ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 181 เกษตรกรขอวิชา
ราชายมโลกสาวเท้าเดินเข้าใกล้อย่างเคยชิน เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางราวกับคุณชาย เพียงแต่เมื่ออ้าปากพูดนั้น ภาพลวงอันแสนอ่อนโยนก็พังทลายลงไป
“ข้าว่าลูกศิษย์ตัวน้อย! ทำไมพวกเจ้าไม่บอกลากันก่อนไปแม้แต่น้อย ข้าตื่นมาก็ไม่พบเจ้ากับเยี่ยยวนแล้ว อย่างน้อยก็บอกข้าก่อนสักคำ! เยี่ยยวนก็แล้วไป เพราะเขาไม่เคยทักทายกับข้าอยู่แล้ว แต่เจ้าอย่าไปเลียนแบบนิสัยเสียของเขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าตามหาพวกเจ้านานแค่ไหน การใช้พลังยุ่งยากอย่างมาก ข้าเกลียดการใช้พลังที่สุด หากไม่ได้ต้องการตามหาตัวพวกเจ้า ข้าไม่มีทางใช้คาถาตามรอย จริงสิ พวกเจ้ามีธุระเร่งรีบอะไรกันหรือ มีธุระเร่งรีบก็สามารถบอกข้าได้ ลูกศิษย์ตัวน้อย…”
เขาเริ่มพูดไม่หยุดขึ้นมา ชายแก่ด้านข้างทำหน้างงงวย ก่อนจะหันไปหาอวิ๋นเจี่ยว “เจ้ามีอาจารย์อีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ทำไมเขาไม่รู้
อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าดำลง ก่อนจะทำตาขวางใส่เขา ข้ามีอาจารย์หรือไม่ ท่านไม่รู้หรือไง
ราชายมโลกอธิบายขึ้น “สหายท่านนี้เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่อาจารย์ของลูกศิษย์ตัวน้อย ลูกศิษย์ตัวน้อยเป็นลูกศิษย์ตัวน้อยของเยี่ยยวน ไม่ใช่ลูกศิษย์ตัวน้อยของข้า ข้าไม่รับลูกศิษย์ อย่าว่าแต่ลูกศิษย์ตัวน้อยเลย แม้แต่ลูกศิษย์ตัวใหญ่ก็ไม่มี รับลูกศิษย์ยุ่งยากเกินไป สู้ปลูกดอกไม้ดีกว่า จริงสิสหาย ท่านสนใจปลูกดอกไม้หรือไม่ ข้าจะบอกเจ้าเรื่องการปลูกดอกไม้…”
อีกฝ่ายยังคงพูดต่อไม่หยุด ชายแก่ฟังจนเส้นเลือดบนขมับปูดขึ้น ก่อนที่จะพูดขัด “เจ้าคือใครกัน?!”
“อ่อ ข้าลืมแนะนำตัว!” ราชายมโลกถึงได้บอกว่า “ข้าชื่อ อิ้งหลุน ไม่รู้สหายนามว่าอย่างไร อ่อ จริงสิ ยังไม่รู้ชื่อของลูกศิษย์ตัวน้อยเลย แต่ว่าไม่เป็นไร เพื่อนกัน เดี๋ยวก็รู้จักกันเอง สหายข้าเห็นท่านกับลูกศิษย์ตัวน้อยมีวาสนาในการปลูกดอกไม้ อย่างนั้นมาศึกษาด้วยกันเป็นอย่าง…”
“…” มีวาสนาอะไรกัน! ที่แท้เจ้าก็ยังไม่รู้ชื่อเจ้าหนูหรอกหรือ! เขาก็ว่าทำไมคำก็ลูกศิษย์ตัวน้อย สองคำก็ลูกศิษย์ตัวน้อย ตอนที่อยู่นอกอารามก็บอกแค่หาคนที่อยู่ในห้องตำราตำหนักด้านข้าง เขายังคิดว่าเจ้าหนูนัดคนเอาไว้
“นี่คืออะไร” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังถุงใหญ่ในมือของเขา เมื่อกี้ไม่ทันสังเกต ตอนนี้เพิ่งจะพบว่าด้านในบรรจุไว้อย่างน้อยยี่สิบสามสิบจิน
“อ่อ อันนี้เหรอ…” อิ้งหลุนตบหน้าผาก ยกถุงนั้นขึ้นมาด้วยดวงตาแพรวพราว ก่อนจะวางลงบนโต๊ะหนังสือด้านหน้าอวิ๋นเจี่ยวอย่างหนัก พร้อมพูดขึ้น “ข้าคิดว่าวิ่งมากะทันหันไม่เหมาะสมเสียเท่าไหร่ จึงเอาของฝากมาให้พวกเจ้า”
“…” ท่านยังรู้ว่าไม่เหมาะสม! เดี๋ยว! อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ สิ่งที่เขาเอามาคงจะไม่ใช่…
นาทีถัดมา เห็นเพียงเขาดึงเชือกที่มัดปากถุงออก จากนั้นกระเทียมที่เกลือกกลั้วไปด้วยดินโคลนและพลังวิญญาณจำนวนมากกลิ้งออกมาเต็มโต๊ะ ทำเอาตารางแผนการเรียนที่นางเขียนนั้นเปื้อนไปด้วยดินสีดำ
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
เฮ้ย! กระเทียมจริงด้วย!
( ̄△ ̄;)
“เป็นอย่างไร กระเทียมที่ข้าปลูกไม่เลวใช่หรือไม่! ข้าจะบอกอะไรเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเอาพวกมันมาให้คนอื่น ปลูกมานานขนาดนี้ มีความผูกพันกันแล้ว แต่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน พวกเจ้ากินได้เต็มที่ หากหมดแล้วข้าไปเก็บมาให้ใหม่ ข้าไม่มีอย่างอื่น แต่กระเทียมมีเพียงพออย่างแน่นอน!” พูดจบเขายังตบเข้าที่หน้าอกของตนเองอย่างแรง “ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้า กระเทียมของข้าแตกต่างจากกระเทียมของโลกมนุษย์ เจ้าดูลักษณะของมันสิ ข้ารับรองว่าพวกเจ้าหาไม่เจอที่อื่นอย่างแน่นอน ดูที่ลูกนี้สิ นี่มีอายุถึงสิบปี เทียบกับกระเทียมทั่วไป มันถือว่า…”
“…” โอย!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเริ่มการพูดล้างสมองรอบใหม่ อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที พยายามข่มความหงุดหงิดภายในใจ ก่อนจะพูดขัดขึ้น “อิ้งหลุนใช่ไหม?! ท่านมาหาข้าทำไมกัน”
อิ้งหลุนผงะไปเล็กน้อยราวกับเพิ่งนึกถึงจุดประสงค์ของตนเองได้ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะถูมือไปมาอย่างเก้อเขิน “อั๊ยยะ ลูกศิษย์ตัวน้อยช่างเป็นคนตรงไปตรงมา ตอนที่ข้าพบเจ้า ข้าก็รู้สึกถูกชะตา! ตอนนี้มาดู ข้าคบเพื่อนไม่ผิดจริงๆ ในเมื่อเจ้าถามแล้ว ข้าก็จะไม่พูดมาก!”
“…” ท่านยังรู้ว่าตัวเองพูดมาก!
凸(艹皿艹)
“คืออย่างนี้ ข้ามาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว รู้สึกว่าริมแม่น้ำปลูกแค่กระเทียมจะน่าเบื่อไปหน่อย ดังนั้นข้ามาครานี้จึงคิดอยากจะมาศึกษาที่เจ้าบอกคราที่แล้ว…อะไรนั่นน่ะ มันดีจริงหรือ”
“ท่านอยากปลูกผักชี ต้นหอม?” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ใช่ๆๆ อันนั้นแหละ!” เขาพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาสว่างขึ้นมาทันที “เจ้าก็รู้ หลายปีนี้ข้ามัวแต่ปลูกกระเทียม อีกทั้งยังหลับไหลนานเกินไป ดังนั้นจึงไม่คุ้นเคยกับโลกปัจจุบันนี้ ลูกศิษย์ตัวน้อยเจ้าพาข้าไปรู้จักหน่อยได้หรือไม่ ดีที่สุดคือหาเมล็ดพันธุ์ พร้อมบอกวิธีปลูกกับข้า วางใจได้ ข้าเรียนรู้ไวมาก ต้อง…”
“เรื่องแบบนี้ ท่านไปถามคนทั่วไปได้” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัด “ข้าไม่มีเวลาสอนท่าน”
“อย่าสิ ลูกศิษย์ตัวน้อย!” อิ้งหลุนเดินหน้าขึ้น “ข้าเพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน คนที่รู้จักก็มีน้อย หาคนอื่นช่วยไม่ได้ จึงมาหาพวกเจ้า อีกทั้งข้ากับเยี่ยยวนรู้จักกันมาหลายปี ในฐานะเพื่อนเก่าแก่ เจ้าช่วยข้าหน่อยเถอะ อย่างที่ว่าพบหน้ากันก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน ต้องรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้! หรือไม่เจ้าให้เมล็ดพันธุ์ข้า ข้ากลับไปศึกษาเอง เจ้าอยากได้กระเทียมมากแค่ไหนข้าก็จะให้…”
“…” ใครอยากได้กระเทียมของท่านกัน!
เขายังคงพูดต่อ “รอต้นหอม ผักชีอะไรนั่นโตขึ้นมา เจ้ามาถอนไปได้ทุกเวลาเลย เป็นอย่างไร”
ไม่อยากได้ ขอบคุณ!
“ไม่ต้อง!” อวิ๋นเจี่ยวปฎิเสธ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหยิบกระเทียมที่เปื้อนดินขึ้นมาหัวหนึ่ง ก่อนจะพูดพร้อมถอนหายใจ “กระเทียมของท่าน พวกข้าคงใช้ไม่ได้” พูดจบนางออกแรงหักออก พลังวิญญาณเข้มข้นลอยออกมาจากด้านใน
“พลังวิญญาณ!” ชายแก่ตกตะลึง มองไปยังอิ้งหลุนด้วยความตกตะลึง “เจ้าคือคนของยมโลก! เจ้าคือใครกัน” เขาเอื้อมมือไปจับยันต์ข้างลำตัวเอาไว้ สีหน้าระแวง คนของยมโลกบังอาจบุกอารามชิงหยางในตอนกลางวัน อีกทั้งเขายังดูไม่ออกแม้แต่น้อย ท่าทางอีกฝ่ายจะมีพลังมาก หรือว่าจะเป็นยมราชหรือยมทูตของเมืองไหน
“ชายแก่ ท่านรอเดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวกดคนกลับไป “เขาไม่ใช่ศัตรู”
“เจ้าหนู เขาคือ…” ชายแก่ผงะ
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขา พร้อมกับตบบ่า “เชื่อข้า ท่านไม่อยากรู้!” หากท่านรู้ว่ามีเจ้านายชั่วคราวแบบนี้ ท่านต้องร้องไห้เป็นแน่
“…”
“กระเทียมของท่านปลูกในยมโลก คนทั่วไปแตะต้องถูกนิดเดียวจะโดนพลังวิญญาณแทรกซึมเข้าร่าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกินเข้าไป!” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “ท่านเอากลับไปเถอะ”
ราชายมโลกกลับไม่มีทีท่าจะเก็บกลับไป “อ่อ เรื่องนี้ง่าย แค่พลังวิญญาณเอง เรื่องแค่นี้จัดการง่ายนิดเดียว หากพวกเจ้าไม่ชอบ ข้ากำจัดให้พวกเจ้าก็พอ วางใจๆ กระเทียมของข้าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
พูดจบ เขาก็วางมือลงบนโต๊ะ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร นางรู้สึกได้เพียงมีบางอย่างกวาดผ่านหน้าโต๊ะไป นาทีถัดมากระเทียมที่อุดมไปด้วยพลังวิญญาณนั้นราวกับถูกอะไรบางอย่างชำระล้าง พลังวิญญาณหายไปอย่างหมดเกลี้ยง ราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน กระเทียมเต็มโต๊ะนั้นดูสดใหม่ยิ่งกว่าเดิม
ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งไปกว่าเดิมคือ โต๊ะหนังสือที่อวิ๋นเจี่ยวใช้มาหลายเดือนนั้นมีต้นอ่อนสีเขียวโผล่ออกมาจากกลางโต๊ะ
ทั้งสองคนตกใจอย่างมาก พลังเมื่อกี้คือ…พลังชีวิต! เขาถ่ายทอดพลังชีวิตลงกระเทียมบนโต๊ะ!!!
(⊙_⊙)
ทั้งสองคนสบตากัน…
อวิ๋นเจี่ยว “…” ข้ามีความคิดหนึ่ง!
ไป๋อวี้ “…” ข้าก็มี!