ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 121 ข่ายพลังผนังหิน
ทุกคนรีบเดินไปทางผนังหิน ยิ่งเดินเข้าใกล้แสงสีแดงนั้นยิ่งชัดเจน เหมือนกับอัญมณีสีแดงที่ฝังไว้บนผนังหินมากมายจนน่ากลัว
ทุกคนดูอยู่ครึ่งวันก็ยังไม่เห็นว่าผนังหินแผ่นนี้แตกต่างอย่างไร จึงทำได้เพียงหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว “สหายอวิ๋น หรือว่าพลังชีวิตของเมืองทางตะวันตกซ่อนอยู่ในผนังหินนี้ ถ้าเช่นนั้น…”
เขากำลังจะเสนอว่าลองทุบผนังหินดู แต่เจียวเหิงอีที่อยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้น “ไม่ได้!” เขามองดูแสงสีแดงระยิบระยับเหล่านั้น คิ้วขมวดมุ่น ก่อนที่จะพูดด้วยความลังเลว่า “ตำแหน่งของแสงสีแดงเหล่านี้เหมือนกับข่ายพลัง ต้องดูให้แน่ใจก่อน”
พูดจบมองไปยังคนด้านข้างยังไม่แน่ใจ
“เหมือนข่ายพลังจริง” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างมั่นใจ เพียงแต่ว่าข่ายพลังนี้นางไม่เคยเจอมาก่อน ไม่อาจดูออกว่าเป็นข่ายพลังอะไร “ข้าลองคำนวณดู” พูดจบนางก็ดูตำแหน่งของแสงสีแดงเหล่านั้น ก่อนจะคิดคำนวณภายในใจ สักพักถึงได้พูดขึ้น “ข่ายพลังนี้มีความซับซ้อนเล็กน้อย น่าจะไม่ใช่ข่ายพลังธรรมดา ตอนนี้ข้าสามารถดูออกเพียงข่ายพลังชักนำที่อยู่ด้านบนเท่านั้น ข่ายพลังดังกล่าวสามารถชักนำพลังชีวิตทั้งหมดให้มาที่นี่ ด้านหลังนั้นอาจมีอย่างอื่นหลบซ่อนอยู่
“ที่นี่จริงด้วย!” สีหน้าของทุกคนดำทะมึนลงในทันใด เจียวเหิงอีเดินขึ้นหน้าแล้วพูดเสนอออกมา “สหายอวิ๋น เรื่องนี้ไม่ควรรอช้า พวกเรารีบทำลายข่ายพลังปลดปล่อยพลังชีวิตเถอะ” คนในเมืองไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว
อวิ๋นเจี่ยวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “เช่นนั้นก็ทำลายข่ายพลังก่อนเถอะ”
เจียวเหิงอีรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของชือเซียวเช่นกัน ไม่แน่ว่ามันอาจมีซ่อนกับดักเอาไว้ ดังนั้นจึงหันไปพูดกับคนที่เหลือ “ข่ายพลังนี้ข้าจะทำลายเองก่อน ทุกท่านถอยห่างออกไป ระวังกับดัก”
ทุกคนไม่ได้ปฏิเสธ ต่างถอยห่างออกไป ที่นี่นอกจากสหายอวิ๋นแล้ว ก็มีเพียงหัวหน้าห้องเจียวที่เชี่ยวชาญข่ายพลัง
เจียวเหิงอีหยิบยันต์วิเศษออกมาหลายใบ พร้อมกับเดินไปทางผนังหิน เริ่มท่องคาถาทำลายข่ายพลัง ไม่ถึงชั่วครู่ ผนังหินก็มีเสียงบางอย่างส่งออกมา ตามมาด้วยเสียงของอะไรบางอย่างแตกละเอียด บริเวณรอบข้างสั่นสะเทือน ชั้นหินขนาดใหญ่ร่วงลงมาจากด้านบนของผนังหินราวกับหนังที่ถูกถลกออก
“ระวังหินร่วง” เจ้าสำนักสวีตะโกนเตือนผู้อาวุโสเจียวที่ทำลายข่ายพลังอยู่ทางนั้น อีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาเร็ว หยิบยันต์ป้องกันออกมาทันที นาทีถัดมาแสงสีขาวห่อหุ้มตัวเอาไว้ ทำให้ไม่ถูกก้อนหินหล่นทับ
คนอื่นก็เริ่มหลบหลีก ทันใดนั้นภายในหลุมอบอวลไปด้วยฝุ่นควัน พร้อมกับกลิ่นของดินทรายที่เตะจมูก อีกทั้งยังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกขึ้นมา
เดี๋ยว!
เย็นยะเยือก? อวิ๋นเจี่ยวราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เงยหน้าขึ้นมองไปยังผนังหินที่อยู่ด้านหน้าของเจียวเหิงอี ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “นั่นไม่ใช่แสงสีแดง! หัวหน้าห้อง ออกจากตรงนั้น!”
เจียวเหิงอีผงะ นาทีถัดมารู้สึกแสงสีแดงข้างตัวสว่างขึ้น ก่อนที่จะมีพลังเย็นกลุ่มหนึ่งลอยออกมา เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง เงาดำหนึ่งก็พุ่งมาทางเขา ยันต์ป้องกันรอบตัวของเขาต้านเอาไว้ได้ทีหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงแตกสลาย! ยังดีที่เขาตอบสนองได้ไว หยิบอาวุธออกมาต้านไว้อีกครั้ง ก่อนจะถอยออกห่างจากผนังหิน เมื่อกี้คืออะไร ทำไมถึงทำลายยันต์ป้องกันของเขาได้ง่ายดายเช่นนั้น
“นั่น…นั่นคืออะไร!” มีท่านอาวุโสอุทานออกมา ก่อนจะมองไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเหลือเชื่อ
ทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงแต่ผนังหินที่เต็มไปด้วยจุดแสงสีแดงนั้น หลังจากที่ก้อนหินร่วงลงมาแล้วหน้าตาที่แท้จริงของมันก็โผล่ออกมา นั่นไม่ใช่แสงสีแดง แต่เป็นตาผีสีแดง มันครอบคลุมไปทั่วผนังหิน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นหน้าผีอัปลักษณ์ภายใต้ดวงตานั้นด้วย
“ข่ายพลังร้อยผี!” อวิ๋นเจี่ยวพูด มองไปยังดวงตาสีแดงเหล่านั้น ก่อนที่จะพูดเสริม “ข่ายพลังร้อยปีที่สร้างจากทหารผี”
ทันทีที่พูดจบ คนทั้งห้าก็หายใจเข้าอย่างตกใจ ข่ายพลังร้อยผีไม่น่ากลัว เพราะพวกเขาอย่างน้อยก็เป็นถึงท่านอาวุโส ต่อสู้กับวิญญาณไม่กี่ตัวเป็นเรื่องง่าย แต่วิญญาณเหล่านี้ไม่ธรรมดา พวกมันเป็นถึงทหารผี มิน่าตอนที่ชือเซียวป่วนเมืองตะวันตกมีเพียงแค่นาง ไม่คิดว่าจะเหลือทหารผีไว้ที่นี่หมด ทหารผีไม่ใช่ผีร้ายธรรมดา หากปล่อยออกไป มีโอกาสสร้างความเสียหายที่ไม่คาดคิดได้
เจ้าสำนักสวีกลุ้มใจอย่างยิ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ทุกท่าน ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด พวกเราจะปล่อยทหารผีเหล่านี้ออกไปไม่ได้!”
คนที่เหลือเข้าใจในทันที พวกเขาข่มความตะลึงภายในใจ ก่อนจะหยิบอาวุธและยันต์วิเศษออกมาจัดการทหารผีเหล่านี้ แต่เนื่องจากเมื่อครู่เจียวเหิงอีทำลายข่ายพลัง ทำให้ทหารผีเหล่านั้นต่างหลุดออกจากผนังหิน พร้อมกับโจมตีมายังพวกเขา
ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามของวิญญาณเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง ภายในหลุมยิ่งมืดสนิท
พวกเขามีเพียงหกคน แต่ทหารผีกลับมีกว่าร้อยตัว ตอนแรกยังคงรับมือได้บ้าง แต่เมื่อนานเข้ายิ่งยากลำบาก อีกทั้งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ด้านนอกมีพลังแสงอาทิตย์เพียงพอ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา หากเวลานานเข้าคงไม่อาจถอยได้
อวิ๋นเจี่ยวหนักใจอย่างยิ่ง เมื่อวานตนเองเพิ่งได้รับเส้นชีพจรเสวียน ยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน ดังนั้นจึงไม่อาจต่อกรได้ ทำได้เพียงอาศัยยันต์บนตัว นางมองทหารผีรอบด้านอย่างละเอียด ก่อนจะหยุดสายตาไว้บนผนังหินฝั่งตรงข้าม คำนวณระยะห่าง ก่อนจะรั้งเจียวเหิงอีที่เพิ่งถอยกลับมา “หัวหน้าห้อง ผนังหินนี้สามารถปิดผนึกทหารผีเหล่านี้ได้ ด้านบนต้องมีข่ายพลังอื่นแน่ พวกเราไปดูกัน!”
“ได้! ข้าส่งท่านไป” หัวหน้าห้องเจียวพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เขาควงดาบบังคับให้ทหารผีถอยไป ก่อนจะลากอวิ๋นเจี่ยวพุ่งตรงไปข้างหน้า ทหารผีราวกับรู้ทันการเคลื่อนไหวของเขา ต่างกรูกันเข้ามาทางนี้
เจียวเหิงอีรับมืออย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเทียนซือพระจันทร์ระดับสาม แต่ปกติแล้วเขาชำนาญเพียงข่ายพลัง ด้านคาถามิอาจสู้คนอื่นได้ ระยะทางเพียงสิบกว่าเมตร เขาใช้เวลากว่าหนึ่งเค่อถึงจะเข้าใกล้ผนังหิน
เนื่องจากความเชื่อใจที่มีต่ออวิ๋นเจี่ยว ถึงแม้ตนเองจะถูกทหารผีทำร้ายหลายครั้ง แต่ก็ยังประคองเอาไว้ “สหายอวิ๋น มอบให้ท่านแล้ว! ข้า..อย่างมากต้านไว้ได้อีกหนึ่งเค่อ”
“อืม พอแล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวมองดูผนังหินอย่างละเอียด เมื่อไม่มีตาผีจำนวนมากเหล่านั้น ข่ายพลังบนผนังหินชัดเจนขึ้นมาไม่น้อย นางสามารถมองเห็นข่ายพลังซ้อนทับกันเจ็ดแปดชั้น ในนั้นยังรวมไปถึงข่ายพลังเรียกทหารผี อีกทั้งชั้นสุดท้ายเหมือนยังเชื่อมอะไรบางอย่างไว้
นางไม่ได้ลังเลนาน เริ่มที่จะทำลายข่ายพลัง พร้อมกับแก้ไขข่ายพลัง ข่ายพลังนี้สามารถเรียกทหารผีออกมาได้ แสดงว่าต้องส่งพวกมันกลับไปได้ด้วย ถึงแม้ข่ายพลังเดิมไม่มีคุณสมบัตินี้ นางก็จะเพิ่มให้เอง
เจียวเหิงอีบาดเจ็บสาหัส บนตัวและใบหน้าล้วนเป็นรอยแผลที่ทหารผีทำไว้ ท่าทางดูอนาถกว่าผีร้ายเสียอีก ส่วนอีกสี่คนตรงข้ามนั้นก็ไม่ต่างกัน มองดูยันต์ป้องกันใบสุดท้ายในมือ เขาอดไม่ได้จึงพูดขึ้น “สหายอวิ๋น…”
“ได้แล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวหันหน้า ชี้ไปทางมุมขวาล่าง “ถ่ายพลังเข้ามาในนี้”
“ฮะ?” เขาผงะไป
“เร็ว!” อวิ๋นเจี่ยวไม่มีเวลาอธิบาย
“อ่อๆ” เจียวเหิงอียื่นมือไปแตะบนตำแหน่งที่นางพูด