ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 853 ฮวาโหย่วหมิงและเซี่ยหนิงซวง (1)
บทที่ 853 ฮวาโหย่วหมิงและเซี่ยหนิงซวง (1)
เป็นเวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เด็กหนุ่มสาวทั้งเจ็ดคนนี้…
มันสอนยากมากขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงบ่าย หลี่ฉางโซ่วได้อธิบายบทความที่มีชื่อเสียงบางส่วนในโลกมนุษย์ แต่เขาก็แทบจะไม่สามารถตอบคำถามของพวกเขาได้
โชคดีที่เพื่อความปลอดภัย เขาได้เตรียมบทเรียนแบบละเอียดกับไป๋เจ๋อมาก่อนแล้วโดยได้คำนึงถึงคำถามทั้งหมดที่เด็กๆ เหล่านี้อาจถามไว้แล้ว
เมื่ออาทิตย์อัสดง หลี่ฉางโซ่วก็ออกไป และทิ้งฮวาโหย่วหมิง และเซี่ยหนิงซวงเอาไว้เพื่อทำความสะอาดสถาบันการศึกษาก่อนที่เขาจะลอยกลับไปยังที่พักของเขา
ในช่วงตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ศัตรูคู่รักคู่นี้มีความสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากหลังจากที่ทะเลาะหยอกล้อกันมายาวนาน
อย่างน้อยๆ ในระหว่างที่พวกเขาทะเลาะกัน เซี่ยหนิงซวงก็ไม่ได้โหดร้ายโดยพุ่งตรงไปที่จุดอ่อนของฮวาโหย่วหมิง
——ในที่นี้หมายถึงจุดที่ต่ำกว่าซี่โครงโดยเฉพาะ
หลี่ฉางโซ่วย้ายจิตสนใจของเขากลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย และเขาก็ได้ติดตามบทสนทนาที่ได้ยินด้วยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา
จากนั้นเขาก็ขี่เมฆมุ่งหน้าตรงไปยังกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ
“…ท่านอาจารย์ อย่าถามเลยว่าผลไม้นี้มาจากที่ใด ท่านเพียงกินมันเข้าไปเท่านั้นก็พอเจ้าค่ะ”
“นี่มันถูกทำขึ้นมาจากวิชาชั่วร้ายหรือไม่? มันดูเหมือนเด็กทารกมาก! หลิงเอ๋อร์ เจ้าไปพบสิ่งของชั่วร้ายเช่นนี้ที่ใดกัน?”
หลิงเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ท่านอาจารย์ โปรดสัมผัสมันอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเจ้าค่ะ
นี่คือผลโสม มันมีลักษณะเช่นนี้ตั้งแต่แรกเกิด และมันสามารถเพิ่มอายุขัยของท่านได้เกือบห้าหมื่นปีเจ้าค่ะ!”
“อาจารย์ไม่ต้องการมัน เจ้าใช้มันเองเถิด!”
“ท่านอาจารย์!”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ฉีหยวนยังคงโบกมือต่อไป และไล่หลิงเอ๋อร์ให้ออกไปจากประตู “ในฐานะอาจารย์ ข้าไม่ต้องการสิ่งของชั่วร้ายเช่นนี้จริงๆ!”
ปัง!
ประตูไม้ถูกปิดเข้าหากันอย่างแรง และยังปล่อยควันและฝุ่นปลิวออกมา
หลิงเอ๋อร์ใช้พลังเวทย์มนตร์ของนางเพื่อเก็บผลโสม และรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย
ในกระท่อมมุงจาก นักพรตเต๋าเฒ่าฉีหยวนได้ใช้พลังเซียนของเขาเพื่อจัดเตรียมสิ่งกีดขวางสองสามชั้น
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบาๆ และพึมพำว่า “อาจารย์ที่เป็นเซียนจั๋วอย่างข้า ไม่คู่ควรกับมันเลย…”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย หัวใจเต๋าของท่านอาจารย์ของเขานั้นช่างดื้อรั้น ยากจะจัดการได้จริงๆ
หลิงเอ๋อร์หยักมุมปาก นางถือผลโสมเอาไว้ในขณะที่จมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดอยู่พักหนึ่ง
ครั้นเมื่อนางค้นพบร่องรอยของหลี่ฉางโช่วแล้ว หลิงเอ๋อร์ก็กลับมามีลักษณะท่าทางที่มีชีวิตชีวาร่าเริงตามปกติของนาง นางหันกลับมาแล้วบินตรงไปหาศิษย์พี่ของนาง
“ท่านอาจารย์บอกว่ามันเป็นสิ่งชั่วร้าย และไม่ต้องการมัน แล้วข้าควรทำอย่างไรดี?”
“ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในเวลานี้ท่านอาจารย์ยังมีอายุขัยเหลืออยู่อีกมาก นอกจากนี้ ท่านก็กำลังไปทำงานรับใช้ในศาลสวรรค์ และได้ใช้ผลท้อเซียนอีกด้วย เจ้าปิดผนึกผลโสมเอาไว้ในหม้อหยกและเก็บรักษาไว้มันเอาไว้ก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์ตอบกลับอย่างเชื่อฟัง แล้วกระซิบว่า “ไม่เช่นนั้น เหตุใดเราไม่มาทำให้ท่านอาจารย์หมดสติแล้วบังคับให้ท่านดื่มมันลงไปเล่าเจ้าคะ?”
“มันขัดต่อเจตจำนงของท่านอาจารย์ ซึ่งยากที่ท่านอาจารย์จะยอมรับมันได้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เอาเป็นว่า เราจะสำรองแผนนี้เอาไว้ แล้วค่อยมาหารือกันอีกครั้งในภายหน้า”
“เจ้าค่ะ! ตามบัญชาของใต้เท้าเทพวารี!”
หลิงเอ๋อร์ประสานมือและโค้งคารวะให้อย่างมีชีวิตชีวาร่าเริง และทันใดนั้นนางก็นึกถึงสถานการณ์ได้ แล้วปลายหูของนางก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอในลำคอ และกล่าวอย่างจริงจังว่า “พวกเราไม่เคยสนทนากันอย่างเป็นทางการมาก่อน วันนี้เจ้าช่วยตอบข้าได้หรือไม่?
เจ้าคาดหวังอะไรในวิถีการฝึกบำเพ็ญของเจ้าหรือไม่?
หลิงเอ๋อร์คิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง และกล่าวเบาๆ ว่า “การฝึกบำเพ็ญบนภูเขานั้นคือ…มันย่อมจะดีมากหากสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป ศิษย์พี่ ท่านอย่าเพิ่งไล่ข้าออกไปนะเจ้าคะ”
“เจ้าคุ้นเคยกับสถานการณ์ภายนอกผ่านประสบการณ์ครั้งนี้แล้ว หากเจ้าต้องการออกไปเดินเที่ยวเล่นรอบๆ ข้างนอก ก็เพียงบอกให้ข้าได้รู้ล่วงหน้าเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วยื่นมันให้หลิงเอ๋อร์
เขากล่าวว่า “หัวใจมนุษย์นั้นชั่วร้าย มันซับซ้อนและยากจะหยั่งถึงได้
ข้าเองก็นำอันตรายมาสู่ยอดเขาหยกน้อยด้วย ดังนั้นเจ้าก็ยังต้องใส่ใจให้มากขึ้นเช่นกัน”
“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์พาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปด้วยอย่างเบิกบานใจ
นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ออกมาก่อน แต่นางก็ทำได้เพียงส่งเสียงพึมพำออกมาเบาๆ เท่านั้น
“มีอันใดผิดไปหรือ?” หลี่ฉางโซ่วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาได้ยาก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญแล้ว”
หลิงเอ๋อร์ถือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เอาไว้ในอ้อมแขน และก้มศีรษะลง
จากนั้นนางก็หันหลังกลับ แล้วเดินไปรอบๆ หลี่ฉางโซ่วไปยังกระท่อมมุงจาก
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วอยากจะเอ่ยถึงพระสูตรมั่นคง แต่ก็ลังเลที่จะพูดออกไป แล้วเขาก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
ช่างเถิด คราวนี้ข้าจะเขียนมันเอง และมันยังเป็นการกระตุ้นเตือนข้าอีกด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ควรค่าให้กล่าวถึงก็คือ การเขียนพระสูตรมั่นคงพันจบนั้น ในที่สุด ก็กลายเป็นการท่องเงียบๆ
หลังจากที่หลิงเอ๋อร์กลับสู่ภูเขาสำเร็จแล้ว สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกังวลก็ลดลงไปได้ครึ่งหนึ่ง
จากนั้นวันเวลาของเขาก็เริ่มผ่อนคลายสบายมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาจะจัดการกับเรื่องของศาลสวรรค์อยู่ในศาลสวรรค์และคอยกำกับดูแลผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์ทั้งสองคนที่อยู่ในสถาบันการศึกษาให้ข้ามผ่านภัยพิบัติ
หลังจากสงบสุขมาได้อีกสองสามเดือนแล้ว แม่ทัพตงมู่ก็ไปหายังตำหนักที่พำนักของเทพวารีด้วยความหนักใจยิ่ง
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เพ่งจิตสนใจมุ่งไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทันที และต้อนรับแม่ทัพตงมู่เข้าสู่ห้องทำงาน
แต่หลังจากที่เข้าสู่ห้องทำงานแล้ว แม่ทัพตงมู่ก็ลังเลอยู่หลายครั้งและดูมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “แม่ทัพตงมู่ มีอันใดเกิดขึ้นหรือ?”
………………………………………………………………..