ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 810 การพบกันของหลิงเอ๋อร์และอวิ๋นเซียว (4)
บทที่ 810 การพบกันของหลิงเอ๋อร์และอวิ๋นเซียว (4)
อวิ๋นเซียวหัวเราะเบาๆ และลูบมือเล็กๆ ของหลิงเอ๋อร์
นางถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “หลังจากพบเขาครั้งสุดท้าย คำถามสองข้อก็ยังวนเวียนอยู่ในใจของข้า หากข้าผ่านภัยพิบัติแห่งความรัก และหัวใจเต๋าของข้าฟื้นคืนสู่ความใสกระจ่างชัดเจนอีกครั้ง แล้วข้าจะยังเห็นร่างเขาอยู่หรือไม่? เขาและข้า เราจะบรรลุผลแห่งการครองคู่ได้จริงๆ หรือ?”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“ท่านทำได้หรือ?”
“ยิ่งระดับฐานพลังสูงมากเท่าใด ก็ยิ่งใกล้ชิดกับเต๋ามากขึ้นเท่านั้น
หากวันที่ข้าบรรลุผลแห่งการครองคู่กับเขา นั่นก็คือวันที่ข้าข้ามผ่านภัยพิบัติได้
แล้วนั่นจะไม่ทำร้ายเขาให้เจ็บปวดหรอกหรือ?
ผู้ที่เป็นเช่นข้า ซึ่งไร้ประโยชน์ต่อเต๋า ล้วนถือเป็นกรรมปีศาจ
ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไปยังโลกมนุษย์ แต่กลับพบว่า ข้าคิดผิดอีกแล้ว”
“ท่านทำอันใดผิดอีกหรือ?”
“ในการครองคู่ สิ่งมีชีวิตเซียนเทียนเช่นข้า ไม่อาจให้การตอบสนองที่เขาสมควรได้รับได้จริงๆ
ธรรมชาติของมนุษย์คือ การปกป้อง ช่วยเหลือเกื้อกูลและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แล้วในท้ายที่สุด ข้าก็ไม่อาจให้สิ่งเหล่านี้แก่เขาได้”
หลิงเอ๋อร์อดจะขมวดคิ้วและคิดไม่ได้
นางพยายามทำความเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของอวิ๋นเซียวอย่างเต็มที่
“พี่สาว ท่านรู้สึกว่า…
ท่านตกหลุมรักศิษย์พี่ของข้าเพราะหัวใจเต๋าของท่านขาดบางสิ่งไป และศิษย์พี่ของข้าก็คอยปกป้องพี่สาวของข้า
จากนั้นพี่สาวของข้าก็กังวลว่าเมื่อพวกท่านทั้งสองก้าวไปสู่การเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า หัวใจเต๋าของพี่สาวของข้า ก็จะถูกฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ แต่ความรักที่มีต่อศิษย์พี่ของข้าจะกลับจางหายไปสิ้นแทน
เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
จากนั้นพี่สาวของข้าก็สังเกตเห็นว่าคู่รักมนุษย์ใช้ชีวิตกันอย่างไร และท่านยังรู้สึกว่าท่านเป็นสิ่งมีชีวิตเซียนเทียน
และท่านไม่อาจสามารถมอบอารมณ์ความรู้สึกแห่งการร่วมหวานร่วมขม และผ่านเรื่องราวต่างๆ ให้อารมณ์ดุจลงเรือลำเดียวกันกับศิษย์พี่ของข้าได้ใช่หรือไม่?”
อวิ๋นเซียวยิ้มอ่อนโยน และกล่าวว่า “เจ้าฉลาดมากจริงๆ”
หลิงเอ๋อร์ยิ้มอายๆ จากนั้นก็มีเสี้ยวควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเหนือศีรษะของนาง แล้วนางก็แทบจะเป็นลมหมดสติไป!
“ยิ่งไปกว่านั้น…”
ความสิ้นหวังในดวงตาของอวิ๋นเซียวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“ข้าหยั่งรู้ได้ว่า ในภายภาคหน้า อาจมีภัยพิบัติใหญ่หลวงที่อยู่ใกล้ตัวเขา มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่จะนำเขาเข้าสู่ภัยพิบัติของข้า ทว่าข้าก็ไม่อาจตัดสินใจตัดขาดกับเขาได้…”
หลิงเอ๋อร์กล่าวเบาๆ ว่า “ที่พี่สาวมาที่นี่วันนี้ หรือว่าท่านอยากมาพบข้าเจ้าคะ? ”
“ถูกต้อง ข้าอยากมาพบเจ้า” อวิ๋นเซียววางมือของหลิงเอ๋อร์ไว้บนเข่าของนาง และกล่าวว่า
“ข้ายังอยากจะบอกเจ้าเช่นกันว่า แม้ศิษย์พี่ของเจ้า และข้าจะกลายมาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าแล้ว เราก็จะเป็นเหมือนสหายร่วมทางบนวิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญมากขึ้น…
เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น มีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถมอบความรักที่เขาต้องการได้
หลังจากวันนี้ไป ข้าจะเข้าปิดด่านจนกว่าภัยพิบัติใหญ่จะมาถึง และข้าจะพยายามทำให้เขาหลุดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างเต็มที่ หากข้าสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติไปได้…”
“พี่สาว ความจริงแล้ว ศิษย์พี่รู้เรื่องภัยพิบัติของท่านเจ้าค่ะ”
“หือ?” อวิ๋นเซียวตกใจไม่ทันตั้งตัว
หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก และกล่าวอย่างหนักแน่น
“แม้ศิษย์พี่จะไม่เคยบอกเรื่องนี้กับข้า แต่ข้าก็มั่นใจว่าเขารู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
ในตอนแรก เมื่อเขามอบปิ่นหยกนี้ให้ข้าเป็นครั้งแรก เขาก็ยิ้มเมื่อเอ่ยถึงท่าน ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความสิ้นหวังและความเศร้าหมอง
นอกจากนี้ ยังมีความขัดแย้งบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา
ศิษย์พี่คงตกหลุมรักท่านในเวลานั้นแน่ แต่มีอะไรที่ทำให้ศิษย์พี่หยุดไป!?
ในคราแรก ข้าคิดว่า ศิษย์พี่รู้สึกว่า ระดับฐานพลังของเขาแตกต่างจากของพี่สาวมากเกินไป
ทว่าในเวลาต่อมา ข้าก็พบว่าหาเป็นเช่นนั้นไม่ หลังจากที่ศิษย์พี่เอ่ยถึงพี่สาวกับข้าสองครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่า เขาได้ตัดสินใจเริ่มวางแผนอะไรบางอย่าง…
ทุกๆ ครั้งที่เขาวางแผน เขาจะนั่งเฉยๆ และครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานหลายปี
ข้าเห็นแผนการที่ศิษย์พี่วาดเอาไว้เป็นบางคราว มีเมฆก้อนหนึ่ง มันน่าจะเป็นตัวแทนของพี่สาวเจ้าค่ะ…
หลังจากนั้นข้าก็อยู่บนภูเขา และไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของข้าทำอะไรอยู่ข้างนอก
แต่เมื่อดูจากร่องรอยการเคลื่อนไหวของม้วนกระดาษในกระท่อมมุงจากของศิษย์พี่
ข้าก็รู้ว่า เขาได้เริ่มนำแผนเหล่านี้ไปลงมือปฏิบัติแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดในที่นี้ น่าจะเป็นเหรียญทองแดงสองเหรียญที่มีปีกเล็กๆ
ก่อนที่ห้องลับใต้ดินจะถูกสร้างขึ้นใหม่ รูปเหมือนของเหรียญทองแดงทั้งสองนั้น ก็ได้ถูกแขวนไว้บนผนังห้องลับ ทว่าพี่ใหญ่ก็ถอดพวกมันออกไปในเวลาต่อมา…”
จากนั้น อวิ๋นเซียวก็พลิกมือของนาง แล้วเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง
“ใช่ๆ! นั่นแหละเจ้าค่ะ!”
“ข้ารู้สึกสบายใจที่สุดที่จะฝากของสิ่งนี้ไว้ให้ท่านที่นี่”
อวิ๋นเซียวตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ก็นึกถึงบางอย่างได้ นางจึงหันศีรษะไปและบีบปากของนางแรงๆ
แล้วนางจะสู้ได้อย่างไรเล่า? นางได้ทรยศศัตรูด้วยตัวเองแล้ว!
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่ามีสองมือนุ่มๆ ราวแมวน้อยปัดผ่านไหล่ของนาง
และก่อนที่หลิงเอ๋อร์จะทันได้ตอบสนอง นางก็ถูกเทพธิดาที่อยู่ข้างๆ กอดนางเอาไว้แล้ว
เอ๋?!
“เมื่อข้าไปแล้ว ช่วยข้าส่งต่อกอดนี้ให้เขาทีเถิด”
“นี่… นี่มันสามารถส่งต่อได้ด้วยหรือเจ้าคะ?”
“ข้ายังไม่ได้ไปถึงจุดที่สนิทกับเขาถึงเพียงนั้น ข้าไม่อาจใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาได้ถึงเพียงนี้”
อวิ๋นเซียวกล่าวพร้อมด้วยความโล่งใจที่เต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของนาง
“ในท้ายที่สุดแล้ว ต่อหน้าเขา ก็เป็นข้าเองที่ควรจะเป็นคนที่เรียกเจ้าว่า พี่สาว หลิงเอ๋อร์ สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ข้าคิดก็คือ ข้าควรปฏิบัติต่อเขาอย่างไร
แต่เจ้า หลิงเอ๋อร์ เจ้าเสียสละมาโดยตลอด และไม่เคยคิดถึงตัวเองเลย ข้ายังด้อยกว่าเจ้ามากนัก”
บัดนั้น ที่ปลายหูของหลิงเอ๋อร์ก็มีสีแดงเล็กน้อย และนางก็จัดผมข้างหูด้วยความตื่นตระหนก
“ข้ายังเยาว์วัยกว่าพี่สาวมากนัก… เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ
ฝีมือการทำอาหารของศิษย์พี่น่าทึ่งยิ่ง! ”
……………………………………………………………….