ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 163 ซ่อมแซมร่างทอง
อวิ๋นเจี่ยวที่แบ่งเค้กข้าวเสร็จแล้วนั้นเปิดถุงเก็บของที่ใส่วัตถุดิบออก ก่อนจะหยิบสมุนไพรออกมาทีละชนิด ทุกครั้งที่นางหยิบออกมาจะวางไว้บนฝาของเตาหลอมก่อนทีหนึ่ง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนัก จากนั้นยัดใส่ในเตาหลอม
“เดี๋ยว!” หยวนเจียงเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง พร้อมพูดขึ้น “ศิษย์หลาน เจ้าวางลงไป…เช่นนี้เลยหรือ?” ไม่ต้องสกัดก่อนหรือ
“ใช่” อวิ๋นเจี่ยวตอบกลับ ก่อนจะพูดเสริมขึ้น “ไม่ต้องกังวล ภายในเตาหลอมมีคาถาทำความสะอาด มันสามารถทำความสะอาดตัวมันเองได้ ไม่มีกลิ่นเค้กข้าวอย่างแน่นอน”
“…” เขาไม่ได้กังวลว่าจะติดกลิ่นเสียหน่อย! เจ้ายัดยาเข้าไปทั้งหมดเช่นนี้จะสามารถหลอมเป็นยาได้หรือ
หยวนเจียงมองวัตถุดิบราคาแพงเหล่านั้น ก่อนจะรู้สึกเจ็บเนื้อ อีกทั้งเขายังไม่กล้าที่จะเอ่ยข้อสงสัย วิชาหลอมยาของศิษย์หลานได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์ หากเขาสงสัยว่าจะหลอมไม่สำเร็จจะเป็นการหักหน้าอาจารย์
เขายิ่งคิดยิ่งกังวล แต่อวิ๋นเจี่ยวได้ปิดฝาเตาหลอมไปแล้ว เดิมที่เขาคิดว่านางจะใช้ไฟในการหลอมยา แต่พบว่านางไม่มีทีท่าจะใช้ยันต์เปลวเพลิงแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยื่นมือไปแตะบริเวณตรงกลางของเตาหลอมทีหนึ่ง
นาทีถัดมา หยวนเจียงได้พบเห็นฉากที่น่าตกตะลึงที่สุดในชีวิต เขาเห็นเพียงแสงสีขาวสว่างขึ้น บริเวณเตาหลอมส่องประกายแสงมากมาย ห่อหุ้มเตาหลอมไว้อย่างแน่นหนา ราวกับครอบด้วยเกราะป้องกันบางอย่าง ชั้นบนสุดของเจดีย์สว่างไสวไปด้วยแสงสีขาว
หยวนเจียงตะลึงอย่างมาก มองดูเตาหลอมที่ส่องประกายแสงนั้นอยู่ครึ่งวัน ก่อนจะตั้งสติได้ “นี่…ทั้งหมดนี้คือข่ายพลัง!” ด้านข้างของเตาหลอมนั้นล้วนเป็นข่ายพลังนานาชนิดที่ซ้อนทับกัน มากเสียจนนับไม่ถูกว่ามีอะไรบ้าง แต่ข่ายพลังเหล่านั้นกลับประกอบเป็นข่ายพลังที่สมบูรณ์เพียงหนึ่งอัน
นี่คือเตาหลอมหรือ นี่คืออาวุธข่ายพลังมากกว่า!
ทางอวิ๋นเจี่ยวยกมือขึ้นด้วยความเคยชิน ก่อนจะแตะอย่างแผ่วเบาลงไปยังข่ายพลังด้านบน ทุกครั้งที่นางแตะลงไป ข่ายพลังด้านบนจะกลายเป็นสีแดง เหมือนกับว่านางจะคุ้นชินกับข่ายพลังเหล่านี้อย่างมาก นางแตะไปสิบกว่าอันอย่างไม่ลังเล ราวกับกำลังเลือกคุณสมบัติอะไรบางอย่าง
สักพักถึงจะหยุดลง นางหันมองหยวนเจียงอย่างกะทันหัน “อาจารย์อาหยวน ท่านชอบรสชาติแบบไหน”
“ฮะ?” หยวนเจียงผงะ หมายความว่าอย่างไร
อวิ๋นเจี่ยวอธิบายขึ้น “ชอบแบบนุ่ม สดชื่น หรือมาตรฐาน”
“…” อะไรกัน?!
(⊙_⊙)
“ปกติข้าชอบแบบสดชื่น แต่ชายแก่ชอบแบบนุ่ม หากท่านไม่แน่ใจ ข้าเลือกแบบมาตรฐานให้แล้วกัน!”
“…” เดี๋ยว! ที่เจ้าพูดคือยาหรือ
อวิ๋นเจี่ยวเลือกข่ายพลังที่อยู่ด้านข้าง นาทีถัดมาเห็นเพียงข่ายพลังรอบด้านของเตาหลอมหายไป และอยู่ในสภาพเตาหลอมรูปลักษณ์แปลกประหลาดเหมือนเดิม
หยวนเจียงสัมผัสได้ว่า ข่ายพลังที่ศิษย์หลานเลือกเมื่อครู่นี้ กำลังทำงานอยู่ภายในเตาหลอม พลังลมปราณรอบด้านหนาแน่นขึ้น และหลอมรวมเข้าภายในเตาหลอม
“เสร็จแล้ว รออีกหนึ่งชั่วยามค่อยมาเอา” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองท้องฟ้าด้านนอก ก่อนจะมองไปยังคนที่กำลังกินเค้กข้าวอยู่ “อาจารย์ปู่เที่ยงแล้ว ลงไปกินข้าว?”
อีกฝ่ายยัดเค้กข้าวที่เหลือใส่ปากและกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบรับ “ได้!”
ดังนั้นทั้งสองคนจึงหันหลัง เตรียมตัวจะเดินลงไปด้านล่าง แต่กลับเหลือบเห็นหยวนเจียงที่ไม่ขยับ อีกทั้งยังมองเตาหลอมด้วยสีหน้าฉงน
“อาจารย์อาหยวน ไปกันเถอะ!”
“…”
ไม่ เขาต้องรอหน่อย คงจะตื่นขึ้นมาอีกไม่นาน ใช่ ต้องฝันไปเป็นแน่!
…
จนกระทั่งยาที่หลอมเสร็จมาอยู่ในมือตัวเอง หยวนเจียงไม่อยากเชื่อว่าโลกนี้จะมีของวิเศษเช่นนั้นอยู่ ไม่ต้องมีเตาหลอมยาแม้แต่น้อย เครื่องมือนั้นก็สามารถหลอมออกมาได้เอง หากไม่ได้เห็นข่ายพลังทับซ้อนกันหลายชั้นด้วยตาตัวเอง หยวนเจียงคงไม่เชื่อว่ามันคือเตาหลอมธรรมดา ไม่ใช่เตาหลอมที่มีวิญญาณ
ตอนแรกเขาคิดว่าของวิเศษเช่นนี้ต้องมาจากฝีมือของอาจารย์เป็นแน่ ต่อมาถามไป๋อวี้ถึงได้รู้ว่า ถึงแม้อาจารย์จะมีส่วนช่วยเหลือบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝีมือของศิษย์น้องเหวินชิงและศิษย์หลานอวิ๋น เหวินชิงรับผิดชอบรูปลักษณ์ของเตาหลอม ศิษย์หลานรับผิดชอบข่ายพลังเหล่านั้น ส่วนอาจารย์เขาเพียงแค่เพิ่มเติมคุณสมบัติด้านการนึ่ง ต้ม ทอด ย่าง อบ
มองดูยาที่ส่องประกายแสงสีทองในมือ หยวนเจียงรู้สึกสงสัยในชีวิตขึ้นมา ลูกศิษย์เสวียนเหมินในตอนนี้เก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ แม้แต่ศิษย์น้องเล็กที่ลงมายังโลกมนุษย์ไม่นาน ก็สามารถทำเตาหลอมเช่นนี้ออกมาได้ เช่นนั้นเขา…ควรจะฝึกฝนใหม่ด้วยหรือไม่
“เอาน้ำไหม” เห็นเขาไม่ยอมกินยาเสียที อวิ๋นเจี่ยวจึงยื่นแก้วน้ำไปให้
หยวนเจียงรับน้ำมาด้วยความฉงน ก่อนจะตั้งสติได้ แต่ว่า…ทำไมต้องให้น้ำเขา
“ครั้งหนึ่งกินสามเม็ด” เพราะว่าเม็ดยาค่อนข้างใหญ่ อวิ๋นเจี่ยวพูดเตือนตามความเคยชิน “หลายวันนี้อย่ากินเนื้อแพะ มะเขือ ข้าวเหนียว กุ้ง และปู”
หยวนเจียงผงะ กำลังจะบอกว่าตนเองได้อดอาหารมานานแล้ว คนที่กำลังนั่งกินขนมอยู่ด้านข้างยื่นมือออกมาขยับจานผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาด้านข้างเขาไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยยวนพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้ากินไม่ได้!” ศิษย์หลานเป็นคนพูด
“…” หยวนเจียงผงะ ศิษย์หลานเหมือนจะไม่ได้บอกว่าห้ามกินผลไม้?
“อาจารย์ปู่…” ชายแก่ที่อยู่ด้านข้างหน้าดำลง พร้อมพูดขึ้น “จานนั้นของข้า!” หยวนเจียงกินไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า ทำไมต้องมาแย่งจานของเขา
“…” อีกฝ่ายชะงักไป ก่อนจะเก็บจานลงและทำเหมือนไม่ได้ยิน
“เจ้าหนู!” ชายแก่ฟ้องอวิ๋นเจี่ยว
หยวนเจียง “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
“คือ…อาจารย์อา ท่านกินยาก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวเปลี่ยนประเด็น นางจะทำอย่างไรได้ จะให้แย่งคืนมาหรือไง
“ได้…ได้” หยวนเจียงกระแอมไอทีหนึ่ง ก่อนจะเทยาออกมาจากขวดสามเม็ดและกลืนลงไป
ไป๋อวี้ “…”
เมื่อกินยาเข้าไป หยวนเจียงรู้สึกถึงเพียงพลังอ่อนโยนกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย และเริ่มไปหล่อเลี้ยงจิตเดิมของเขา อีกทั้งรวมไปยังจิตของเขา
เขาตกตะลึงอย่างมาก ก่อนจะนั่งขัดสมาธิบนพื้น หลับตาลงรวบรวมจิตและทำใจให้สงบ ไม่ถึงชั่วครู่ เขารู้สึกได้เพียงพลังกลุ่มนั้นกำลังซ่อมแซมร่างทองที่แตกละเอียดของตน ก่อนที่จะรู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันที อีกทั้งเขายังรู้สึกได้อีกว่าพลังที่ตกหล่นของตนเองกำลังฟื้นคืนกลับมาอย่างช้าๆ
นั่งสมาธิเพียงครึ่งเค่อ ร่างทองก็ฟื้นกลับมาส่วนใหญ่แล้ว พลังในการซ่อมแซมภายในร่างกายก็วิ่งไปทั่วร่าง เขาลืมตาขึ้นอย่างดีใจ มองไปทางอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตื้นตัน “ร่าง…ร่างทองของข้ากำลังฟื้นกลับมาแล้ว”
“เมื่อถึงเวลานี้ของวันรุ่งขึ้น ท่านกินอีกสามเม็ด จากนั้นพักผ่อนอีกสองสามวัน ก็จะหายดี” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ได้ ข้าจำไว้แล้ว” หยวนเจียงพยักหน้าด้วยความดีใจ เขาไม่คิดว่าผลของยาจะดีขนาดนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ถึงสิบวัน ร่างทองของตนก็จะสามารถฟื้นคืนกลับมา เขารีบลุกขึ้นยืน พร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณศิษย์หลาน”
อวิ๋นเจี่ยวตอบกลับ “ท่านเป็นอาจารย์อาของข้า ไม่ต้องเกรงใจ” เพราะว่าจ่ายเงินแล้ว
หยวนเจียงอยากพูดอะไรต่อ แต่กลับมีร่างที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณบุกเข้ามาอย่างเร่งรีบ อีกทั้งเสียงยังมาก่อนคน
“ศิษย์น้องอวิ๋น ข้าสืบหาคนที่ปลอมตัวเป็นศิษย์พี่หานได้แล้ว”