ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 821 การออกจากภูเขาของหลิงเอ๋อร์ (4)
บทที่ 821 การออกจากภูเขาของหลิงเอ๋อร์ (4)
ที่ริมสระน้ำบนยอดเขาเฮยฉือ ไป๋เจ๋อและหลี่ฉางโซ่วต่างถือก็จอกสุราและมองดูภาพเหตุการณ์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ พวกเขาล้วนเผยรอยแย้มยิ้มออกมาไม่หยุด
“วิธีการของท่านไป๋ ดีกว่าการใช้สัมผัสเซียนรับรู้ตรวจจับเป็นร้อยเท่าจริงๆ ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงเคล็ดลับเล็กน้อย ไม่คู่ควรให้พูดถึง!”
ไป๋เจ๋อโบกมือแล้วยิ้ม “เทพวารี ท่านได้จัดเตรียมการทดสอบให้กับหลิงเอ๋อร์แล้วหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้จัดเตรียมอะไรไว้เลย” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อนางออกไปในครั้งนี้ ข้าอยากให้นางเห็นว่าโลกบรรพกาลนั้นเป็นอย่างไร
ข้าเพียงจะนำทางนางไปยังสถานที่บางแห่งและแอบปกป้องนางเท่านั้น”
ไป๋เจ๋อขมวดคิ้วและกล่าวว่า “หากหลิงเอ๋อร์พบกับปรมาจารย์ต้าหลัวจินเล่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?แล้วจะเป็นอย่างไรหากเราอยู่ไกลเกินไปและไม่อาจเคลื่อนไหวได้ทันเวลา? มันดูไม่ปลอดภัย”
“ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ “ก่อนหน้านี้ ข้าได้ขอให้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยดูแลนางแล้ว
นอกจากนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ติดตามนางไป ก็เพียงพอที่จะจัดการกับศัตรูที่ไม่ใช่ศิษย์ของจอมปราชญ์ได้แล้ว”
ไป๋เจ๋ออดจะเงียบงันไปไม่ได้ เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “เช่นนั้น ท่านจะปล่อยให้ศิษย์น้องหญิงของท่านไปฝึกฝน หรือท่านคาดว่า นางจะออกไปสร้างปัญหา?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยอะไร จากนั้นเขาก็ยิ้มและศิษย์กล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดถึงปีศาจหมูป่ามาก่อนเลยเช่นกัน ท่านไป๋รู้อะไรเกี่ยวกับการหลอมเครื่องมือหรือไม่?
เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้พยายามคิดค้น ‘เครื่องมือเวท’ เพื่อส่งข้อมูล ทว่าข้าก็ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องการหลอมเครื่องมือของข้ายังไม่เพียงพอ และยังคงตีบตันอยู่”
“เรื่องนี้… ข้ารู้เพียงเล็กน้อย เข้าใจเล็กน้อยจริงๆ”
ไป๋เจ๋อหยิบพัดขนนกออกมาจากแขนเสื้อแล้วโบกไปมาเบาๆ เขาและหลี่ฉางโซ่วต่างมองไปยังสถานการณ์ในทะเลสาบในขณะที่หารือเกี่ยวกับเรื่องการหลอมสมบัติเวทเฉียนคุน
ขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กำลังทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน แต่เขาก็ได้หยุดกิจกรรมต่างๆ ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพวารีในศาลสวรรค์แล้ว
ครึ่งวันต่อมา หลี่ฉางโซ่วและไป๋เจ๋อก็หยุดพูดคุยกัน และจ้องมองไปที่ภาพเหตุการณ์ในน้ำ
หลิงเอ๋อร์เดินไปรอบๆ นอกเมืองที่คึกคักเป็นเวลานาน และหลังจากลังเลอยู่สักพัก นางก็เดินเข้าไป
กองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ถูกค่ายกลใหญ่ห้าธาตุปิดกั้นเอาไว้กะทันหัน
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เลือกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจิน แล้วกลายร่างมันให้เป็นหญิงชรา
นางขี่เมฆแล้วเข้าไปในสถานที่นั้น และหลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว หินสัมผัสของหลิงเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นสีส้มแดงทันที
หลิงเอ๋อร์ไม่อาจรู้ได้ว่า มันมีสัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วหรือไม่ หญิงชราที่หลี่ฉางโซ่วแปลงร่างมา ได้รักษาระยะห่างโดยอยู่ห่างจากหลิงเอ๋อร์ไปไม่ถึงร้อยจั้ง แต่หลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้สังเกตเห็นนาง
หลี่ฉางโซ่วมองลงไปที่หินสัมผัสบนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หญิงชรา…
เป็นสีม่วงอ่อน… มันยิ่งตอกย้ำความจริง!
ในถนนที่พลุกพล่าน ดวงตาของหลิงเอ๋อร์สว่างวาบขึ้น นางมองไปรอบๆ แผงขายของ แล้วก้าวเข้าไปในหอชุดเสื้อผ้าสมบัติเวทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สาวน้อยผู้นี้มีเสน่ห์ เต็มไปด้วยสีสันอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่า จะส่งผลต่อความมั่นคงของหัวใจเต๋าหรือไม่
ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าเขาคิดกังวลมากเกินไป
“เพียงชุดกระโปรงแบบนี้ ราคาสามร้อยศิลาวิญญาณเลยหรือ?”
หลิงเอ๋อร์มองไปที่เจ้าของร้านหญิงที่อยู่ตรงหน้านางด้วยความประหลาดใจและขมวดคิ้ว
“ถึงแม้ว่าวัสดุจะไม่เลว แต่ตามมุมต่างๆ ก็หยาบไปนิดหน่อย นอกจากนี้การใช้สีก็ยังไม่ค่อยดีนัก ท่านยังจงใจประหยัดผ้าที่เอวและไหล่อีกด้วย ให้ราคาสูงสุดอยู่ที่ศิลาวิญญาณสิบก้อน แต่ท่านต้องการขายมันในราคาสามร้อยศิลาวิญญาณ!”
เจ้าของร้านหญิงรีบกล่าวว่า “สหายเต๋า นี่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าเท่านั้น นอกจากนี้มันยังมีกฎห้ามมากมายที่ลงจารึกเอาไว้ด้วย ซึ่งเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีของเซียนหยวนได้lแล้ว”
หลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านเรียกมันว่ากฎห้ามหรือ? ข้าเกรงว่าแม้แต่เซียนหยวนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสามารถเจาะทะลุมันได้ด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้นด้วยซ้ำ”
เจ้าของร้านสาวยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายเต๋า ดูเหมือนว่า ท่านจะเป็นที่มีความรู้ในสิ่งต่างๆ เช่นกัน เอาเช่นนี้ ข้าจะเสนอราคาที่เหมาะสมให้ท่าน แล้วศิลาวิญญาณสามสิบก้อนเป็นเช่นไรเล่า?”
“อืม…”
หลิงเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด แล้วกัดฟันว่า “ยี่สิบห้า”
“ได้!”
หลังจากนั้นไม่นาน หลิงเอ๋อร์ก็เก็บชุดกระโปรงเซียนเอาไว้ในคลังเวทจัดเก็บของนางพร้อมกับแย้มยิ้มเบิกบานใจ จากนั้นก็หันหลังและออกจากหอขายชุดเสื้อผ้าสมบัติเวท
เวทวายุวัจน์ทำให้หลิงเอ๋อร์ได้ยินเจ้าของร้านสาวบ่นพึมพำเล็กน้อย แต่หลิงเอ๋อร์ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนางแต่อย่างใดเลย
นางไม่มีทางเลือก เบี้ยเลี้ยงรายเดือนส่วนใหญ่ของนางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ได้ถูกใช้ไปกับการซื้อสมุนไพรและโอสถให้กับศิษย์พี่ของนาง
โดยปกติแล้ว นางต้องใช้ศิลาวิญญาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่อาจใช้จ่ายตามอำเภอใจอย่างไม่ระมัดระวังได้
มันเป็นประเพณีที่เป็นเลิศแห่งยอดเขาหยกน้อย!
ที่ริมสระน้ำของยอดเขาเฮยฉือ ไป๋เจ๋อขมวดคิ้วไปที่หลี่ฉางโซ่วและพึมพำว่า “ศิษย์คนรองของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพวารีแห่งศาลสวรรค์ ผู้มีปัญญาล้ำเลิศแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า ผู้กอบกู้เผ่ามังกรและเผ่าเวท ผู้ถือระฆังของเผ่าปีศาจ ผู้พิทักษ์ของต้าเต๋อโฮ่วถู่ ว่าที่คู่บำเพ็ญเต๋าของเทพธิดาอวิ๋นเซียว และแขกผู้ทรงเกียรติแห่งวังเซิ่งหมู่… เพียงเท่านั้นหรือ? ท่านไม่กลัวหรือว่า หลิงเอ๋อร์น้อยจะถูกหลอกด้วยศิลาวิญญาณสองสามก้อน?”
หลี่ฉางโซ่วแค่นเสียงและไม่สนใจไป๋เจ๋อ เขาหลับตาและจัดเตรียมการต่างๆ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ต้องการทดสอบปฏิกิริยาของหลิงเอ๋อร์
ครึ่งชั่วยามต่อมา อ๋าวอี่ก็ได้นำมังกรเฒ่าสองสามตัวมาจากทะเลบูรพา
พวกเขาปกปิดร่องรอย ใช้วิชาแปลงร่าง และใช้เวทลวงตาเพื่อลอบเข้าไปในเมืองและพบหลิงเอ๋อร์ ซึ่งกำลังฟังเพลงอยู่ในโรงน้ำชา
ในขณะนั้น อ๋าวอี่ก็แปลงร่างเป็นเข่อเล่อเอ๋อร์ เขาถือถาดพลางมองไปรอบๆ และเดินช้าๆ มาที่ข้างหลังหลิงเอ๋อร์ แล้วก้มศีรษะลง
“พี่สะใภ้ พี่ชายสั่งให้ข้าส่งเงินมาให้ แม้ท่านจะแค่ออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่ท่านก็ไม่อาจขาดค่าใช้จ่ายได้”
หลิงเอ๋อร์ที่กำลังเคี้ยวเมล็ดแตงโมไม่หยุด นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งโดยไม่หันกลับมามอง “สหายเต๋า ท่านจำคนผิดแล้ว สามีของข้าคือศิษย์พี่ของข้า และเขาก็ไม่มีน้องสาว[1]”
“พี่สะใภ้ขุ่นเคืองอีกแล้ว”
อ๋าวอี่ผลักถาดไปที่มือของหลิงเอ๋อร์ แล้วหลิงเอ๋อร์ก็มองลงไปและเห็นสมบัติเวทที่มีลักษณะคล้ายสร้อยข้อมือทันที และยังมีตัวอักษรตัวใหญ่อยู่ด้านล่าง…
มั่นคง
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงเข่อเล่อเอ๋อร์ที่เรียกหลี่ฉางโซ่วว่าพี่ชาย