ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 813 ภาพกระบี่สังหารเซียน (3)
บทที่ 813 ภาพกระบี่สังหารเซียน (3)
จู่ๆ อวิ๋นเซียวก็ถามขึ้นทันทีว่า “หากข้าสามารถข้ามผ่านภัยพิบัติแห่งความรักและรอดพ้นจากความภัยพิบัติแห่งโชคชะตาได้
แล้วเรา ทั้งเจ้าและข้า จะเดินทางท่องไปในสามอาณาจักรและค้นหาดวงดาวด้วยกันดีหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและจ้องมองดวงตาของนางที่ดูเหมือนจะดารดาษไปด้วยดวงดาวแล้วถอนหายใจ
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ข้ายังสงสัยว่า เจ้ากังวลเรื่องอันใด เมื่อเจ้ามาดูที่สำนัก มันราวกับว่า เจ้าจะได้รับการรักษาเยียวยาจากหลิงเอ๋อร์
ข้าไม่คิดว่า เจ้าจะกังวลเรื่องผลได้ผลเสียอันใด และตัวตนของหลิงเอ๋อร์ก็ยังเป็นยารักษาโรคทางใจที่ดีได้อีกด้วย ไม่น่าแปลกใจเลย…”
“หือ?” อวิ๋นเซียวกะพริบตา
“แค่กๆ การกังวลถึงผลได้ผลเสียนั้น เป็นเรื่องปกติที่มักเกิดขึ้นทั่วไปในขอบเขตอุ่นรัก
มันสามารถเทียบได้กับจิตมารในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง”
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มพลางยื่นมือขวาออกไป แล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “นี่เป็นเพราะเราห่วงใยกันและกันและเราต่างฝ่ายต่างก็มีความสำคัญต่อกันในใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะคิดกังวลมากเกินไป และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่าจริงๆ แล้ว มันก็ไม่มีอะไรเลย
เจ้าให้ข้ายืมมือของเจ้าได้หรือไม่?”
“ได้สิ” อวิ๋นเซียวเหยียดยื่นมือขวาที่ดูราวกับหยกขาวของนางออกไป
และภายใต้สัญญาณของหลี่ฉางโซ่ว ปลายนิ้วของนางก็สั่นเล็กน้อยและกดลงบนฝ่ามือของ หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วจับหลังมือของนางเอาไว้โดยไม่ได้ใช้แรงกำลังใดๆ
ทว่าอวิ๋นเซียวก็หน้าขึ้นสีก่ำและดวงตาของนางก็ฉายแววสับสน
หลี่ฉางโซ่วเอ่ยถามว่า “เจ้ากังวลว่า เมื่อหัวใจเต๋าของคุณสมบูรณ์แบบแล้ว จะไม่มีที่ในหัวใจของเจ้าสำหรับข้าใช่หรือไม่?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร…”
“ความจริงแล้ว ข้าก็กังวลกับปัญหานี้เช่นกัน”
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ออกแรงเล็กน้อยด้วยมือขวาของเขา “แต่แล้ว ข้าก็เข้าใจ และปล่อยวาง
อวิ๋นเซียวรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “ไยเจ้าถึงปล่อยวางเล่า?”
“ข้ามักแสวงหาความมั่นคงเมื่อทำสิ่งต่างๆ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เมื่อยามที่ข้ากำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มันซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดไว้มากนัก
ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้ยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้
วันนี้ ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง
หากเจ้าและข้าสามารถฝึกบำเพ็ญเต๋าแห่งการครองคู่ให้สมบูรณ์แบบได้ และทำให้เจ้าข้ามผ่านภัยพิบัติแห่งความรักได้ด้วยเหตุนั้น แล้วเจ้าก็จะไม่มีที่สำหรับข้าในใจของเจ้าอีกต่อไป…
จากนั้น ข้าก็จะหลอมรวมหัวใจเต๋าของเจ้าอีกครั้ง และเข้าไปภายใน
ข้ายังเคยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าได้รับบาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำในภายภาคหน้า
จากนั้นข้าก็จะเขียนเรื่องราวของเจ้าและข้าลงในนิทาน เอาไว้ให้เจ้าอ่านตั้งแต่ต้น แล้วลุยผ่านมันไปพร้อมกับเจ้าอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ต่างๆ มากมายที่ข้าได้พิจารณาอย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปเองตามธรรมชาติ
ความจริงแล้ว สถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้ยากลำบากเกินไป
ทว่าสิ่งที่ทำให้ข้าลำบากที่สุดก็คือ ระดับฐานพลังของข้ายังไม่เพียงพอ
ข้ายังไม่อาจปกป้องเจ้าจากภัยพิบัติที่เจ้าอาจต้องเผชิญในอนาคตได้ แต่ต่อมา ข้าก็คิดดูอีกครั้ง และเข้าใจแล้ว
หากข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่อาจปกป้องเจ้าได้ เช่นนั้น ข้าก็ไม่คู่ควรที่จะสร้างผลเต๋าแห่งการครองคู่กับเจ้า
เมื่อครู่ก่อนนี้ เจ้าเพิ่งถามข้าว่าอะไร?
อวิ๋นเซียวใช้นิ้วของนางจิ้มลงบนฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่วเบาๆ
หลี่ฉางโซ่วเข้าใจและคลายฝ่ามือของเขาอย่างรู้ทัน และอดจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจไม่ได้
แต่แล้ว หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีนิ้วหยกอ่อนนุ่มสองสามนิ้วอยู่ระหว่างนิ้วของเขา
เขากำมือของเขาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว และก่อนที่เขาจะทันได้รู้ตัว เขาก็ประสานนิ้วของเขาเข้ากับนิ้วเหล่านั้นแล้ว
ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวมองเข้าไปในดวงตาของเขาและกล่าวเบาๆ ว่า “หากข้าข้ามผ่านภัยพิบัติแห่งความรักได้ และไม่มีเจ้าอยู่ในหัวใจอีกต่อไป
ข้าก็จะทำลายหัวใจเต๋าของข้า และเพิ่มความหลงใหลในตัวเจ้าให้มากขึ้น
เมื่อครู่ก่อนนี้ ข้าถามว่า เจ้าและข้า เราจะสามารถทำสัญญาโดยใช้ภัยพิบัติได้หรือไม่?
เมื่อข้าไร้ภัยพิบัติและหายนะแล้ว เจ้าเต็มใจจะเดินทางท่องไปในสามอาณาจักรและค้นหาดวงดาวกับข้าหรือไม่?”
“เต็มใจ”
“วันนี้ เจ้าให้สัญญาอย่างไม่ลังเลใจเลย”
ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวก็ค่อยๆ เลื่อนมือนุ่มๆ ของนางไปด้านหลังอย่างช้าๆ และกล่าวว่า
“ข้าหวังว่าเจ้าจะปกป้องดูแลรักษาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ทำในสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ และอย่าฝ่าฝืนลิขิตฟ้าบัญชาสวรรค์”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องห่วง ข้ามั่นคงยิ่ง”
จากนั้นเขาก็ทำการคารวะเต๋าให้นางเป็นการตอบรับ
แล้วเทพธิดาก็ก้าวเดินไปบนก้อนเมฆ และมองย้อนกลับมาทีละครึ่งก้าวตลอดเวลา
ทว่าในท้ายที่สุด นางก็ยังคงกลายเป็นหมู่เมฆและสลายไปในระหว่างสวรรค์และปฐพี
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่เงียบๆ เป็นเวลานาน
มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…
มาลุยงานให้หนักขึ้นเพื่อให้ได้พลังมากยิ่งขึ้นเถิด
ใช่ เมื่อเขากลับไป เขายังต้องคุยกับหลิงเอ๋อร์แบบระหว่างศิษย์พี่และศิษย์น้องหญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว
ข้ายังต้องตกรางวัลให้นางด้วย เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ในพริบตาหลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็จะต้องออกไปฝึกฝน
ดังนั้นการเขียนพระสูตรให้มากขึ้นย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับนางเช่นกัน
และด้านหนึ่งนั้น ก็มีภัยพิบัติแห่งความเป็นตายอยู่บนทางข้างหน้า ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีภัยพิบัติแห่งความเป็นอมตะรออยู่ข้างหน้า…
มันทำให้หลี่ฉางโซ่วปวดหัว
……
เมื่อครู่ก่อนนี้ ในท่ามกลางหมู่เมฆหมอก ภายนอกอาณาจักรทั้งสาม
บนขั้นบันไดของวังแห่งหนึ่ง มีร่างหลายสิบร่างมารวมตัวกันที่นี่ และเฝ้ามองไปที่…
พวกเขามองกระจกเมฆที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังเวทยิ่งใหญ่และมีกระบี่สี่เล่มที่ไร้เทียมทานเป็นกรอบของมัน
………………………………………………………………..