ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 106 สิทธิการเข้าฟัง
จุดประสงค์ที่เหวินชิงลงมาโลกมนุษย์ในตอนแรกนั้นคืออาจารย์ เพราะว่าอาจารย์ของตนนั้นหายตัวไปเกือบหมื่นปี ครานี้บังเอิญได้เจอ เขาจึงคิดว่าหากตนเองมาหลายรอบ อาจจะทำให้ท่านเปลี่ยนความคิด และตามเขากลับโลกบนไป แต่ไม่คิดว่าอาจารย์ไม่กลับไป แต่เขากลับมีความคิดอยากอยู่ต่อ…อยู่ต่อเพื่อฟังการสอน! แบบตั้งใจด้วย
หลังจากได้อ่านคาถาเสวียนซินที่อธิบายอย่างละเอียดเล่มนั้น เขาก็ตกตะลึงมากพอแล้ว ต่อมาหลังจากที่เขาไปฟังการสอนไป๋อวี้ด้วยความอยากรู้แล้ว เขาก็ตัดสินใจได้ในทันที ไม่ว่าใครก็อย่าห้ามเขา เขาจะลงโลกมนุษย์มาเล่าเรียน!
นี่มันโรงเรียนวิเศษอะไรกัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคาถาเหล่านี้จะสามารถเข้าใจแบบนี้ได้ ไม่เพียงแต่อธิบายขั้นตอนในการฝึกฝนอย่างละเอียด แม้แต่ปัญหา เหตุไม่คาดคิด หรือทิศทางการใช้พลังที่จะเจอ ล้วนอธิบายไว้อย่างละเอียด อีกทั้งยังมีการให้คำปรึกษาทางจิตใจอีกด้วย!
ใช่! ศิษย์ตัวน้อยใช้คำนี้ ตอนแรกเขายังไม่เข้าใจ ต่อมาถึงได้รู้ว่ามันคือการฝึกฝนทางจิตใจ การฝึกฝนคาถา นอกจากการซึมซับและพรสวรรค์แล้ว สิ่งสำคัญก็คือจิตใจ หากจิตใจตามไม่ทัน ฝึกฝนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งจิตใจก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการฝึกฝน เพราะว่าความคิดของคนนั้นไม่อาจควบคุมได้
แต่สิ่งที่น่าตะลึงคือ ศิษย์ตัวน้อยและไป๋อวี้ทำได้
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่พวกเขาเล่านิทานหลายเรื่องแล้ว ความคิดของเขาก็เดินตามความคิดของอีกฝ่ายไปโดยปริยาย อีกทั้งยังรู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างมาก ไม่มีร่องรอยของการหลอกลวงแม้แต่น้อย! จากนั้น…เขาก็พบว่าพลังของตนเองเพิ่มขึ้น
เหวินชิงตกตะลึงอย่างมาก เขามีความรู้สึกว่า หากทุกคนฟังต่อไป ทุกคนก็จะกลายเป็นศิษย์พี่เจ็ดได้ อีกทั้งนอกจากคาถาเสวียนซินแล้ว พวกเขายังจะสอนคาถาอื่นอีก
เขายิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น ไม่ได้…เขาจำเป็นต้องอยู่ต่อให้ได้!
แต่เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสแล้ว เพราะว่า…
“เฮ้อ คือ…อาจารย์อาเหวิน ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นผู้อาวุโส แต่พวกเรารู้จักส่วนรู้จัก ค่าเล่าเรียนอย่างไรก็ต้องเก็บ” ชายแก่ดื่มชาคำหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ
“สำนักชิงหยางของพวกเราเที่ยงธรรม หากทุกคนฉวยโอกาสเช่นนี้ การสอนก็คงทำต่อไปไม่ได้ ไม่พูดถึงคนอื่น อย่างตาโจว เขารู้จักข้ามาเป็นหลายสิบปี เขาก็ยังจ่ายค่าเล่าเรียนให้! ท่านเป็นถึงท่านเทพ ต้องเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลังนะ! ใช่หรือไม่ เจ้าหนู”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน “ต้องขออภัยอาจารย์อาเหวิน พวกเราเป็นองค์กรฝึกฝนส่วนบุคคล ไม่ใช่องค์กรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากค่าเล่าเรียนเก็บไม่ได้ พวกเราก็จะไร้รายรับ จำนวนข้าวที่อาจารย์ปู่กินท่านก็เคยเห็น ท่านก็คงไม่อยากทำให้เขาโกรธใช่หรือไม่”
ดังนั้น รีบให้เงิน!
เหวินชิงปากกระตุก มองไปยังคนทั้งสองที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนตนเองไม่ได้มาฟังการสอน แต่มากินไม่จ่าย
“ข้าก็ว่าอะไร ก็แค่เงินไม่ใช่หรือ” ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้มาก “ศิษย์ทั้งสองวางใจได้ ของแบบนี้ไม่ให้ขาดแน่ บอกมาเถอะว่าจะเอาเท่าไร”
ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะหยิบลูกคิดออกมาคำนวณ “ท่านเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว แตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นต้องเพิ่มค่าฝึกฝนโดยเฉพาะอีกหนึ่งร้อยตำลึง แต่คำนึงถึงท่านเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ดังนั้นค่าเรียนจะเก็บเพียงสามร้อยตำลึง บวกกับค่าธรรมเนียมอื่นห้าร้อยตำลึง เอาอย่างนี้ ข้าเก็บท่านเป็นตัวเลขกลมๆ หนึ่งพันตำลึง ท่านว่าอย่างไร”
“ได้!” เขาพยักหน้าไม่แม้แต่จะคิด มองไปยังรอบด้าน ก่อนจะเดินไปยังภูเขาปลอมกลางสวน มือหนึ่งจับคาถา และแตะมือลงบนภูเขาปลอม นาทีถัดมาแสงสีขาวประกายขึ้นกลางมือ เห็นเพียงก้อนหินสีขาวเท่านั้นกลายเป็นสีทองอร่ามตาขึ้นมาตั้งแต่ใต้ฝ่ามือเขา และกำลังแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งภูเขาปลอม เพียงชั่วครู่ ภูเขาปลอมนั้นก็กลายเป็นภูเขาทองคำ
“แตะหินเป็นทอง!” ชายแก่อุทานออกมา สายตาจ้องมองไปยังภูเขาทองคำที่สูงราวคนสองคน สมแล้วที่เป็นท่านเทพ ออกมือก็เป็นภูเขาทองคำ!
(⊙ o ⊙)
เหวินชิงลูบหนวดเคราของตนเอง ยิ้มอย่างสบาย ก่อนจะเดินขึ้นหน้าพูด “ศิษย์ทั้งสอง ภูเขาทองคำนี้พอค่าเล่าเรียนข้าหรือไม่”
ชายแก่กำลังจะพยักหน้า แต่อวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดแทรกขึ้น พร้อมส่ายหัว “ไม่ได้!”
“ทำไม” เหวินชิงผงะ ภูเขาทองคำนี้มากกว่าหนึ่งพันตำลึงเสียอีก
อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะถาม “อาจารย์อาเหวิน ท่านรู้จักเงินเฟ้อหรือไม่”
“อะไรเฟ้อ”
มันคืออาวุธอะไร
ไม่เพียงแต่เหวินชิง แม้แต่ชายแก่ก็มีสีหน้าฉงน
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย นางนวดขมับเบาๆ เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าตนเองห่างจากโลกใบนี้อย่างมาก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอธิบายอย่างตั้งใจ “พูดอย่างนี้แล้วกัน จำนวนการแจกจ่ายเงินตราส่วนใหญ่จะมีการกำหนดจำนวนที่แน่นอน หากในตลาดมีจำนวนเงินไหลเวียนมากเกินไป จะเกิดการลดค่าเงิน และทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่า การกระทำที่ท่านเสกทองคำออกมาเช่นนี้ คือการรบกวนตลาดทางการเงิน ดูเหมือนมีราคา แต่ที่จริงแล้วไม่มี นี่ก็คือเงินเฟ้อ เข้าใจหรือไม่”
ไป๋อวี้ “…”
เหวินชิง “…”
ทั้งสองทำหน้าฉงน ถึงแม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่ดูแล้วเก่งกาจมาก!
อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าดำทะมึน ก่อนจะพูดขึ้น “นั่นก็หมายความว่า ข้าไม่รับเงินปลอมที่เสกออกมา ขอบคุณ!”
“ไม่…ไม่ใช่ ของข้าเป็นของแท้นะ!” เหวินชิงรีบอธิบาย คาถาของเขาไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
“หากเป็นสิ่งที่เสกออกมา ข้าล้วนไม่รับ” หากทองคำที่เสกออกมามีประโยชน์ นางก็ให้อาจารย์ปู่เสกออกมาตั้งแต่แรกแล้ว จะต้องรอถึงตอนนี้เหรอ “อาจารย์อาเหวิน พวกเราเป็นถึงศิษย์แห่งเสวียนเหมินที่เที่ยงแท้ จะต้องต่อต้านการกระทำปลอมแปลงที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตรา! หากคิดจะจ่ายค่าเล่าเรียน ก็ต้องพึ่งพาตนเองในการหาเงิน! การมักง่ายเป็นเรื่องไม่ดี!” นี่คือหลักการ!
เหวินชิง “…”
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกดูถูกกัน
แต่เขาเข้าใจความหมายของนาง นางอยากรับเงินที่ได้มาจากโลกมนุษย์ ไม่ใช่เสกออกมา แต่ว่าเขาเป็นเทพมาเป็นเวลานาน ไม่พึ่งคาถาจะไปหามาจากไหน
เหวินชิงอยากจะร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความลำบากที่ไร้เงิน
——————
สุดท้ายเหวินชิงก็ได้รับสิทธิในการเข้าฟัง เพราะว่าอวิ๋นเจี่ยวกำลังจะฝึกหลอมยา ซึ่งในอารามไม่มีเตาหลอม ส่วนตัวเขานั้นฝึกฝนด้านการหลอมอาวุธโดยเฉพาะ เตาหลอมยาจึงไม่ยาก ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงที่จะช่วยเหลือ ซึ่งทำให้เขาได้รับสิทธิ…เขียนใบยืม!
ใช่ เพียงแค่ใบยืมเท่านั้น ค่าเล่าเรียนก็ยังต้องจ่าย
เหวินชิงมองชื่อที่อยู่บนใบยืม ทันใดนั้นมีความรู้สึกซับซ้อน แต่เพื่อฟังการสอน เขาก็ยื่นมันออกไปในที่สุด
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามอง จากนั้นจึงเก็บลงไป “พรุ่งนี้ท่านเริ่มเข้าฟังได้ จริงสิ เตาหลอมยาต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
“หนึ่งคืนเท่านั้น” เตาหลอมที่ใช้ในโลกมนุษย์หลอมออกมาได้ง่าย เขาราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงถามขึ้น “ศิษย์ตัวน้อย หากเจ้าต้องการฝึกหลอมยา ทำไมไม่ขอเตาหลอมจากท่านอาจารย์ ท่านให้ความสำคัญกับเจ้าเพียงนี้ ตามหลักแล้วต้องเตรียมให้เจ้าถึงจะถูก” วิชาหลอมอาวุธของเขาจะสู้อาจารย์ได้อย่างไร
“อาจารย์ปู่?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะตอบ “เขายุ่งอยู่…ไม่สะดวก”
“ยุ่งอะไร” จะว่าไปวันนี้ทั้งวันยังไม่เห็นอาจารย์ลงมาจากเจดีย์ หรือว่าท่านกำลังซึมซับคาถาชั้นสูงอะไร
“ก็ไม่มีอะไร…” อวิ๋นเจี่ยวตอบ “เขากำลังยุ่งอยู่กับการนวดแป้ง ขนมที่ทำครั้งก่อนกินหมดแล้ว ข้าต้องตรวจข้อสอบไม่ว่าง จึงให้เขานวดแป้งเอง อืม…นวดมาทั้งเช้าแล้ว น่าจะกำลังดี เดี๋ยวท่านให้ชายแก่ขึ้นไปเอาหน่อย
เหวินชิง “…”
เจ้ากำลังล้อข้าเล่น!!!