้น เขาถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และข้าทรมานจิตใจทั้งหมดจนได้รับความเสียหายมาก่อนหน้านี้”
“ถูกทรมานหรือ?”
อวิ๋นเซียวกะพริบตาและถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าใช้วิธีการทรมานบางอย่างหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วนำอวิ๋นเซียวร่อนลงมายังใต้ต้นหลิวและกล่าวว่า “เรื่องมันยาว ไว้ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างช้าๆ ทีหลัง
ในเมื่อเรามาที่นี่แล้ว มาทักทายท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของข้าก่อนเถิด”
“ได้” อวิ๋นเซียวพยักหน้า
นางไม่ได้กระบิดกระบวนเหมือนเด็กสาว และนางก็ไม่ได้ประหม่าหรือเขินอายใดๆ เลย
ต่อให้นางจะไปทักทายเขาที่วิหารไท่ชิง หัวใจเต๋าของนางก็จะกระจ่างใสชัดเจนและไร้มลทิน ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ นับประสาอะไรกับการไปบนยอดเขาหยกน้อย
หลี่ฉางโซ่วนำอวิ๋นเซียวไปที่กระท่อมมุงจากสองสามหลังแล้วส่งข้อความเสียงไปให้พวกเขาในกระท่อม
หลิงเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ผลักเปิดหน้าต่างกระท่อมมุงจากของนางออก และโผล่ศีรษะเล็กๆ ของนางออกมา
เมื่อนางเห็นร่างของอวิ๋นเซียว นางก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นนางก็ดึงศีรษะเล็กๆ ของนางกลับคืนมา
หลิงเอ๋อร์ !!!
กะ-เกิดอันใดขึ้น!?!
นั่นเป็นไปได้อย่างไร!?!
เทพธิดาอวิ๋นเซียวมาถึงประตูบ้านแล้วหรือ?
ในที่สุดเราก็มาถึงเหตุการณ์ที่บ้านของเรากำลังสูญหาย ประตูเมืองกำลังถูกไฟไหม้
หรือนี่คือ เหตุการณ์ที่บ้านเกิดของเรากำลังถูกปล้นไป!
หลิงเอ๋อร์เม้มปาก แล้วรีบนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาของนางลุกโชนด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ แต่ในขณะนั้น นางก็รู้สึกราวกับมีอ่างน้ำเย็นเทเทน้ำเย็นใส่ร่างของนาง…
อวิ๋นเซียว นั่นคือ เทพธิดาอวิ๋นเซียว!
เหล่าปรมาจารย์ของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่บันทึกไว้ในตำราโบราณ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ต่ำกว่าจอมปราชญ์ในโลก เพียงมองดูนาง ก็ได้เห็นความงดงามและสง่างามที่พิเศษเหนือสามัญอย่างหาที่เปรียบมิได้ของนาง…
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใบหน้างดงาม หรือเรือนร่างวิจิตร และสมส่วนดีปานใดจะมาเทียบเทียมได้
นิสัยของนางคล้ายกับเต๋า และไม่ใช่สิ่งธรรมดา ซึ่งผู้อื่นไม่อาจลอกเลียนแบบเช่นนั้นได้อย่างเด็ดขาด ต่อให้พวกเขาจะต้องการเลียนแบบก็ตาม!
ตึ้ง!
………………………………………………………………..