ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 849 หลิงเอ๋อร์กลับคืนสู่ภูเขา (1)
บทที่ 849 หลิงเอ๋อร์กลับคืนสู่ภูเขา (1)
‘การเป็นพ่อครัวหรือเป็นส่วนผสมนั้นเป็นปัญหา’
ไป๋เจ๋อยังคงรักษาร่างหลักของเขาเอาไว้ เขานั่งอยู่ที่นั่นและถอนหายใจยาว และหันศีรษะไปมองดูร่างจำแลงของเทพวารีที่กำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ริมสระน้ำ
จากนั้นเขาก็มองดูภาพที่ฉายในสระ และจมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดเล็กน้อย
ชีวิตของเทพวารีนั้นกำลังเติมเต็มและเป็นที่น่าอิจฉาสำหรับสัตว์ร้ายอย่างแท้จริง
เขาต้องมากังวลเรื่องกิจการของศาลสวรรค์อีกแล้ว และต้องคิดหาทางวางแผนต่อต้านสำนักบำเพ็ญประจิมและพวกเผ่าปีศาจ
นอกจากนี้ เขายังต้องกังวลถึงศิษย์น้องหญิงของเขาที่กำลังฝึกฝนอยู่ภายนอก ในบางครั้ง เขาก็ยังต้องวิ่งจัดการงานต่างๆ ให้จอมปราชญ์ และออกไปต่อสู้กับพวกปีศาจนอกอาณาเขต
เวลาเดียวกันนั้น เขายังต้องสนทนากับบรรดาปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสามและพูดคุยเรื่องการครองคู่
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เทพวารียังต้องแบกรับภารกิจในการสอนร่างกำเนิดใหม่แห่งภัยพิบัติขององค์เง็กเซียนและองค์ราชินีอีกด้วย
แม้ทุกๆ ครั้งที่เขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ เทพวารีก็จะโบกมือแล้วกล่าวว่า “นี่ไม่นับ นี่ไม่นับ แล้วเช่นนี้ จะถือเป็นพระอาจารย์ขององค์เง็กเซียนได้อย่างไร?”
ทว่าไป๋เจ๋อมักจะรู้สึกเสมอว่า เทพวารีต้องมีความสุขมากทีเดียวที่ได้ใช้พลังงานของเขาไปเกือบหนึ่งในสามในเรื่องนี้…
เขาแตกต่างไปจากไป๋เจ๋ออย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสัตว์มงคลชราและเป็นผู้บัญชาการปีศาจที่เกษียณแล้ว
ตอนนี้นอกเหนือจากการช่วยเทพวารีทบทวนแผนเป็นครั้งคราวแล้ว เขาก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีทำอาหารที่อร่อยสุดๆ เท่านั้น…
ชีวิตวัยเกษียณช่างสะดวกสบาย และน่าเบื่อ
ไป๋เจ๋อเหลือบมองสถานการณ์ในสระน้ำอีกครั้ง และเบือนหน้ามองไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วจู่ๆ ก็สะดุ้งตกใจทันที
คราวนี้หลิงเอ๋อร์ออกไปที่เมืองใกล้ๆ ดูเหมือนว่า นางจะบินออกไปไกลเล็กน้อย…
“เทพวารี เทพวารี!” เช่นนั้น
“หือ?”
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ริมทะเลสาบ ได้ลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงวิบวับ แล้วเขาก็เข้าปิดด่านในทันที
หลี่ฉางโซ่วเพียงกำลังทำความเข้าใจเต๋าให้กระจ่างและฝึกบำเพ็ญเท่านั้นโดยฉวยประโยชน์จากการที่วันนี้ไม่มีชั้นเรียนในสถาบันการศึกษา
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ภาพเหตุการณ์ในสระน้ำทันทีโดยไม่ต้องให้ไป๋เจ๋อเอ่ยวาจาใด
เส้นขนยาวบนหัวของไป๋เจ๋อเปล่งส่องประกายแสงสดใสอีกครั้ง และทันใดนั้นภาพในสระน้ำก็ดูชัดเจนยิ่งขึ้น
บัดนั้นกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วจัดเตรียมเอาไว้ใกล้ๆ หลิงเอ๋อร์ ก็ใช้เวทหลบหนีติดตามนางไปทันที!
ในขณะนี้ หลิงเอ๋อร์อยู่บนเส้นทางเมฆในระหว่างทางที่ไปภูเขาว่านโซ่ว
นางเปลี่ยนเป็นอยู่ในชุดที่เหมาะสมโดยสวมชุดกระโปรงยาวและเสื้อสตรีบางๆ รองเท้าปักลายเมฆ
เส้นผมสลวยสีดำของนางถูกม้วนมัดเป็นทรงเมฆเข้าที่ขมับงดงาม นางมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาคู่งามที่ดูเฉลียวฉลาด และคิ้วเรียวยาวสวยงาม
แม้นางจะอำพรางรูปร่างหน้าตาของนางเอาไว้ แต่นางก็ยังคงดูสวยสะคราญและสง่างามโดยไม่ได้ลดน้อยลงเลย
“ไฉนจู่ๆ นางถึงอยากลองพยายามในเรื่องนี้ดูเล่า? ”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง และในขณะนี้ เขาก็ทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน และยังคอยจับตามองตามเส้นทางของหลิงเอ๋อร์ต่อไป
ไป๋เจ๋อยิ้มแล้วกล่าวว่า “บางทีนางอาจจะคิดออกแล้ว หากล่าช้าต่อไป ก็เป็นเพียงการปล่อยให้เสียเวลาเปล่าๆ เท่านั้น
นางจึงไปลองเสี่ยงโชคดูก่อน แล้วไม่ว่าจะทำได้สำเร็จหรือล้มเหลว นางก็ยังสามารถกลับไปหาศิษย์พี่ของนางในทันทีที่ทำได้เช่นกัน”
หลี่ฉางโซ่วเม้มปาก แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ดูนางเอาแต่เที่ยวเล่นทุกวันในเมืองเมื่อไม่นานมานี้สิ นางมีความสุขมากทีเดียว”
“นั่นไม่เหมือนกัน” ไป๋เจ๋อกล่าวติดตลกว่า “สำหรับหลิงเอ๋อร์แล้ว ความสุขที่ไม่มีศิษย์พี่ของนางนั้นไม่ใช่ความสุขสมบูรณ์!”
หลี่ฉางโซ่วถลึงตาจ้องมองไปที่พ่อครัวบางคน แล้วไป๋เจ๋อก็รีบซุกหัวลงในกีบของเขาทันทีแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ…
หลังจากคิดอยู่สักพัก หลี่ฉางโซ่วก็ออกจากยอดเขาหยกน้อยไปโดยไม่สนใจต่อค่ายกลใหญ่พิทักษ์ขุนเขา
จากนั้นเขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะประจิม
เวลานี้ เขาไม่ได้ส่งคืนปู่ใหญ่เจดีย์และไม้เฉียนคุนไปให้เองก่อนและจอมปราชญ์ก็ไม่ได้ยึดพวกมันกลับคืนไปเช่นกัน และเขาก็ออกมาจากภูเขาอีกครั้งด้วยร่างหลักของเขา
ว่ากันตรงๆ การมีท่านปู่ใหญ่เจดีย์อยู่เคียงข้างเขานั้น มันสุดยอดมากจริงๆ…
สมบัติวิญญาณต่างๆ นั้นไม่จำเป็นต้องฝึกฝน งานอดิเรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านปู่ใหญ่เจดีย์ก็คือการถูกโจมตีด้วยอาวุธเทพที่มีคม
และงานอดิเรกอันดับที่สองของเขาก็คือ การพูดคุยเล่นอย่างไม่มีสาระอะไรกับผู้คนอื่นๆ
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ปู่ใหญ่เจดีย์ก็รู้สึกเบื่อที่จะพูดคุยกับไม้เฉียนคุน
เขามักจะกระตุ้นให้หลี่ฉางโซ่วไปพบน้องสาวถังทองที่เกาะซานเซียน หรือไปเยือนวังเซิ่งหมู่เพื่อเฝ้าราชินีจอมปราชญ์ และทักทายน้องสาวของเขา ลูกซิ่วฉิว[1]แดง
หลังจากที่เรื่องต่างๆ ดำเนินไปเช่นนี้เป็นเวลานาน หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
นี่คือราคาของการใช้สมบัติวิญญาณสายป้องกันขั้นสุดยอดหรือไม่?
เต๋าใหญ่นิรกรรมที่เงียบสงบของท่านอาจารย์ไท่ชิงนั้นทึ่งมากจริงๆ
มันช่วยทำให้เขาสามารถทานทนต่อมลพิษทางใจของสมบัติวิญญาณได้…
ดูเหมือนว่า ท่านอาจารย์ไท่ชิงจะปิดผนึกสมบัติวิญญาณเอาไว้โดยตรง และจะปลดผนึกออกเมื่อจำเป็นต้องการใช้งานมันเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ และเมื่อไม้เฉียนคุนฉายแสงบางๆ ออกมา ความเร็วในการหลบหนีไปข้างหน้าของเขาก็ยิ่งรวดเร็วขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆบินไปยังบริเวณใกล้ๆ กับภูเขาว่านโซ่วแล้ว
นางหยุดอยู่บนท้องฟ้าครู่หนึ่ง และครุ่นคิดอยู่สักพักขณะที่ถือยันต์หยกเอาไว้ในมือของนาง
ถ้อยคำที่เขียนไว้ในยันต์หยกยังคงเป็นคำแนะนำสำหรับภารกิจ
ทว่าสิ่งที่หลิงเอ๋อร์ต้องทำก็คือ การมอบยันต์หยกให้กับเซียนใหญ่เจิ้นหยวนด้วยตนเอง
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว หลิงเอ๋อร์ก็เอื้อมมือซ้ายไปที่แขนเสื้อของนาง แล้วหยิบของออกมา…
มันเป็นผลไม้เซียนผลหนึ่ง
นางไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนผู้ยิ่งใหญ่ในโบราณอย่างเซียนใหญ่เจิ้นหยวนด้วยมือเปล่าได้!
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆไปข้างหน้าและบินช้าๆ ไปหนึ่งร้อยลี้ตรงหน้าภูเขาว่านโซ่ว
………………………………………………………………..
[1] ลูกบอลแพรปัก เป็นลูกทรงกลมที่ทำจากผ้าไหมประเภทหนึ่งซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์มงคลชนิดหนึ่ง