ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 206 ความรู้เบี่ยงเบน
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหล่าท่านเทพของโลกบนมองโลกมนุษย์เป็นอะไรกัน ร้านสะดวกซื้อหรืออย่างไร เรื่องอสูรกลืนนภาครั้งก่อนก็เช่นกัน คิดจะเอาพลังชีวิตก็มาเอาที่โลกมนุษย์ คิดจะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพมาขุดที่โลกมนุษย์ หากเลี้ยงไม่สำเร็จก็ดึงเอาพลังวิญญาณของคนจำนวนมากเช่นนี้
มีสิทธิอะไรกัน!
ร้านสะดวกซื้อยังต้องจ่ายเงิน แม้แต่ยมโลกยังรู้จักใช้ข้ออ้างที่ถึงแม้จะไม่น่าเชื่อถือมากเท่าไร แต่โลกบนกลับไม่เคยคิดจะบอกกล่าวแม้แต่น้อย เพียงเพราะมนุษย์เกิดมาอ่อนแอกว่าพวกเขา ดังนั้นจึงสมควรถูกรังแกหรือ
เธอไม่อาจข่มความครุ่นคิดภายในใจได้ ทันใดนั้นมีความรู้สึกอยากบุกขึ้นโลกบนถามหาความจริงให้รู้เรื่อง แต่สติของเธอกลับดึงรั้งให้เธอยืนอยู่ที่เดิม เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายที ฝ่ามือข้างลำตัวกลับยิ่งบีบยิ่งแน่น
จนกระทั่งมือเย็นข้างหนึ่งจับเข้าที่หลังมือของเธอ พร้อมกับแกะนิ้วของเธอที่จิกเข้าฝ่ามือ สายตาเรียบเฉยมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “ไม่ต้องกังวล”
“…”ความกดดันภายในใจของเธอสลายหายไปอย่างเหลือเชื่อ
“เจ้าหนู…” ชายแก่ลากร่างกายที่บาดเจ็บเดินเข้ามาหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่เช่นเดียวกัน เขามองไปยังลูกแก้วบนฝ่ามือของอาจารย์ปู่ ก่อนจะถามขึ้น “ตอนนี้ทำอย่างไร ส่งข่าวบอกอาจารย์อาหยวนก่อนดีหรือไม่ ให้เขาช่วยสืบว่าใครเป็นคนวางข่ายพลังนี้”
สติของอวิ๋นเจี่ยวถูกดึงกลับมาทั้งหมด เธอรับลูกแก้วกำเนิดวิญญาณจากมือของเยี่ยยวนมา ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ต้อง เขาจะมาหาพวกเราเอง”
“…”
——————
หลังจากคนทั้งหลายกลับมายังสำนักชิงหยาง อวิ๋นเจี่ยวจึงจัดการรักษาแผลของทั้งสามคนอีกครั้ง บังเอิญถึงเวลาเรียนพอดี เธอจึงส่งตัวของตาโจวและถังเฉินไปยังสำนักเทียนซือ เพราะอย่างน้อยที่นั่นมีสถานที่สำหรับการรักษาโดยเฉพาะ ชิงหยางมีคนน้อยเกินไป ไม่อาจดูแลพวกเขาได้
ชายแก่กลับดีใจอย่างมาก เขาอาศัยช่วงที่ตนเองบาดเจ็บ นอนโอดครวญอยู่บนเตียงเสียงดังกว่าคนอื่น
“เจ้าหนู…สภาพข้าเช่นนี้คงไม่อาจเคลื่อนไหวได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่อาจฝึกฝนได้ ยิ่งไม่สามารถไปสอนที่สำนักเทียนซือได้แล้ว ครั้งก่อนเจ้าหาเหล่าเจ้าสำนักสำหรับการสอนถึงห้าสิบคนไม่ใช่หรือไม่ ปรับตารางเรียนหน่อยเถอะ!” เขาขออู้…อ่อ ไม่ใช่ พักผ่อนอย่างเปิดเผย
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
“ข้าไม่สนใจนะ ตาโจวเองก็ไม่…เอ๊ะ?” ชายแก่ผงะ ก่อนจะตั้งสติได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร “เจ้า…เจ้ารับปากแล้ว?!” ง่ายดายเช่นนี้?
“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า เห็นแก่อีกฝ่ายอายุมากมายเช่นนี้แล้ว กระดูกแขนขาใช้เวลาฟื้นฟูช้ากว่าคนหนุ่มสาวอย่างมาก ส่วนเรื่องวิชาที่ตกหล่น เธอจะเป็นคนออกข้อสอบเสริมให้อีกฝ่ายเอง “ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าไปก่อน”
“เดี๋ยว! เจ้าไปไหน” คนที่นอนโอดครวญลุกนั่งขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าเจ้าหนูตอบตกลงเร็วเกินไป ต้องมีแผนการอะไรบางอย่างเป็นแน่
“ข้าไปหลังเขา”
ชายแก่ผงะ ก่อนจะกัดฟังลุกขึ้นจากเตียง “ข้าไปด้วย!”
“กระดูกท่านไม่เจ็บแล้ว?” เธอกวาดตามองอีกฝ่าย
“ข้ากลัวเจ้าจะขนสิ่งของที่อิ้งหลุนปลูกไม่ไหว” เขาพูดอย่างจริงจัง “จริงสิ เจ้าหนู เจ้าจะไปเก็บผักมาต้มน้ำแกงใช่หรือไม่! ข้าว่าต้มฟักเขียวก็ไม่เลว” ในฐานะที่เป็นผู้บาดเจ็บ เขากินมากขึ้นหนึ่งชามได้หรือไม่
“ไม่! ข้ามีเรื่องต้องไปหาอิ้งหลุน”
“…” หาเขาทำไมกัน
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อธิบายต่อ เธอเดินตรงไปยังหลังเขาทันที
****
“นี่อะไร” อิ้งหลุนรับลูกแก้วสีขาวในมือของเธอมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ยังไม่ทันรออีกฝ่ายได้อธิบาย เขาก็ถามขึ้น “เมล็ดพันธุ์พืชใหม่หรือ ทำไมใหญ่เช่นนี้ จะปลูกได้กระเทียมหัวใหญ่กันขนาดไหน ศิษย์ตัวน้อย เมล็ดนี้เรียกว่าอะไร เจ้าได้มาจากไหน มันยังมีควันสีขาวกระจายออกมาด้วย! เหมือนกับฟักสีขาวครั้งก่อนเลย หรือว่าจะเป็นเมล็ดของฟักนั้น จริงสิ ฟักสีขาวครั้งก่อนเจ้าสืบได้หรือยังว่าคืออะไร พวกเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย โอย! หากไม่ใช่เยี่ยยวนผนึกคำสาปต้องห้ามไว้หลังเขา ข้าก็คงไม่ต้องให้อีเจิงไปถามให้ ตอนนี้อีเจิงก็กลับยมโลกไปแล้ว พวกเจ้าไม่รู้ ข้ามี…”
“นี่คือลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัดเขา
“ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ!” อิ้งหลุนผงะไป
“อืม” เธอชี้ไปยังเงาวิญญาณภายในลูกแก้ว “ลูกแก้วนี้กลืนกินวิญญาณมากมาย ด้านในล้วนเป็นเศษเสี้ยววิญญาณของผู้คนที่ตายไป ท่านสามารถฟื้นสภาพของเศษเสี้ยววิญญาณเหล่านี้ ส่งพวกเขาไปเกิดใหม่หรือไม่”
“อ่อ” อิ้งหลุนพยักหน้า ก่อนจะตอบกลับ “ไม่ได้!”
“…”
ถึงแม้จะเป็นคำตอบที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว อวิ๋นเจี่ยวก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะหดหู่ลง เศษเสี้ยววิญญาณเหล่านี้อ่อนแอมากเกินไป ถึงแม้จะปล่อยออกมาจากภายในลูกแก้วได้ แต่ก็ไม่สามารถรวมตัวเป็นร่างวิญญาณที่สมบูรณ์ได้อีก “แม้แต่ท่านก็ไม่มีวิธีหรือ” หากแม้แต่ราชายมโลกก็ไม่อาจช่วยเหลือวิญญาณเหล่านนี้ เช่นนั้นก็คงไม่มีใครทำได้แล้ว
“มีวิธี!” อิ้งหลุนพูด
“ไหนเจ้าเมื่อกี้บอกว่าไม่ได้” ชายแก่พูดขึ้น
“ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถฟื้นฟูวิญญาณของพวกเขากลับมาให้สมบูรณ์ แต่มีสถานที่หนึ่งสามารถซ่อมแซมร่างวิญญาณของพวกเขาได้” เขาพูดขึ้น
“ที่ไหน” ทั้งสองคนตาลุกวาว ถามขึ้รอย่างร้อนใจ
อิ้งหลุนโยนลูกแก้วในมือขึ้นลง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ของแบบนี้ โยนลงแม่น้ำหยินก็พอแล้ว”
“แม่น้ำหยิน!” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันพูด ชายชรากลับระเบิดขึ้นมาก่อน “เหลวไหล! นอกจากยมราชแล้ว ไม่มีวิญญาณตนไหนกล้าที่จะเข้าใกล้แม่น้ำหยิน แม้แต่ยมทูตยังถูกกลืนกินจนไม่เหลือซาก สถานที่อันตรายเช่นนั้น เจ้าจะโยนเสี้ยววิญญาณเหล่านี้เข้าไป!” เกรงว่าพวกเขาจะตายไม่สมบูรณ์หรืออย่างไร
“ใครบอกจเว่าแม่น้ำหยินกลืนกินวิญญาณ?” อิ้งหลุนมองชายแก่ด้วยสายตาแปลกประหลาด
“ไม่…ไม่ใช่หรือ” ชายแก่ผงะ นี่เป็นความรู้ทั่วไปของยมโลกไม่ใช่หรือ ครั้งก่อนราชาซิวหลิงก็พูดเช่นนี้!
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” อิ้งหลุนพลางโยนลูกแก้วเล่น พลางตอบ “แม่น้ำหยินเป็นแม่น้ำวิญญาณของยมโลก ใช้สำหรับส่งวิญญาณไปเกิดใหม่ ด้านในอุดมไปด้วยพลังการเวียนว่าย สามารถซ่อมแซมวิญญาณที่สูญหาย”
“แต่ว่า…ไม่ได้บอกว่าวิญญาณที่ตกลงในแม่น้ำหยินจะไม่มีโอกาสได้ปีนขึ้นมาหรือ”
“อ่อ นั่นเป็นเพราะแม่น้ำหยินนอกจากจะซ่อมแซมวิญญาณแล้ว ยังสามารถชำระล้างกิเลสของโลกและความทรงจำได้ จากนั้นวิญญาณจะถูกส่งไปเกิดใหม่” อิ้งหลุนพูด “เมื่อพวกเขาลืมทุกอย่าง จึงไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงอยู่ในแม่น้ำ ดังนั้นจึงไม่ปีนขึ้นมา”
ชายแก่ยิ่งฟังยิ่งฉงน ในฐานะที่เป็นยมราชตัวสำรองชั่วคราวนั้น เขาได้ทำการศึกษาความรู้เกี่ยวกับยมโลกมาค่อนข้างมาก แต่ว่าทำไมสิ่งที่เขาศึกษามาถึงแตกต่างจากที่อิ้งหลุนพูดอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าไม่ได้กำลังหลอกพวกข้าใช่หรือไม่ เขายังคงสีหน้าสงสัย “วิญญาณต้องเข้าสู่แท่นเวียนว่าย ดื่มน้ำลืมเลือน จึงจะเวียนไปเกิดใหม่ได้ไม่ใช่หรือ”
“ด้านล่างแท่นเวียนว่ายนั้นก็คือแม่น้ำหยิน!” อิ้งหลุนพูด การกระโดดลงแม่น้ำโดยตรงแตกต่างจากกระโดดจากแท่นลงไปตรงไหนกัน
“น้ำลืมเลือนล่ะ?”
“มันคือน้ำจากแม้น้ำหยิน!” อิ้งหลุนอธิบายขึ้นอย่างตั้งใจ “ข้าจำได้ว่าแต่ก่อน ต้องให้คนไปตักน้ำในแม่น้ำมาให้เหล่าวิญญาณดื่ม แต่ว่ามักมีคนลื่นล้มลงไปอย่างไม่ระมัดระวัง ดังนั้นต่อมาจึงสร้างท่อน้ำขึ้นมา ชักนำน้ำขึ้นไปบนแท่น เช่นนี้จึงไม่ต้องไปตักน้ำริมแม่น้ำแล้ว ทำไม…พวกเจ้าไม่รู้หรือ” ท่อน้ำเขาเป็นคนทำเองด้วยนะ
ชายแก่: “…”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
มีความรู้สึกอยากวิ่งกลับไปฉีก “คู่มือความรู้ยมโลก” ในทันที!