ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 845 ความคิดของปีศาจสวรรค์ (4)
บทที่ 845 ความคิดของปีศาจสวรรค์ (4)
ไท่อี่เจินเหรินถามว่า “มีสายฟ้าอยู่บ้างเล็กน้อย?”
หลี่ฉางโซวใช้เวทสายฟ้าทั้งห้าบนฝ่ามือของเขา และกระแสไฟฟ้าเล็กๆ หลายสายก็พุ่งเข้าใส่โล่เพลิงเทพเก้ามังกร แล้วฟาดใส่ปีศาจสวรรค์ทั้งสองจนกระตุกไปทั่วทั้งร่าง
“ฮ้าเฮ้ น่าสนใจ!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าพับแขนเสื้อขึ้น และเข้าไปหาโล่เพลิงเทพเก้ามังกร จากนั้นเขาก็หยิบกองสมบัติเวทออกมากองไว้ข้างๆ เขา และเริ่มทำการทดลองทีละชิ้น
เหมือนสายฟ้าสวรรค์ เพลิงปฐพี ลมสวรรค์กระโชกแรง และฝุ่นฟุ้งคละคุ้ง สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ล้วนเป็นการปฏิบัติการพื้นฐาน
หลี่ฉางโซ่วหยิบโอสถพิษออกมาหลายเม็ด ไท่อี่เจินเหรินก็หยิบเอาโอสถที่เหลือออกมาบ้าง
อวี่ติ้งเจินเหรินก็ท่องพระสูตรแห่งการชำระล้างสองสามข้อ และตี้จั้งก็ใช้วิชาเวทบางอย่างของสำนักบำเพ็ญประจิม…
จนกระทั่งไท่อี่เจินเหรินตัดหนวดเส้นหนึ่งออกด้วยอาวุธมีคมของเขา แล้วโยนมันไปต่อหน้าตี้ทิง และกล่าวว่า “ลองลิ้มดูสิ”
ดวงตาของตี้ทิงเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดทันที ร่างของมันสั่นสะท้านไปทั้งตัว และมันก็มองดูโลกใบเล็กที่หนาวเย็นใบนี้ด้วยความงุนงง สับสน และทำอะไรไม่ถูก
การมีชีวิตอยู่ มันช่างยากเหลือเกิน
ในขณะนี้ มีเสียงคำรามกรีดร้องหลายครั้งดังมาจากด้านข้าง แล้วปีศาจนอกอาณาเขตหลายตนก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และหลบหนีไปทั่วทุกทิศทาง
ทว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่รอมาเป็นเวลานานก็ได้ตบมือขวาของนางไปที่ถังทองฮุ่นหยวน และลำแสงสีทองหลายสายก็พุ่งออกมา
จากนั้นลำแสงสีทองก็ดึงปีศาจนอกอาณาเขตทั้งสี่กลับมาทันที แล้วหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน กลายเป็นลูกมวลพลังโกลาหลในถังทองฮุ่นหยวน
ในท้องฟ้า ม่านสายฟ้าที่ล้อมรอบโลกใบเล็กนี้ก็สลายหายไปในทันที…
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะสำเร็จเสร็จสิ้นได้อย่างราบรื่นขนาดนี้”
“ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณตี้ทิงที่ให้ความช่วยเหลือ” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาลงและยิ้ม แล้วเหลือบมองไปทางตี้ทิงที่อยู่ตรงนั้น
ตี้ทิงแผดเสียงแหลมดังออกมาจากลำคอ เขาก้มศีรษะลงและอยากจะกลืนกินหนวดของมัน เพียงแต่กลับพบว่าหนวดของมันกลายเป็นควันดำและสลายไปแล้ว…
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ไปกันเถิด”
เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งหมดล้วนพยักหน้า และนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เปิดหลุมในโลก แล้วพวกเขาทั้งหลายก็หายตัวไปทันที
เวลาผ่านไปหลังจากนั้นไม่นาน
“หึ!”
ในชนเผ่าหนึ่ง สายตาของคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งกลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย พวกเขามองหน้ากันและสื่อสารความคิดระหว่างกันในใจ
‘บรรดาปรมาจารย์ของเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญแห่งโลกบรรพกาล ‘ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น’
‘พวกเราจะซ่อนตัวได้อย่างสบายใจ และเมื่อแข็งแกร่งพอ พวกเราก็จะควบคุมเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญสำหรับการใช้งานของพวกเราได้มากขึ้น และเอาชนะเมืองเสวียนตูได้’
ทันใดนั้น…
“พวกเจ้าทั้งสองคน หากอยากหัวเราะก็หัวเราะได้เลย”
คู่รักหนุ่มสาวต่างตื่นตกใจและพวกเขาทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนทันที แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาก็ถูกถังทองฮุ่นหยวนตีกลับจนล้มลงเสียก่อน
ในขณะนั้นเทพธิดาอวิ๋นเซียวและหลี่ฉางโซ่วต่างก็มองหน้ากันยิ้มๆ
หลังจากจัดการกับปีศาจนอกอาณาเขตได้แล้ว พวกเขาก็ปล่อยทั้งคู่ไปยังที่เดิม และมอบโอสถทิพย์ให้พวกเขา แล้วกระโดดกลับเข้าไปในหลุม
จ้าวกงหมิงยกย่องว่า “ฉางเกิงช่างคาดการณ์ได้แม่นยำราวกับเทพ ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”
ตี้จั้งหยักปากเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เทพวารีเพียงพูดเร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อขอให้พวกเขาออกไป และก้าวเดินไปสักพักก่อนจะหันกลับมา
จากนั้นเขาก็ขอให้ตี้ทิงเฝ้าระวังติดตามจุลสหัสโลกธาตุทั้งหมด และพบปลาสามตัวที่เล็ดลอดผ่านแหออกไป
ณ เวลานี้ ตี้จั้งก็คิดเรื่องนั้นเช่นกัน
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ารู้สึกงุนงงสงสัยและกล่าวว่า “เหตุใดเต๋าสวรรค์จึงถอนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ออกไป?”
ตี้จั้งกล่าวอย่างสงบว่า “เช่นนั้น เราควรรออีกสักครึ่งวันหรือสองสามวันจะดีกว่า”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ไม่ได้ หากยังมีปลาหลุดลอดแหออกไป และอีกฝ่ายจะต้องตื่นตัวอย่างแน่นอน นี่เป็นเพียงการเสียเวลาไปเปล่าๆ”
เขายังยุ่งอยู่กับการสอนบทเรียนให้กับร่างแห่งภัยพิบัติขององค์เง็กเซียนและองค์ราชินีที่กำลังอยู่ท่ามกลางการข้ามผ่านภัยพิบัติอีกด้วย
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ในพระสูตรที่ศิษย์พี่อวี่ติ้งเพิ่งสวดไป มีข้อความตอนหนึ่งที่ทำให้พวกปีศาจเหล่านี้โต้ตอบอย่างรุนแรง เจ้าและข้าควรแยกกันดำเนินการเหมือนเมื่อก่อน แล้วเดินท่องไปรอบโลกใบนี้อีกครั้ง
คราวนี้ เขาท่องคาถาขับไล่ปีศาจอย่างสุดกำลัง และสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ค้นหาจากบ้านหลังหนึ่งไปยังบ้านอีกหลังหนึ่ง และมันก็ทำให้ตี้ทิงเหนื่อยยากมากขึ้นในการเฝ้าติดตามดูไปทั่วทุกที่
หากมีข้อผิดพลาดหรือตกหล่นอย่างใด ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะถามได้”
ตี้ทิงตัวสั่นไปทั้งร่าง และแทบจะผลักตี้จั้งปลิวกระเด็นออกไป
จากนั้นมันก็ร้องคำรามว่า “เทพวารี โปรดอย่ากังวลเลย เราจะใช้วิธีการต่างๆ อย่างเต็มที่ที่แม้แต่นายท่านก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน!”
ใบหน้าของตี้จั้งเปลี่ยนเป็นมืดดำจนถึงก้นหม้อ และเขาก็หยิบหม้อเหล็กออกมาอย่างง่ายๆ และกดมันลงบนตี้ทิง
ครึ่งชั่วยามต่อมา…
ท่ามกลางเสียงสวดพระสูตรที่ดังไปทั่วท้องฟ้า ก็มีเงาดำขนาดมหึมาที่น่าสะพรึงกลัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และเงาดำนี้ ก็พยายามที่จะหนีกลับไปสู่ทะเลโกลาหล
นอกจากนั้น เงาดำนี้ก็ก่นด่าสาปแช่งกลุ่มปรมาจารย์แห่งโลกบรรพเหล่านี้โดยพุ่งผ่านออกมาจากปากของชายหนุ่มที่ห่อหุ้มมันเอาไว้
“ผู้ใดกล้าพูดว่าปีศาจนอกอาณาเขตอย่างเราว่าชั่วร้าย?! พวกเจ้านั่นแหละที่ชั่วร้าย! พวกเจ้าคือปีศาจ! ปีศาจเต๋า!”
เมื่อแสงสีทองส่องแสง ธารแสงหลายสายก็ทำให้เงาดำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายพันฉื่อต้องแตกสลาย และชายหนุ่มก็หลั่งน้ำตาสีดำสนิทสองหยดออกมาอย่างเงียบๆ
โลกบรรพนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง…แล้วเหตุใดเราต้องเสี่ยงชีวิตของเราเพื่อพยายามเข้าไปที่นี่…ใต้เท้า…
………………………………………………………………..