ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 830 คนเล็กผีใหญ่ (2)
บทที่ 830 คนเล็กผีใหญ่ (2)
ในขณะนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว และนางก็กำลังให้ความร่วมมือกับสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกำลังทำอยู่
แผนการที่จะเป็นโฆษกของเหล่าทหารสวรรค์แห่งศาลสวรรค์ก็คือ การส่งเสริมศาลสวรรค์ในดินแดนเทวะทั้งห้า และตรีสหัสโลกธาตุ
หลี่ฉางโซ่วสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในความคิดของโหย่วฉินเสวียนหย่า ในตอนแรก นางก็ต่อต้านเล็กน้อย แต่แล้วนางก็ค่อยๆ ยอมรับมัน
จากนั้นนางก็เชื่อว่ามันเป็นการมีส่วนทำให้เกิดความมั่นคงของโลกและไปสู่วิถีธรรมของโลก นอกจากนี้นางยังได้ทุ่มเทใส่ใจกับมันอย่างมากอีกด้วย
ทว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ก็คือ…
ในยามพลบค่ำ ถ้อยคำที่เขาพูดขณะที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบแห่งยอดเขาหยกน้อยนั้น ได้รับคำชื่นชมจากโหย่วฉินเสวียนหย่า
“เสวียนหย่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นแบบอย่างให้กับผู้คนจำนวนมาก เจ้าต้องปฏิบัติตนอย่างจริงจังและคำนึงถึงภาพลักษณ์ของเจ้าเอาไว้ตลอดเวลา
เจ้าต้องเป็นคนมีคุณธรรมและกล้าหาญ เรื่องนี้จะคงอยู่เป็นเวลาอย่างน้อยสามถึงห้าร้อยปี เจ้าต้องใช้สติและในท้ายที่สุด ต้องมีความตระหนักรู้บ้าง”
วันนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่ายืนครุ่นคิดอยู่ข้างทะเลสาบเป็นเวลานาน เมื่อท้องฟ้ายามราตรีดารดาษไปด้วยดวงดาว นางก็ให้สัญญาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจมากที่สุดเท่าที่นางเคยมีในชีวิตจนถึงในยามนี้
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกพอใจที่นางไม่ได้บอกว่านางจะ “ช่วยศิษย์พี่ทำสิ่งนี้ให้ดี”
โหย่วฉินเสวียนหย่าได้รับผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมากมายจาก “พิธีเปิด” เมื่อสองปีก่อน ไปจนถึง “การหลบหนีจากเกาะร้าง” ที่หลิงเอ๋อร์เข้าร่วมด้วย
ในหมู่พวกเขา ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการได้เห็น “หลายเหลี่ยมหลายหน้า[1]” ของหลี่ฉางโซ่ว
โหย่วฉินเสวียนหย่าเวียนหัวกับความท่วมท้นล้นหลามของแนวคิดที่ไร้ขีดจำกัด การออกแบบที่ประณีต การดำเนินงานที่น่าทึ่ง และความคิดที่ยอดเยี่ยมอย่างไร้ที่สิ้นสุดของเขาจริงๆ
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ที่เรียบง่ายและแข็งแกร่งแต่เดิมได้เติมเต็มหัวใจของนางอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ทันทีที่นางได้รับข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่ว โหย่วฉินเสวียนหย่าก็อดจะบินออกจากเคหาสน์ถ้ำและรีบพุ่งไปที่ยอดเขาเฮยฉือไม่ได้
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โหย่วฉินเสวียนหย่ามักจะไปฝึกฝนทักษะการแสดงและเรียนรู้ท่าทางที่ ‘กล้าหาญ’ที่ยอดเขาเฮยฉือ
เมื่อเห็นโหย่วฉินเสวียนหย่าบินมา ไป๋เจ๋อก็เปิดรอยแยกในค่ายกลรอบๆ ยอดเขาเฮยฉืออย่างง่ายๆ และทำให้นางมาถึงสระน้ำโดยไร้สิ่งกีดขวางใดๆ
แสงสีฟ้าเย็นยะเยือกส่องในสระน้ำ มีความงดงามที่แตกต่างกันออกไปที่นั่น “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านไป๋”
“เสวียนหย่ามาแล้วหรือ? เจ้าอยากดื่มอะไร?” ไป๋เจ๋อยิ้มและทักทายนาง แล้วเขาก็ผายมือเชื้อเชิญให้โหย่วฉินเสวียนหย่านั่งลงข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วหันไปมองโหย่วฉินเสวียนหย่าแล้วยิ้ม “เป็นเพราะข้อความเสียงของข้าหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ… ขอบคุณท่านไป๋มากเจ้าค่ะ รบกวนท่านแล้ว” โหย่วฉินเสวียนหย่าจัดผมข้างหูของนางให้เรียบร้อย แล้วเดินไปทางที่นั่งของหลี่ฉางโซ่ว
นางพับกระโปรงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ และสายตาจ้องมองของนางก็ถูกดึงดูดด้วยภาพเหตุการณ์ในสระน้ำเช่นกัน
โหย่วฉินเสวียนหย่าถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านต้องการให้ข้าปรับปรุงเรื่องใดหรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ช่วงนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบ เจ้าทำได้ดีแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
ไป๋เจ๋อหัวเราะเบาๆ “กังวลอะไร…”
“ท่านไม่ปล่อยให้หลิงเอ๋อร์กลับไปที่สำนักหรือเจ้าคะ?” โหย่วฉินเสวียนหย่าถามด้วยความกังวล
“ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เรื่องยังไม่ร้ายแรงขนาดนั้น” หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอธิบายให้นางฟังมากขึ้น ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็ผันผวนเล็กน้อย
มีคนจากที่พำนักของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ต้องการพบเขา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ช้าก่อน มีเรื่องบางอย่างในศาลสวรรค์”
กล่าวจบ เขาก็หลับตาและเพ่งจิตสนใจไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในตำหนักที่พำนักของเทพวารี เขายกเลิกกฎห้ามรอบๆ ห้องทำงาน
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ที่เรียบง่ายและแข็งแกร่งแต่เดิมได้เติมเต็มหัวใจของนางอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ทันทีที่นางได้รับข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่ว โหย่วฉินเสวียนหย่าก็อดจะบินออกจากเคหาสน์ถ้ำและรีบพุ่งไปที่ยอดเขาเฮยฉือไม่ได้
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โหย่วฉินเสวียนหย่ามักจะไปฝึกฝนทักษะการแสดงและเรียนรู้ท่าทางที่ ‘กล้าหาญ’ที่ยอดเขาเฮยฉือ
เมื่อเห็นโหย่วฉินเสวียนหย่าบินมา ไป๋เจ๋อก็เปิดรอยแยกในค่ายกลรอบๆ ยอดเขาเฮยฉืออย่างง่ายๆ และทำให้นางมาถึงสระน้ำโดยไร้สิ่งกีดขวางใดๆ
แสงสีฟ้าเย็นยะเยือกส่องในสระน้ำ มีความงดงามที่แตกต่างกันออกไปที่นั่น “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านไป๋”
“เสวียนหย่ามาแล้วหรือ? เจ้าอยากดื่มอะไร?” ไป๋เจ๋อยิ้มและทักทายนาง แล้วเขาก็ผายมือเชื้อเชิญให้โหย่วฉินเสวียนหย่านั่งลงข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วหันไปมองโหย่วฉินเสวียนหย่าแล้วยิ้ม “เป็นเพราะข้อความเสียงของข้าหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ… ขอบคุณท่านไป๋มากเจ้าค่ะ รบกวนท่านแล้ว” โหย่วฉินเสวียนหย่าจัดผมข้างหูของนางให้เรียบร้อย แล้วเดินไปทางที่นั่งของหลี่ฉางโซ่ว
นางพับกระโปรงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ และสายตาจ้องมองของนางก็ถูกดึงดูดด้วยภาพเหตุการณ์ในสระน้ำเช่นกัน
โหย่วฉินเสวียนหย่าถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านต้องการให้ข้าปรับปรุงเรื่องใดหรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ช่วงนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบ เจ้าทำได้ดีแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
ไป๋เจ๋อหัวเราะเบาๆ “กังวลอะไร…”
“ท่านไม่ปล่อยให้หลิงเอ๋อร์กลับไปที่สำนักหรือเจ้าคะ?” โหย่วฉินเสวียนหย่าถามด้วยความกังวล
“ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เรื่องยังไม่ร้ายแรงขนาดนั้น” หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอธิบายให้นางฟังมากขึ้น ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็ผันผวนเล็กน้อย
มีคนจากที่พำนักของเทพวารีแห่งศาลสวรรค์ต้องการพบเขา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ช้าก่อน มีเรื่องบางอย่างในศาลสวรรค์”
กล่าวจบ เขาก็หลับตาและเพ่งจิตสนใจไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในตำหนักที่พำนักของเทพวารี เขายกเลิกกฎห้ามรอบๆ ห้องทำงาน
ครั้งนี้ แม่ทัพสวรรค์ไม่ได้รายงานอะไรเลย
ในขณะนั้นประตูไม้ได้ถูกผลักเปิดออกดังปัง แล้วเทพจันทราซึ่งสวมชุดแต่งงานสีแดงก็รีบพุ่งเข้ามา
“เทพวารี! เร็วเข้า! มีรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับฝ่าบาท!”
หลี่ฉางโซ่วตกตะลึงอย่างยิ่ง
ตึ้ง-ตึ้ง-ตึ้ง-ตึ้ง!
เสียงฝีเท้าอันรวดเร็วดังขึ้นในตำหนักครองคู่ และมีคนมากกว่าสิบรีบวิ่งไปที่ห้องโถงด้านหลังของตำหนักครองคู่
แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงทางเข้าห้องโถงด้านหลัง เทพผู้ชอบธรรมสองสามคนก็หยุดพวกเขาเอาไว้
“เทพวารีได้สั่งไว้ หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามผู้ใดเข้าไปในสถานที่สำคัญของเต๋าสวรรค์ ทุกท่าน โปรดรอฟังข่าวที่นี่เถิด”
บรรดาเทพเซียนหลายสิบคนที่เข้ามาหลังจากได้ยินเช่นนี้ ก็หยุดเดินและแต่ละคนก็มองไปข้างหน้า
ที่ด้านหน้าทะเลดวงดาวที่เกิดจากรูปปั้นดินเหนียวครองคู่ หลี่ฉางโซ่ว แม่ทัพตงมู่ องค์หญิงหลงจี๋ และเทพจันทรา ต่างมารวมตัวกันเพื่อบดบังทัศนียภาพด้านหลังพวกเขา
พลังอันแข็งแกร่งของเต๋าสวรรค์ในสถานที่นี้ยังปิดกั้นสัมผัสเซียนรับรู้ของพวกเขาออกไปด้วย
ในเวลานี้ แม่ทัพตงมู่ขมวดคิ้วครุ่นคิด และถามว่า “พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
นิ้วเรียวยาวของหลงจี๋พันรอบเส้นผมตรงหน้านาง และใบหน้าเล็กๆ ของนางก็เต็มไปด้วยความสับสน
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “สถานการณ์นี้เกิดขึ้นมานานเพียงใดแล้ว?”
“ไม่ถึงหนึ่งปี!” เทพจันทราตอบอย่างหนักแน่นว่า “ครั้งสุดท้ายที่ข้าตรวจสอบก็คือเมื่อสิบเดือนที่แล้ว ในตอนนั้นยังไม่มีความผิดปกติเช่นนี้”
หลงจี๋ถามเบาๆ ว่า “ท่านอาจารย์ แล้วพวกเราควรทำอย่างไรดี? เราจะให้เทพจันทราใช้กรรไกรหรือ?”
“เอ่อ เทพน้อยไม่กล้า!”
เทพจันทรากำลังจะร้องไห้ด้วยความวิตกกังวล “เทพน้อยจะกล้าทำร้ายฝ่าบาทได้อย่างไรกัน!”
“เงียบ” หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ประตูห้องโถงด้านหลังและโบกมือเพื่อวางข่ายอาคมกั้นเสียง จากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่รูปปั้นดินเหนียวตรงหน้าเขา
องค์เง็กเซียนมีอายุเพียงสิบปีในโลกมนุษย์ใช่หรือไม่?
แล้วเหตุใด…
………………………………………………………………..
[1] เห็นหลายๆ ด้าน หลากหลายแง่มุม