ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 848 เจ้าไล่ข้า เจ้าไล่ข้า...(3)
บทที่ 848 เจ้าไล่ข้า เจ้าไล่ข้า…(3)
ในการประกาศแถลงการณ์ของศาลสวรรค์นั้น ไม่ได้กล่าวถึงคำว่า “สำนักบำเพ็ญประจิม” เลย แต่กลับยกย่องชื่นชมคุณธรรมอันสูงส่งของตี้จั้งและพลังเวทของตี้ทิงอย่างยิ่ง
แม้ว่าจะไม่มีรางวัลตอบแทนมากมายอะไร แต่ก็ทำให้ตี้จั้งมีชื่อเสียงที่ดี
ขั้นต่อไปก็คือ เขาจะรอให้ตี้จั้งและของตี้ทิงกลับมาจากแดนไกล และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็น่าจะรู้สึกสะเทือนใจเป็นพิเศษ และบางที สีหน้าท่าทางของตี้จั้งก็คงจะดูน่าตลกขบขันมาก
น่าเสียดายที่หลี่ฉางโซ่วไม่สามารถไปที่ภูเขาวิญญาณเพื่อประจักษ์ด้วยตาของเขาเองได้
พวกนักพรตเต๋าชราในสำนักบำเพ็ญประจิมจะอิจฉาตี้จั้งเพราะเหตุการณ์นี้หรือไม่?
เป็นไปไม่ได้ เราทุกคนล้วนเป็นศิษย์และเป็นศิษย์ในนามของจอมปราชญ์ มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อดทนต่อผู้อื่นมากเช่นนั้น และไม่สามารถมองเห็นความโดดเด่นเป็นเลิศของผู้อื่นได้อย่างแน่นอน …
ใช่หรือไม่?
ในยามเที่ยง หลี่ฉางโซ่วได้ลืมตาขึ้นพร้อมเผยรอยแย้มยิ้มในสถาบันการศึกษาในเมืองใหญ่ในโลกมนุษย์ของดินแดนเทวะทักษิณ
เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งเจ็ดได้กินอาหารกลางวันแล้ว และในเวลานี้ พวกเขากำลังจัดเก็บห่ออาหารกลางวันกันอยู่
เห็นได้ชัดว่า ฮวาโหย่วหมิงไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน เขาห่อกล่องไม้อย่างงุ่มง่าม แล้วหยิบไม้จิ้มฟันแคะฟันในขณะที่ดวงตาของเขาก็จะมองไปทางด้านข้างเป็นครั้งคราว
เซี่ยหนิงซวงกำลังจิบชาด้วยท่วงท่าและกิริยาสูงส่งสง่างาม นางได้เผยให้เห็นถึงลักษณะท่าทางของสุภาพสตรีน้อยที่มาจากตระกูลมั่งคั่งทั่วทุกแห่ง
“แค่กๆ!”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอให้โล่งลำคอ และร้องทักไปว่า “พวกเจ้าตัดสินใจเรื่องการบ้านของพวกเจ้าแล้วหรือยัง?”
พวกเขาทั้งเจ็ดคนต่างพยักหน้ากันทีละคน แต่ฮวาโหย่วหมิงก็ถามด้วยความกังวลว่า “ท่านอาจารย์ แล้วท่านไม่ต้องการรับอาหารกลางวันหรือขอรับ?”
“ไม่ต้องหรอก” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนธรรมดา ข้าไม่ต้องกินก็ได้”
มีกระดาษสีขาวบินออกมาจากแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่ว และลอยอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งเจ็ดคน จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “เขียนบทเรียนที่พวกเจ้าแต่ละคนอยากเรียนรู้มา”
คนทั้งเจ็ดชุดเหมือนกันรีบหยิบปากกาและหมึกออกมาแล้วเขียนคำสองสามคำอย่างระมัดระวัง หลี่ฉางโซ่วหยิบถือมันไว้ในมือของเขา
คนทั้งเจ็ดคนนั้นสวมใส่ชุดเสื้อคลุมยาวในรูปแบบเดียวกัน พวกเขาได้หยิบพู่กันและหมึกออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเขียนถ้อยคำสองสามคำลงไปอย่างระมัดระวัง
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หยิบกระดาษกลับคืนมาและถือมันเอาไว้ในมือ แล้วเขาก็กล่าวออกมาเบาๆ ว่า “บทกวี บทความ วิชาเซียน วิชาคำนวณ และกลยุทธ์สงคราม?”
หลี่ฉางโซ่วหยุดกล่าวไปครู่หนึ่ง และเมื่อมองดูถ้อยคำคดเคี้ยวสองคำนี้ เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เหตุใดโหย่วหมิงถึงอยากเรียนรู้กลยุทธ์สงคราม?”
ฮวาโหย่วหมิงลุกขึ้นยืนและประสานมือคารวะให้หลี่ฉางโซ่วด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย แล้ว กล่าวเสียงดังว่า
“ศิษย์กลับบ้านและคิดเรื่องนี้ทั้งคืน แล้วจึงรู้ว่าได้ขาดอะไรไปขอรับ
ในตระกูลของข้า มีคนสอนทักษะการต่อสู้ วิชาเต๋า และวิชาเซียนให้ข้าแล้ว ทว่าไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถเก่งกาจในกลยุทธ์สงคราม
ท่านอาจารย์เป็นปราชญ์เลิศล้ำสติปัญญาและเป็นอัจฉริยะ ท่านต้องรู้ทุกอย่างแน่ และข้าก็อยากเข้าใจสิ่งเหล่านี้ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า วิถีเซียนที่ผู้ฝึกบำเพ็ญในท้องถิ่นที่พำนักของเจ้า ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์อื่นมากนักนั้น มันแตกต่างจากวิถีเซียนของข้าอย่างไร? ”
ฮวาโหย่วหมิงตกตะลึง และถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “มันแตกต่างกันมากหรือขอรับ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและหัวเราะในขณะที่ฮวาโหย่วหมิงเกาศีรษะอย่างกระดาก
เซี่ยหนิงซวงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขา ก่นด่าออกมาว่า “เจ้าโง่ ท่านอาจารย์กล่าวเมื่อวานนี้แล้วว่า ท่านจะสอนบทเรียนที่เราเอ่ยขอไป แล้วเจ้ายังจะข้องใจอันใดอีก? ”
ฮวาโหย่วหมิงจ้องมองไปที่เซี่ยหนิงซวง ซึ่งเซี่ยหนิงซวง ก็กวาดสายตามองเขาเช่นกัน และแม่ทัพน้อยก็หดคอของเขาเต็มที่
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เช่นนั้น เรามาตัดสินใจบทเรียนทั้งห้านี้ในเบื้องต้นกันก่อนดีกว่า และบ่ายนี้เรามาพูดถึงบทความและวิชาเซียนกันก่อนเถิด
จำไว้ว่า ข้าจะไม่สอนวิชาที่ยืดอายุขัยให้มีอายุยืนยาวแก่พวกเจ้า ซึ่งนั่นจะขัดขวางชะตาชีวิตแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตัวอย่างเช่น วิชาควบคุมเชือก”
บัดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็สะบัดนิ้วของเขา แล้วจู่ๆ เข็มขัดของฮวาโหย่วหมิงก็กลายเป็นเชือกมัดเขาเอาไว้
เท้าของฮวาโหย่วหมิงแกว่งไปมา และเขาก็ไม่มีเวลาจะควบคุมสมดุลของเขา ทันใดนั้นเขาก็ร้องตะโกนออกมาเบาๆ แล้วพุ่งตรงไปหาเซี่ยหนิงซวง
เซี่ยหนิงซวงเป็นเพียงสตรีอ่อนแอเท่านั้น แล้วในเวลานี้ นางจะหลบหลีกไปได้อย่างไรกัน?
เพียงได้ยินเสียงร้องอุทานดังโอ๊ยออกมาสองเสียง โต๊ะเตี้ยก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมา และเซี่ยหนิงซวงก็หลับตาและร้องตะโกนออกมาเบาๆ
ครั้นเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็บังเอิญเห็นใบหน้าที่ตกตะลึงเล็กน้อยของฮวาโหย่วหมิง
จากนั้นพวกเขาก็สบตากัน และได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นกระท่อมไม้ไผ่ก็เงียบลงทันที เด็กหนุ่มและเด็กสาวคู่ที่อยู่ข้างหน้าก็หันศีรษะมามอง แล้วแต่ละคนล้วนมองมาอย่างห่วงกังวลเล็กน้อย
ในขณะนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่มุมห้องก็ก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ เขารู้สึกว่า การถูกปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เลือกนั้น ไม่ใช่เรื่องดีเลย
หลี่ฉางโซ่วนั่งหรี่ตาและยิ้มอย่างพอใจอยู่บนเก้าอี้โยก
แม้ในเวลานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความรักของพวกเขา แต่ความสัมพันธ์นั้นก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ และค่อยๆ บ่มเพาะหล่อเลี้ยงเอาไว้
เพื่อความปลอดภัย มันยังเป็นการดีที่จะทิ้งความทรงจำร่วมกันเอาไว้ให้มากขึ้น
ในขณะนี้ เซี่ยหนิงซวงได้สติแล้ว ใบหน้าของนางขึ้นสีก่ำ และนางก็จ้องมองไปที่ฮวาโหย่วหมิง “เจ้า ไฉนเจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีก!?!”
เชือกที่พันอยู่รอบร่างของฮวาโหย่วหมิงถูกปลดออกทันที เขาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ลง และรีบกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประสานมือคารวะแน่นและกระแอมไอแห้งๆ ออกมา “ขออภัยที่ชนเจ้า..อย่า อย่าได้ขุ่นเคืองไปเลยนะ…”
“เหอะ!” เซี่ยหนิงซวงแค่นเสียงเย็นชา และนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นนางก็จัดเครื่องประดับผมของนาง แล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ฮวาโหย่วหมิงเพียงกระซิบข้างๆ ว่า “ดูหน้ารักดีเหมือนกันนะ…เอ่อ อย่าเข้าใจข้าผิด นะ ข้าหมายถึงขนที่รูจมูกทั้งสองข้างของเจ้าน่ะ”
บัดนั้นทั่วทั้งกระท่อมไม้ไผ่ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
หลี่ฉางโซ่วที่แย้มยิ้มในตอนแรก บัดนี้สายตาของเขามืดมนลง และเขาก็แทบจะแผดเผาร่างของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เสียเอง
“ฮวา โหย่ว หมิง!”
เซี่ยหนิงซวงตวาดด้วยความโกรธ นางคว้าพู่กัน แล้วรีบพุ่งออกไปข้างหน้า
ฮวาโหย่วหมิงก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีไป จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ไล่ตามและต่อสู้กันในกระท่อมไม้ไผ่นั้น
เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองคู่ที่หมั้นหมายกันแล้ว หรือถูกลิขิตให้แต่งงานกัน ต่างก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้หยุดพวกเขาในขณะที่เขารำลึกถึงภาพเหตุการณ์แห่งวัยเยาว์ของเขาในอดีต
ที่มุมหนึ่งนั้น มี ‘ผู้เป็นส่วนประสมให้ครบจำนวน’ คนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแม้แต่ในการต่อสู้ เขานอนอยู่บนโต๊ะเงียบๆ
ทั้งหมดล้วนเป็นโชคชะตา…
ไม่ เราไม่อาจเชื่อในโชคชะตาได้!
เขา หยางเทียนโย่ว ต้องตอบโต้กลับต่อจากนี้ไป!